กกต.รีบโบ้ยอ้างเป็นตุ๊กตา ศรีสุวรรณจี้ปปช.สอบมท.1 ขุมทรัพย์รง.ขยะ3แสนล้าน
ประธาน กกต.อู้อี้เลือกตั้ง 24 ก.พ.62 เป็นแค่กรอบเดิมจากวงหารือรัฐบาลกับพรรคการ เมือง โยนถ้ามีปัจจัยอื่นยื้อเวลาไม่ใช่เรื่อง กกต. จะพิจารณา “จรุงวิทย์” แจงวุ่นไทม์ไลน์ตั้งตุ๊กตาวางแผนงานให้ จนท. เคาะค่าใช้จ่ายส่ง ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ 20-70 ล้านบาท รัฐบาลส่งซิกแก้คำสั่ง หน.คสช.ที่ 53/60 คลายล็อกประชุมพรรค-หาสมาชิก “โฆษก คสช.” ยันโรดแม็ปยังไม่เปลี่ยน ภายใต้เงื่อนไขประเทศชาติสงบ โวคุมได้ไร้เหตุป่วนเลื่อนกาบัตร ปชป.-พท.-ชทพ. รุมกดดันรีบปลดล็อกปล่อยผี “อภิสิทธิ์” บี้รัฐบาล-กกต.ฟันกลุ่มสามมิตรกู้ความเชื่อมั่น “อนุสรณ์” ซัดความผิดสำเร็จแล้ว “องอาจ” ขู่ดูอดีตรุ่นพี่ติดคุก ยุ 5 เสือใหม่อย่ายอมผู้มีอำนาจแทรกแซง “ศรีสุวรรณ” สนองคำท้า “บิ๊กป๊อก” ร้อง ป.ป.ช.เอาผิด ชี้เป้าสอบขุมทรัพย์โรงเผาขยะท้องถิ่น 3 แสนล้าน
หลังจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดโรดแม็ปประกาศ พ.ร.ฎ.เลือกตั้งวันที่ 4 ม.ค.2562 และเข้าคูหากาบัตรเลือกตั้งในวันที่ 24 ก.พ.2562 ทำให้ถูกจับตามองจากทุกฝ่ายว่าจะเป็นจริงหรือไม่ ทีมโฆษกคณะรักษาความความสงบแห่งชาติ (คสช.) ระบุเป็นกรอบเวลาภายใต้เงื่อนไขที่บ้านเมืองมีความสงบเรียบร้อย ขณะที่ประธาน กกต.ชี้แจงว่าเป็นแค่กรอบเวลาเดิมที่รัฐบาลหารือร่วมกับพรรค การเมือง ถ้ามีปัจจัยอื่นที่ทำให้การเลือกตั้งเลื่อนออกไป ไม่ใช่เรื่องของ กกต.จะพิจารณา
คสช.ชี้โรดแม็ป กกต.ภายใต้ชาติสงบ
เมื่อวันที่ 19 ส.ค. พล.ต.ปิยพงษ์ กลิ่นพันธุ์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11) ในฐานะทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดโรดแม็ปประกาศ พ.ร.ฎ.เลือกตั้งวันที่ 4 ม.ค.2562 และเข้าคูหากาบัตรเลือกตั้งวันที่ 24 ก.พ.2562 ว่า หลังจาก กกต.ประกาศเปิดโรดแม็ปวันเลือกตั้ง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องคงต้องเตรียมความพร้อมเพื่อดำเนินการต่อไป ส่วน คสช.ยังคงดูแลความสงบเรียบร้อย เพื่อประคับประคองสถานการณ์ให้สงบนำไปสู่การเลือกตั้งได้อย่างเรียบร้อย งานอื่นๆ คสช.จะสนับสนุนและอำนวยความสะดวกในการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล และเมื่อมีการเลือกตั้งเสร็จแล้ว ได้รัฐบาลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้ง คสช.จะส่งมอบงานการบริหารราชการแผ่นดินให้รัฐบาลชุดใหม่มาสานงานต่อไป
...
โวคุมได้ไร้ปัจจัยทำให้เลื่อนเลือกตั้ง
พล.ต.ปิยพงษ์กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์ด้านความมั่นคงและการเคลื่อนไหวทางการเมืองช่วงนี้ คสช.ยังคงติดตามสถานการณ์ด้านการข่าวอย่างต่อเนื่อง ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงและน่าวิตกกังวล ที่จะเป็นปัจจัยทำให้โรดแม็ปการเลือกตั้งเลื่อนออกไปอีก ขอย้ำว่าเราติดตามการเคลื่อนไหวของทุกพรรคและกลุ่มการเมือง ไม่ได้เลือกปฏิบัติ ตอนนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ทุกกลุ่มยังเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบกฎหมาย ไม่กระทบความมั่นคง ถ้าพรรคและกลุ่มการเมืองใดเคลื่อนไหวขัดและผิดกฎหมาย เราจะดำเนินการตามกระบวนการ คสช.ยังติดตามการเคลื่อนไหวทุกกลุ่ม เชื่อว่าควบคุมสถานการณ์ของประเทศให้สงบเรียบร้อยได้ ขอย้ำว่า คสช.ไม่สามารถจะพูดเป็นอย่างอื่นไปได้ การเลือกตั้งยังเป็นไปตามกรอบโรดแม็ปช่วงต้นปี 2562 และยังไม่มีอะไรที่จะทำให้โรดแม็ปเลื่อนอีก
“อิทธิพร” อู้อี้ 24 ก.พ. แค่กรอบเดิม
เมื่อเวลา 11.00 น. ที่โรงแรมพินนาเคิล พัทยา นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงแผนปฏิบัติการเลือกตั้ง ส.ส.ของ กกต.ที่กำหนดวันที่ 24 ก.พ.2562 ว่าเป็นการเตรียมความพร้อมของสำนักงาน กกต.ที่ได้กำหนดแผนปฏิบัติการ เพื่อให้ผู้ปฏิบัติได้ทำงานไปตามแผน โดยวันดังกล่าว กกต.ไม่ได้กำหนดเร็วหรือช้าไป แต่เป็นกรอบที่รัฐบาลและพรรคการเมืองเคยหารือและกำหนดกันไว้ว่า ถ้า พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ใช้บังคับจะต้องจัดการเลือกตั้งให้แล้วเสร็จใน 150 วัน วันที่จะจัดการเลือกตั้งเร็วที่สุดคือวันที่ 24 ก.พ. และช้าสุดคือ 5 พ.ค. ซึ่งเราพร้อมตั้งแต่กำหนดแรกอยู่แล้ว
มีเหตุอื่นยื้อไปไม่ใช่เรื่องของ กกต.
ประธาน กกต.กล่าวต่อว่า ส่วนจะมีปัจจัยอะไรที่ทำให้เกิดการเลื่อนการเลือกตั้งออกไปหรือไม่ นั้น ไม่ใช่ประเด็นที่ กกต.จะไปพิจารณา สำหรับแผนปฏิบัติการที่สำนักงาน กกต.กำลังดำเนินการยกร่างในขณะนี้ สำนักงาน กกต.จะเร่งสรุปและเสนอให้ กกต.เห็นชอบโดยเร็ว น่าจะลงนามก่อนกฎหมายลูก 2 ฉบับมีผลบังคับใช้ สำหรับการสรรหา ส.ว.ว่าไม่ได้ดำเนินการ 3 วัน อย่างที่สังคมอาจจะเข้าใจคลาดเคลื่อน แต่เนื่องจาก ส.ว.ต้องการสรรหาในระดับอำเภอ จังหวัดและประเทศ ในแต่ละระดับจะทำพร้อมกันวันเดียวกันทั้งประเทศ รวมแล้วจะทำไม่เกิน 3 ครั้ง ไม่ใช่ทำ 3 วัน และจากแผนงานเชื่อว่าสามารถดำเนินการได้ทันแล้วเสร็จตามกฎหมายกำหนดคือ ก่อนเลือกตั้ง ส.ส. 15 วัน
“จรุงวิทย์” แจงไทม์ไลน์เพียงตั้งตุ๊กตา
ต่อมาเวลา 16.30 น. พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต.ชี้แจงกำหนดวันที่ 24 ก.พ.62 ว่าการกำหนดวันดังกล่าวเพื่อเป็นกรอบการทำงานของผู้ปฏิบัติงาน วันที่ 24 ก.พ.62 เป็นเพียงตุ๊กตาที่เราตั้งไว้ เพราะการจะกำหนดเลือกตั้งที่แท้จริงต้องคำนึงถึงข้อ 8 ของคำสั่ง คสช.ที่ 53/2560 ที่ระบุว่าเมื่อ พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของ สนช.ในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ให้ ครม.แจ้ง คสช.เพื่อพิจารณาแก้ไขเพิ่มเติมหรือยกเลิกกฎหมายประกาศ คสช.หรือคำสั่งหัวหน้า คสช.อันเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินการของพรรคการเมืองและร่วมกันจัดทำแผนและขั้นตอนการดำเนินการทางการเมือง เพื่อนำไปสู่การเลือกตั้ง ที่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญโดยให้หารือกับ กกต. กรธ. ประธาน สนช. พรรคการเมืองและกลุ่มการเมือง ดังนั้นต้องหารือกันและดูความพร้อมของพรรคการเมืองด้วยเพื่อให้การเลือกตั้งสมบูรณ์ ในส่วน กกต.ถือว่าเตรียมความพร้อมในการจัดการเลือกตั้งให้มากที่สุด
คิดงบฯ ส่งปาร์ตี้ลิสต์ 20–70 ล้าน
ช่วงบ่าย ที่โรงแรมพินนาเคิล พัทยา สำนักงาน กกต.จัดทำแผนปฏิบัติการดำเนินการให้ได้มาซึ่ง ส.ว.และจัดทำแผนปฏิบัติการจัดการเลือกตั้ง ส.ส.เป็นการเลือกตั้งทั่วไป นายแสวง บุญมี รองเลขาธิการ กกต. กล่าวว่ากฎหมายใหม่กำหนดให้ประชาชนต้องมีส่วนร่วมในการทำไพรมารีโหวต แม้เป็นเรื่องของพรรคการเมืองแต่ผู้ตรวจการเลือกตั้ง รวมทั้ง ผอ.สำนักงาน กกต.ประจำจังหวัด ต้องมีความรู้และความเข้าใจที่ถูกต้อง แต่ขณะนี้พรรคเก่ายังทำไพรมารีโหวตไม่ได้ เพราะไม่มีสาขาพรรค เนื่องจากถูกเซ็ตซีโร่หมด ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายการเลือกตั้งเปลี่ยนไปจากเดิม กกต.จะออกระเบียบกว่า 5 เรื่อง อาทิ การกำหนดค่าใช้จ่ายการหาเสียงของพรรค จากการคำนวณเงินเฟ้อ ค่าครองชีพ ค่าใช้จ่ายต่างๆ พรรคการเมืองกับ กกต.เคยมีข้อเสนอว่าอาจต้องกำหนดค่าใช้จ่าย 2 ล้านบาทต่อผู้สมัครแต่ละคนในแบบแบ่งเขต กกต.ต้องหารือกับพรรคการเมืองอีกครั้ง ก่อนสรุปยอดเงินที่ชัดเจน ส่วนค่าใช้จ่ายส่งผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อจะอยู่ตั้งแต่ 20-70 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับจำนวนผู้สมัครที่แต่ละพรรคส่งหาเสียงผ่านเฟซบุ๊ก–ไลน์คิด คชจ.ด้วย
นายแสวงกล่าวอีกว่า ส่วนค่าใช้จ่ายการหาเสียงเลือกตั้งทางอิเล็กทรอนิกส์ทั้งเฟซบุ๊ก ไลน์น่ากังวลที่สุด เพราะอาจมีปัญหาว่าต้องคำนวณค่าใช้จ่าย เพราะนอกจากตัวผู้สมัครเอง ยังมีกองเชียร์อีก พรรคการเมืองต้องรวบรวมออกมาเป็นตัวเลข
รัฐบาลส่งสาระคลายกฎเหล็ก
ผู้สื่อข่าวรายงานจาก กกต.ว่า รัฐบาลได้ส่งร่างแก้ไขคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 53/2560 ที่จะคลาย ล็อกการดำเนินการตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมืองให้แก่พรรคการเมืองได้ปฏิบัติ ในช่วงที่ พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ให้ กกต.พิจารณาเบื้องต้นก่อนที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ จะมาหารือด้วยในวันที่ 20 ส.ค. เนื้อหาสำคัญนอกจากจะคลายล็อกให้พรรคการเมืองเดิม 69 พรรค จัดประชุมใหญ่เพื่อแก้ไขข้อบังคับพรรค หาสมาชิกพรรค จัดตั้งสาขาพรรค หรือตัวแทนพรรค การเมืองประจำจังหวัด เพื่อเตรียมการจัดทำไพรมารีโหวต ให้ความเห็นต่อ กกต. เรื่องการแบ่งเขตเลือกตั้ง และให้อำนาจ กกต.ออกหลักเกณฑ์และระเบียบให้สอดคล้องกับ พ.ร.บว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. ที่ประกาศใช้และดำเนินการเรื่องการแบ่งเขตได้แล้ว
เฟ้นผู้สมัครให้รับฟังความเห็นสมาชิก
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ประเด็นสำคัญอีกเรื่อง คือ การทำไพรมารีโหวต ที่ร่างแก้ไขฉบับล่าสุดรัฐบาล เสนอเพียงรูปแบบเดียว คือรูปแบบการรับฟังความคิดเห็น ที่ กรธ.เคยเสนอก่อนหน้านี้ แบบแบ่งเขตเลือกตั้งให้คณะกรรมการสรรหาผู้สมัครของพรรคประกาศรับสมัครบุคคล และคัดเลือกบุคคลที่มีคุณสมบัติ แล้วจัดทำบัญชีส่งไปรับฟังความคิดเห็นจากสาขาพรรค ตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดที่รับผิดชอบเขตเลือกตั้งนั้น โดยให้เป็นไปตามข้อบังคับพรรคที่พรรคจะกำหนดขึ้น ส่วนระบบบัญชีรายชื่อให้คณะกรรมการสรรหาผู้สมัครของพรรค ประกาศ รับสมัครและคัดเลือกบุคคลที่มีคุณสมบัติจัดทำบัญชี โดยคำนึงถึงผู้สมัครจากภาค และความเท่าเทียมกันของชายหญิง เมื่อรับฟังความเห็นทั้งในแบบแบ่งเขตและบัญชีรายชื่อไม่เกิน 150 คนแล้ว ให้คณะกรรมการสรรหาผู้สมัครพิจารณาตามข้อบังคับพรรค แล้วเสนอให้คณะกรรมบริหารพรรคให้ความเห็นชอบ
“มาร์ค” ระบุยังยืดหยุ่นได้อีก
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และอดีตนายกฯ กล่าวถึงกรณีที่ กกต.เปิดโรดแม็ปวันเลือกตั้งวันที่ 24 ก.พ.2562 ว่า ทุกอย่างต้องเป็นไปตามเงื่อนไขในรัฐธรรมนูญและกฎหมายลูกทั้ง 4 ฉบับเกี่ยวกับการเลือกตั้ง โดยเฉพาะร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ต้องรอให้มีผลบังคับใช้ 90 วัน จากนั้นอีกไม่เกิน 150 วัน ขึ้นอยู่ว่ากฎหมายจะบังคับใช้เมื่อใด และอยู่ที่ กกต.ใหม่จะมีนโยบายกำหนดความชัดเจนการเลือกตั้งวันใดอย่างเป็นทางการ เชื่อว่าการที่ กกต.กำหนดวันขึ้นมานี้ คงเป็นการคำนวณตามเวลาที่ระบุไว้ แต่สามารถยืดหยุ่นได้เสมอ จึงเป็นเพียงการวางกำหนดการไว้เพียงคร่าวๆ สิ่งสำคัญคือ พรรคการเมืองต้องสามารถดำเนินกิจกรรมตามบทบัญญัติของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 คือ เรื่องการตั้งสาขา การมีสมาชิก การประชุมใหญ่ของพรรค การแก้ข้อบังคับพรรค เพราะทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมายน่าจะใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือน หลังจากนั้นทุกพรรคการเมืองลงแข่งขันการเลือกตั้งได้
บี้ปลดล็อกหวั่นเตรียมการไม่ทัน
นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า ส่วนการแบ่งเขตการเลือกตั้งอยากให้ทำให้เร็วที่สุด จะเป็นตัวบอกว่าการทำไพรมารีโหวตทำอย่างไร คงเป็นเรื่องการแก้ไขกฎหมายมากกว่า จะใช้วิธีใดสุดแล้วแต่ เข้าใจว่า กกต.กังวลใจ ถ้าต้องรอตามกำหนดการเดิม ทุกอย่างจะกระชั้นชิด ถ้ายอมคลายเงื่อนไขทางกฎหมายให้พรรคการเมืองเดินหน้า แบ่งเขตการเลือกตั้งได้จะดีที่สุด ส่วนการทำไพรมารีโหวต ต้องเป็นไปตามกฎหมาย พรรคประชาธิปัตย์ไม่วิตกกังวลอะไร ขอเพียงยกเลิกคำสั่งห้ามทำกิจกรรมทางการเมืองให้ จะเดินหน้าขับเคลื่อนเรื่องนี้ตามกฎหมาย คิดว่าทุกพรรคมีหน้าที่ปฏิบัติตามกฎหมาย ต้องเตรียมการเรื่องนี้ด้วย แต่ทุกอย่างจะง่ายขึ้น ถ้า คสช.ปลดล็อกให้แล้วทำกิจกรรมได้ เมื่อได้รับอนุญาตทุกพรรคมีหน้าที่ไปหาสมาชิก แล้วให้สมาชิกมาลงคะแนนเท่านั้นเอง
จี้ กกต.ฟัน “สามมิตร” เดินสายดูด
นายอภิสิทธิ์กล่าวอีกว่า สำหรับการเคลื่อนไหวทางการเมืองของกลุ่มสามมิตรที่ควบคู่ไปกับรัฐบาลในช่วงนี้ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ทั้งหมดเป็นหน้าที่ของ กกต.และรัฐบาล ในการดำเนินการ แต่สิ่งสำคัญที่สุด ตนคิดว่าต้องไม่มีอะไรที่จะไปกระทบกฎหมาย เมื่อเราอยากเห็นการเลือกตั้งที่สร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศ ถ้าจะเป็นแบบนั้นได้ เราต้องทำให้ทุกฝ่ายมั่นใจว่า เป็นการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ เสรีและเป็นธรรม ดังนั้น ใครที่มีหน้าที่ก็ต้องช่วยกันดูแล เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศให้ได้
ยุอย่ายอมผู้มีอำนาจแทรกแซง
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การทำงานของ กกต.ชุดใหม่ คงถูกจับตามองจากสังคมมากเป็นพิเศษ เพราะ กกต.เป็นองค์กรอิสระที่มีอำนาจหน้าที่สำคัญในการจัด หรือจัดให้มีการเลือกตั้ง ส.ส. การเลือก ส.ว. การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น และรัฐธรรมนูญยังให้ กกต. มีอำนาจหน้าที่เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม โดยมุ่งหวังว่า กกต.จะใช้อำนาจหน้าที่ซึ่งเพิ่มมากขึ้น เพื่อช่วยทำให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริตเที่ยงธรรม การทำงานของ กกต.จะได้รับการยอมรับจากสังคมหรือไม่อยู่ที่ กกต.จะทำให้สังคมยอมรับผลการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้นได้หรือไม่ ต้องยอมรับว่าการทำงานของ กกต.ไม่ใช่เรื่องง่าย ในสถานการณ์ปัจจุบันผู้มีอำนาจมาจากการปฏิวัติรัฐประหาร และมีแนวโน้มว่าผู้มีอำนาจประสงค์จะอยู่ในอำนาจต่อไปตามกระบวนการของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน กกต.จึงต้องพึงระวังไม่กระทำการใด ให้เกิดการเคลือบแคลงสงสัยว่าอยู่ภายใต้การแทรกแซงจากผู้มีอำนาจ
แนะดูตัวอย่างอดีต กกต.ติดคุก
นายองอาจ กล่าวต่อว่า การที่ประธาน กกต.คนใหม่ประกาศคาถาในการทำงานว่าต้องเป็นกลาง มีความกล้าหาญตัดสินใจ ไม่ถูกครอบงำจากอำนาจใดๆ นับเป็นการเริ่มต้นแสดงจุดยืนที่ดีที่อยากเอาใจช่วยให้ กกต.ท่องคาถานี้ให้ขึ้นใจ และนำมาใช้ในการทำงานอย่างจริงจังจะช่วยทำให้การทำงานของ กกต. ได้รับการยอมรับจากสังคม ขอฝากให้ กกต.ดูการทำงานของ กกต.คณะต่างๆที่ผ่านมาเป็นบทเรียน มีทั้ง กกต.ที่ทำงานรับใช้ผู้มีอำนาจโดยมิชอบจนต้องติดคุกติดตะรางไปหลายคน ขณะที่ กกต.บางคณะทำงานจนได้รับการยอมรับพอสมควรจากสังคม และหวังว่า กกต.ชุดใหม่จะทำงานด้วยความเป็นอิสระ ให้สมกับเป็นองค์กรอิสระที่สำคัญและยึดมั่นในการทำงานตามอำนาจหน้าที่ด้วยความสุจริตเที่ยงธรรมอย่างจริงจังตลอดไป
ชทพ.จี้หารือ คสช.แก้ครหาลักลั่น
นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.)กล่าวถึงกรณี กกต.กางปฏิทินกำหนดเลือกตั้งวันที่ 24 ก.พ.2562 ว่า ปัญหาวันนี้คงต้องรอโปรดเกล้าฯ พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ลงมาให้เสร็จเรียบร้อยก่อน หลังจากนั้นจึงหารือความพร้อม ขณะนี้พรรค การเมืองถูกล็อกด้วยกติกา คสช. เมื่อ กกต.วางปฏิทิน อย่างนี้ต้องประสาน คสช.ปลดล็อกพรรคการเมือง โดยเฉพาะคำสั่ง คสช.ที่ห้ามชุมนุมหรือมั่วสุมการเมืองเกิน 5 คนขึ้นไป ไม่เช่นนั้นกำหนดวันเลือกตั้งมาแล้วไม่เกิดประโยชน์ พรรคการเมืองทำอะไรที่เป็นองค์ประกอบไปสู่การเลือกตั้งไม่ได้เลย เรื่องไพรมารีโหวตยังไม่ชัด สำคัญจะได้ไม่ลักลั่น เพราะเวลานี้บางกลุ่มเดินหน้าไปก่อนแล้ว อ้างไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค แล้วไปท้าทายให้คนอื่นลาออกจากสมาชิกพรรค ให้เขาไม่ทำถูกกฎหมาย แต่ตัวเองทำผิดกฎหมายได้ คนอื่นเป็นพรรคการเมืองเก่ายังรู้จักละอายต่อบาป ทางที่ดีควรปลดล็อกปล่อยให้เป็นไปตามครรลองประชาธิปไตย
พท.หวังให้ทำหน้าที่เป็นธรรม
ด้านนายนพดล ปัทมะ อดีต รมว.การต่างประเทศ กล่าวถึงการทำหน้าที่ของ กกต.ชุดใหม่ว่า คงต้องให้ทำหน้าที่ก่อน จึงจะประเมินได้ว่าเป็นอย่างไร เบื้องต้นฟังจากความเห็นของนายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. พอมีความหวังและดูจากประวัติการเป็นนักกฎหมาย นักการทูต มีประสบการณ์ต่างๆ จะทำให้ทำหน้าที่ได้ อีกทั้งเคยอยู่ต่างประเทศคงทำให้เห็นว่าบ้านเมืองที่มีความเป็นประชาธิปไตย สิทธิเสรีภาพ ประชาชนจะมีความสุข จึงหวังว่า กกต.ชุดใหม่จะเดินหน้าเตรียม จัดการเลือกตั้งครั้งสำคัญ ทำให้การเลือกตั้งเป็นธรรม มีความน่าเชื่อถือ ขณะนี้เริ่มมีความชัดเจนว่า กกต.พร้อมจัดการเลือกตั้งในเดือน ก.พ.2562 นับว่าเป็นการชี้ทิศทางที่ดีและชัดเจน หวังว่า กกต.ชุดนี้จะทำหน้าที่องค์กรอิสระอย่างอิสระ เป็นกลาง เป็นธรรม ไม่ยอมถูกแทรกแซง เพื่อให้การเลือกตั้งครั้งต่อไปเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย เป็นจุดเริ่มต้นหาทางออกให้ประเทศ
เร่ง ต.ค.ต้องปล่อยผีเลิกดึงเกม
นายสามารถ แก้วมีชัย อดีต ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีปฏิทินกำหนดการเลือกตั้งวันที่ 24 ก.พ. 2562 ว่าต้องดูร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. ถ้าประกาศในราชกิจจานุเบกษาเดือน ก.ย. บวกระยะเวลารอให้กฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.มีผลบังคับใช้อีก 90 วัน จะตกประมาณเดือน ธ.ค.ที่จะเริ่มต้นนับหนึ่งต้องให้มีการเลือกตั้งภายใน 150 วัน หากมีการเลือกตั้งวันที่ 24 ก.พ.2562 จริงถือว่าอยู่ในห้วงเวลาตามโรดแม็ป ถ้าไม่มีการดึงเกมอะไรอีก จาก เดิมที่คาดว่าน่าจะมีเลือกตั้งได้ประมาณเดือน มี.ค.หรือ เม.ย.2562 ทั้งนี้หากมีการประกาศใช้กฎหมายลูกอีก 2 ฉบับในราชกิจจานุเบกษาเดือน ก.ย.แล้ว อย่างช้าในเดือน ต.ค.ก็ควรแก้คำสั่ง คสช.ปลดล็อกให้พรรคการเมืองดำเนินกิจกรรมทางการเมือง เพื่อเตรียมตัวเลือกตั้งได้แล้ว หากจะดึงเกมไม่ปลดล็อกอีก พรรคการเมืองคงไม่สามารถเตรียมการเลือกตั้งได้ทัน
วัดใจบี้เอาผิดกลุ่มสามมิตร
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกลุ่มสามมิตรจะเคลื่อนไหวทำกิจกรรมเคลื่อนไหวให้น้อยลงว่า สิ่งที่กลุ่มสามมิตรเคลื่อนไหวไป ถือว่าความผิดสำเร็จแล้วหรือไม่ ไม่แน่ใจว่ามาจากสาเหตุใด หรือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช.ยังไม่ส่งสัญญาณชัดเจนจะลงเลือกตั้งหรือไม่ ยังไม่ชัดว่าจะใช้บริการกลุ่มใดมาสนับสนุน เริ่มมีเสียงวิจารณ์หนาหูว่าการเดินสายดูดอดีต ส.ส.และทำกิจกรรมของกลุ่มสามมิตร ไม่ได้ต้องการเป็นเครือข่ายสนับสนุนทางการเมืองหลังการเลือกตั้ง แต่ต้องการใช้เป็นเครื่องมือแสดงให้ประชาชนเบื่อหน่ายนักการเมืองว่าการเมืองยังน้ำเน่า ใส่ร้าย เดินสายดูดอดีต ส.ส.อยู่ในวังวนเดิมๆ จึงยังไม่พร้อมให้มีการเลือกตั้งหรือไม่ ฝากถึง กกต.ชุดใหม่ให้รับข้อสังเกตไปตรวจสอบความสุ่มเสี่ยงการทำความผิดของกลุ่มสามมิตร เพื่อแสดงจุดยืนว่า กกต.ใหม่กล้าหาญ มีความสุจริตคือเกราะคุ้มครองหรือไม่
“ภิรมย์” เย้ย “ทักษิณ” อาจได้แพ้ถล่ม
ที่ จ.นครราชสีมา นายภิรมย์ พลวิเศษ แกนนำ และเลขานุการกลุ่มสามมิตร กล่าวถึงการที่กลุ่มสามมิตรจะชะลอการเคลื่อนไหวทางการเมืองว่าเราไม่ใช่พรรคการเมือง แต่เป็นกลุ่มความคิด จะเดินหน้าเข้าหาประชาชนทุกวัน แต่อาจปรากฏทางข่าวสารไม่เท่าเดิม เขาบอกห้ามชุมนุมเกิน 5 คน จะชุมนุมทีละ 4 คน ก็ได้คงไม่ผิด ส่วน กกต.ใหม่บอกจะเลือกตั้งวันที่ 24 ก.พ.2562 ถึงต้องวิ่งหาประชาชนแทน วันที่ 24 ส.ค.สมาคมโคเนื้อ จ.ขอนแก่น ร่วมกับมหาวิทยาลัยขอนแก่น เชิญไปแลกเปลี่ยนเรื่องโคเนื้อที่คิดตรงกับนายสมศักดิ์ เทพสุทิน หัวหน้ากลุ่มสามมิตร
เมื่อถามว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นายกฯสั่งห้ามชุมนุมเกิน 5 คน นายภิรมย์ตอบว่าเรากลัวจับเหมือนกันถ้าผิด แต่มั่นใจว่าไม่ผิด ไม่ได้ไปหาเสียงเป็นนายกฯ เป็น ส.ส. ที่อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทยบอกว่าเราทำการเมืองน้ำเน่าเดินสายดูดมาแล้วไหลกลับคืน เพราะไม่จ่ายเงินให้เขา เราไม่ได้ดูดเรื่องเงินทอง แต่ดูดสมอง ดูดความต้องการของเขาและประโยชน์ในพื้นที่ วันนี้กลุ่มสามมิตรอาจแซงพรรคเพื่อไทยเรื่องความคิดความอ่าน เรารับปัญหาจากประชาชน ไม่ใช่นั่งโต๊ะแล้วคิดเอา ส่วนที่นาย ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยจะชนะถล่มทลายนั้น จริงตอนปี 2554 แต่ปีนี้ 2561 หรือ 2562 ยังไม่ถึงเลย อาจถล่มทลายตรงข้ามคืออาจแพ้ถล่มทลายก็ได้
ผู้มีสิทธิคันมือตั้งใจไปลงคะแนน
สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั่วประเทศ 1,083 คน เมื่อวันที่ 15-18 ส.ค.เปรียบเทียบการตัดสินใจของผู้ที่กำลังจะมีสิทธิเลือกตั้งครั้งแรกกับผู้ที่เคยเลือกตั้งมาแล้ว พบว่าภาพรวมคนตั้งใจจะไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ส.ส.ในปี 2562 ร้อยละ 77.56 เป็นผู้เคยใช้สิทธิมาแล้วร้อยละ 84.70 และผู้กำลังจะมีสิทธิครั้งแรกร้อยละ 69.87 ส่วนความสนใจต่อข่าวการเลือกตั้ง ส.ส. ร้อยละ 43.40 ค่อนข้างสนใจ โดยร้อยละ 44.48 เป็นผู้ที่เคยเลือกตั้งมาแล้ว และร้อยละ 42.23 เป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งครั้งแรก โดยให้ความสำคัญกับความซื่อสัตย์ ความรู้ ความสามารถ นโยบายพรรค ผลงานที่ผ่านมา และพื้นฐานการศึกษาตามลำดับ ทั้งนี้ ร้อยละ 54.91 ระบุว่าผู้สมัครที่เคยเป็น ส.ส.กับไม่เคยเป็น ส.ส.มีผลต่อการตัดสินใจ
กระตุกนักการเมืองปรับจริยธรรม
ขณะที่ซุปเปอร์โพล รายงานผลสำรวจความคิดเห็นประชาชน เรื่อง มาตรฐานคุณธรรมและจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในสายตาประชาชน พบว่าผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองไทยในอดีตของรัฐบาลที่ผ่านมาต้องปรับปรุงทุกตัวชี้วัด โดยร้อยละ 60.2 ระบุว่าต้องปรับปรุงมาตรฐานคุณธรรม จริยธรรม ร้อยละ 5.2 ชี้ว่าอยู่ในระดับดี ร้อยละ 61.2 ระบุต้องปรับมาตรฐานด้านความสำนึกในบาปบุญคุณโทษ เลิกลดละการทุจริตคอร์รัปชัน ร้อยละ 55.7 มาตรฐานด้านจิตสำนึก ยึดมั่นผลประโยชน์ชาติ ร้อยละ 51.0 มาตรฐานด้านความเป็นผู้นำ เสริมสร้างความปรองดองของคนในชาติ ร้อยละ 50.5 ให้ปรับปรุงมาตรฐานด้านความจริง ไม่บิดเบือนข้อมูลข่าวสาร โดยร้อยละ 58.2 คิดว่าหลังเลือกตั้งปีหน้ามาตรฐานคุณธรรม จริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะแย่ลง ร้อยละ 34.9 ระบุจะเหมือนเดิม มีเพียงร้อยละ 6.9 ระบุจะดีขึ้น
“ศรีสุวรรณ” ร้อง ป.ป.ช.เอาผิด มท.1
อีกเรื่อง นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวว่าวันที่ 20 ส.ค. เวลา 10.30 น. จะไปยื่นหนังสือต่อ ป.ป.ช.เอาผิด พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กระทำการอาจเข้าข่ายการขัดกันแห่งผลประโยชน์ตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 184 (2) กรณีมีชื่อบุตรชาย พล.อ.อนุพงษ์เข้าพบ ผวจ.ภูเก็ต วันที่ 3 พ.ค.61 กลายเป็นเรื่องวิจารณ์ รมว.มหาดไทยมีเอี่ยวกับการก่อสร้างโครงการสร้างโรงไฟฟ้ากำจัดขยะหรือไม่ เนื่องจากมีการออกกฎหมายดึงอำนาจการแก้ไขปัญหาขยะมาอยู่ในความดูแลของกระทรวงมหาดไทย เพราะ พล.อ.อนุพงษ์ระบุชัดเจนหากมีข้อสงสัยให้ไปร้องทุกข์กล่าวโทษต่อหน่วยงานที่มีหน้าที่ตรวจสอบได้
จี้สอบขุมทรัพย์โรงขยะ 3 แสนล้าน
“เมื่อท้าทายเช่นนี้ สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญจึงจะไปร้องต่อ ป.ป.ช. เพื่อตรวจสอบ วันนี้มีท้องถิ่น 7,852 แห่ง มีกองขยะจากการสำรวจ 2,810 กอง การลงทุนสร้างโรงเผาขยะผลิตไฟฟ้าแต่ละแห่งใช้เงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท ทำให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนมากกว่า 324,000 ล้านบาท ทำให้ปัญหาขยะอาจกลายเป็นแหล่งผลประโยชน์มหาศาลของผู้มีอำนาจที่เกี่ยวข้อง” นายศรีสุวรรณกล่าว
จ่อแจ้งข้อหาเพิ่มสินบนโรงไฟฟ้า
นายวิทยา อาคมพิทักษ์ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีไต่สวนข้อเท็จจริงกรณีบริษัทมิตซูบิชิ ฮิตาชิ พาวเวอร์ซิสเต็มส์ จ่ายสินบนให้เจ้าหน้าที่ไทย 20 ล้านบาท แลกกับการชนะประมูลก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนในไทย เมื่อปี 2556 ว่าได้เอกสารหลักฐานที่ ป.ป.ช.ขอจากทางการญี่ปุ่นแล้ว อยู่ระหว่างแปลเอกสารเป็นภาษาไทย เพื่อนำมาประกอบพยานหลักฐาน ป.ป.ช.จะพิจารณาเฉพาะผู้ถูกกล่าวหาที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐของไทย ไม่เกี่ยวกับคดีที่ทางการญี่ปุ่นกำลังดำเนินการอยู่ ขณะนี้คณะอนุกรรมการอยู่ระหว่างไต่สวน อาจต้องแจ้งข้อกล่าวหาบุคคลเพิ่มในฐานะสนับสนุนด้วย ส่วนการไต่สวนนายวิโรฒ สำรวล อดีต ผอ.โรงเรียนสามเสนวิทยาลัย กรณีปรากฏคลิปกล่าวหารับเงิน 4 แสนบาท แลกกับการรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ปีการศึกษา 2560 คณะอนุกรรมการไต่สวนคืบหน้าพอสมควร ได้แจ้งข้อกล่าวหานายวิโรฒไปแล้ว คาดว่าในการประชุมคณะอนุกรรมการไต่สวนครั้งหน้า จะสรุปสำนวนได้ ก่อนนำเข้าที่ประชุม ป.ป.ช.ชุดใหญ่
“ไก่อู” ปัด ครม.สัญจรหาเสียงคนใต้
วันเดียวกัน พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกฯ เปิดเผยว่ารัฐบาลเตรียมพิจารณาข้อเสนอการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทยและอันดามันในการลงพื้นที่ตรวจราชการและประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) วันที่ 20-21 ส.ค. ที่ จ.ระนอง และชุมพร อาทิ การพัฒนาระบบโลจิสติกส์ เช่น การก่อสร้างและพัฒนาถนนเลียบชายฝั่งอ่าวไทย (ไทยแลนด์ ซูริเวียรา) การก่อสร้างเส้นทางรถไฟสายใหม่ พัฒนาท่าเรือ ขยายสนามบินหาดใหญ่ ยกระดับเพิ่มมูลค่าพืชผลการเกษตร เช่น จัดตั้งปาล์มออยล์ซิตี้ จัดตั้งเมืองนวัตกรรมและออกแบบไม้ยางพารา การพัฒนาคุณภาพชีวิต ติดตามผลการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและแพทย์ทางเลือก (บ่อน้ำพุร้อน) จ.ระนอง ส่วน จ.ชุมพร ติดตามการบริหารจัดการน้ำ ขุดลอกร่องน้ำ แก้ปัญหาอุทกภัย เป็นหน้าที่รัฐบาล ไม่ใช่ลงไปเพื่อประโยชน์ทางการเมืองหรือหาเสียง
กห.ปลุก 4 เคารพ 2 รับผิดชอบ
พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม (กห.) กล่าวถึง ความคืบหน้าโครงการไทยนิยมยั่งยืนในส่วนของ กห. ว่า ได้ดูแลเรื่องการปรองดอง เน้นย้ำ 4 เคารพ 2 รับผิดชอบ คือเคารพความแตกต่างในแนวทางประชาธิปไตย เคารพความเสมอภาคที่ทุกคนมีหนึ่งสิทธิหนึ่งเสียง เคารพกฎกติกากฎหมายต่างๆ คนทำผิดกฎหมายต้องยอมรับผลของการกระทำผิดด้วย เคารพสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น ไม่ก้าวล่วงสิทธิเสรีภาพซึ่งกันและกัน ส่วนรับผิดชอบคือ รับผิดชอบต่อตนเองไม่ให้ถูกชี้นำและรับผิดชอบต่อสังคม วันที่ 28 ส.ค. กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาญาจักร (กอ.รมน.) จะจัดนิทรรศการสร้างความปรองดอง ที่ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ แจ้งวัฒนะ
ชงงบฯไอทีสภาใหม่หั่นเหลือ 4.8 พัน ล.
ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า ในการประชุม ครม.สัญจรที่ จ.ชุมพร ในวันที่ 21 ส.ค.ให้สำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอขออนุมัติงบประมาณก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ในส่วนงบเทคโนโลยีและสารสนเทศ (ไอซีที) ที่ปรับลดใหม่ตามข้อท้วงติงของนายกฯ วงเงิน 4,861.58 ล้านบาท โดยงบฯค่าใช้จ่ายด้านเทคโนโลยีฯเดิม 6,493.49 ล้านบาท ขออนุมัติใหม่ 3,915.64 ล้านบาท ปรับลดลง 2,577.85 ล้านบาท เป็นการปรับลดรายการที่ไม่จำเป็นในระยะเริ่มแรกออก โดยจะขอรับการจัดสรรงบฯภายหลัง ส่วนงานสาธารณูปโภคฯเดิม 1,413.06 ล้านบาท ขออนุมัติใหม่ 802.20 ล้านบาท ปรับลดลง 610.86 ล้านบาท และจ้างที่ปรึกษาและผู้ควบคุมงานก่อสร้าง 229 ล้านบาท ขออนุมัติใหม่ 143.74 ล้านบาท ปรับลดลง 85.26 ล้านบาท รวมขออนุมัติใหม่ 4,861.58 ล้านบาท ปรับลดไปทั้งหมด 3,273.96 ล้านบาท จากขออนุมัติครั้งแรก 8,135.54 ล้านบาท
“วัชระ” ซัดโป่งพองของจริงยังสูงไป
นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. ปรับลดงบประมาณก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ในส่วนงบเทคโนโลยีและสารสนเทศ (ไอซีที) 4,800 ล้านบาท โดยลดจาก 8,600 ล้านบาท ถึง 3,800 ล้านบาท เท่ากับยอมรับว่า มีงบโป่งพองจริง หากไม่มี อดีต ส.ส.คัดค้าน ประเทศชาติจะเสียผลประโยชน์มหาศาลไปแล้ว แต่ตัวเลขงบฯ 4,800 ล้านบาทเสนอกลับเข้า ครม.ก็ยังสูงผิดปกติ แต่จะไม่ทำหนังสือคัดค้านถึงนายกฯอีกแล้ว เพราะได้ส่งหนังสือคัดค้านตั้งแต่ต้นไปแล้ว หากมีการทุจริตเกิดขึ้นในอนาคต ครม.ทั้งคณะต้องรับผิดตามกฎหมายทุจริต สภาฯชุดใหม่คงตรวจสอบเรื่องนี้ทุกประเด็นแน่นอน ขอเตือนนายกฯและ ครม. โปรดพิจารณาทบทวนเรื่องนี้เป็นพิเศษ อย่ามาตายตอนจบใกล้จะมีการเลือกตั้ง ส.ส.นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีตประธานคณะกรรมาธิการ ป.ป.ช. สภาฯจองกฐินตรวจสอบกรณีส่อทุจริตการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่เป็นวาระแรก ส่วนคดีที่นายชัชวาลย์ อภิบาลศรี สนช. ฟ้องหมิ่นฯ เรียกค่าเสียหาย 100 ล้านบาท ศาลอาญานัดไต่สวน วันที่ 22 ส.ค. เวลา 09.00 น. จะไปเพราะเจตนาสุจริตใจ ต้องการปกป้องผลประโยชน์ ของประเทศชาติ
“สุเทพ” ดิ้นแจงอีอ๊อกชั่นสร้างโรงพัก
เมื่อเวลา 10.00 น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) และอดีตรองนายกฯไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊กชี้แจงกรณีป.ป.ช.แจ้งข้อกล่าวหาว่าปฏิบัติหน้าที่มิชอบกรณีสร้างแฟลตตำรวจ 163 แห่งและโรงพักทดแทน 396 แห่งของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เป็นวันที่ 4 ว่าโครงการนี้ตั้งคณะกรรมการกำหนดราคากลาง กำหนดทีโออาร์ ให้ยื่นซองวันที่ 20 ก.ค. แข่งขันโดยวิธีอีอ๊อกชั่น มี 5 บริษัทแข่งกันเคาะในเวลาครึ่งชั่วโมงรวม 73 ครั้ง ผู้เสนอราคาต่ำสุดคือบริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเมนท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด 5,848 ล้านบาท ไม่เกินราคากลางของทางราชการ และสำนักงบประมาณได้ให้ความเห็นชอบวงเงินค่าก่อสร้างสร้างสถานีตำรวจแล้ว 5,848 ล้านบาท จึงเห็นควร 1.ให้ความเห็นชอบราคาค่าก่อสร้าง 2. อนุมัติจ้างบริษัทพีซีซีฯ ตนเห็นชอบตามที่เสนอ คิดว่าจะพิมพ์หนังสือจำหน่ายเอาเงินบริจาคให้พรรครปช. ทั้งนี้จะไปชี้แจงต่อ ป.ป.ช.ชุดใหญ่วันที่ 20 ส.ค.