พ.ต.ท.สังกัดท่องเที่ยว เครียดปัญหาส่วนตัวขับเก๋งโตโยต้า จอดริมถนนตั้งเตาถ่านจุดไฟรมควันดับคารถ ทิ้งจดหมายระบุ "พี่ขอโทษนะ ถึงเวลาต้องไปแล้ว” เผยอีกเพิ่งลาออกจากตำรวจได้ 3 เดือน...

เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 8 ส.ค.61 ร.ต.ท.วรณัฐ วงศ์คำ รองสว.(สอบสวน)สน.บางเขน รับแจ้งเหตุพบผู้เสียชีวิตภายในรถยนต์ บริเวณภายในซอยลาดปลาเค้า72 แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กทม. จึงรุดตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พล.ต.ต.เอกชัย บุญวิสุทธิ์ ผบก.น.2 พ.ต.อ.อำนาจ อินทรศวร ผกก.สน.บางเขน พ.ต.ต.สรายุทธ ปัญญาศรีวิชัย สว.สส.สน.บางเขน เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.บางเขน แพทย์นิติเวชรพ.ตร. เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน(พฐ.) และมูลนิธิร่วมกตัญญู

ที่เกิดเหตุอยู่ภายในซอยลาดปลาเค้า 72 แยก 10 บริเวณริมถนน ฝั่งตรงข้ามบ้านเลขที่ 46 พบรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นแอสติส สีเทา หมายเลขทะเบียน วท 5998 กรุงเทพมหานคร จอดอยู่ สภาพติดเครื่อง ประตูรถล็อคจากด้านในและหน้าต่างถูกปิดสนิท ด้านในพบชายนอนหมดสติบริเวณที่นั่งคนขับ เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องทำลายกระจกบานเล็กฝั่งประตูด้านหลังคนขับเพื่อเปิดประตูรถเข้าช่วยเหลือ แต่ชายดังกล่าวได้เสียชีวิตแล้ว จากการตรวจสอบภายในรถพบกระเป๋าสะพายข้างสีดำ1 ใบวางอยู่บนเบาะหลัง บริเวณที่วางเท้าด้านหลังฝั่งผู้โดยสารพบเตาถ่าน (เตาอั้งโล้) วางอยู่ ส่วนผู้เสียชีวิตทราบชื่อต่อมาคือ พ.ต.ท.ธนกรณ์ พรหมภักดี อายุ 41 ปี สว.ฝอ.บก.กก.ทท. (ท่องเที่ยว1) และเป็นนรต.รุ่น 53

พ.ต.อ.อำนาจ กล่าวว่า จากการสอบสวน น.ส.ธนิดา พรหมภักดี อายุ 40 ปี ภรรยาผู้ตาย ทราบว่าผู้ตายได้ลาออกจากราชการมาเป็นเวลา 2-3 เดือนแล้ว เพื่อจะทำธุรกิจส่วนตัว ก่อนเกิดเหตุตัวภรรยาออกไปทำงาน ส่วนผู้ตายบอกแค่ว่าจะออกไปทำธุระ จนกระทั่งกลับมาช่วงเย็นเห็นรถจอดติดเครื่องอยู่จึงเดินเข้าไปดู และพยายามเรียกผู้ตายแต่ผู้ตายไม่มีปฏิกริยาโต้ตอบจึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ให้เข้าช่วยเหลือจนพบว่าผู้ตายได้เสียชีวิตแล้ว

...

พ.ต.อ.อำนาจ กล่าวต่อว่า สันนิษฐานว่าผู้ตายน่าจะมีปัญหาเรื่องส่วนตัว จึงคิดฆ่าตัวตายโดยนำเตาถ่านจุดไฟจนทำให้เกิดควันและวางตั้งไว้ในรถเพื่อให้ตนเองขาดอากาศหายใจจนเสียชีวิต นอกจากนี้ยังพบจดหมายลาตายที่ผู้ตายเขียนไว้ระบุว่า "พี่ขอโทษนะ ถึงเวลาต้องไปแล้ว ..รักปลา ไม่ต้องตั้งศพไม่ต้องสวด พี่บริจาคอวัยวะร่างกายไว้ติดต่อตามบัตร "

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จะทำการสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างละเอียดอีกครั้งเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง ส่วนศพนำส่งนิติเวชรพ.ภูมิพลเพื่อชันสูตรหาสาเหตุของการเสียชีวิตที่แท้จริง ก่อนจะประสานญาติให้มารับศพเพื่อนำไปบำเพ็ญกุศลต่อไป.