ทักษิณโผล่คุยสื่อบีบีซี ยังหวังทวงเก้าอี้นายกฯ
“บิ๊กตู่” เผยรับสั่งในหลวง ให้จัดพระราชพิธีบรมราชา ภิเษกอย่างประหยัด ทรงอยากเห็นบ้านเมืองมีระเบียบวินัย ย้ำเลือกตั้งตามโรดแม็ปต้นปีหน้า เสียใจไปปฏิบัติภารกิจเพื่อชาติแต่โดนโฟกัสเรื่องผ้าพันคอกับภรรยา “ไทม์” เผยบทสัมภาษณ์พิเศษ “บิ๊กตู่” กำลังเปลี่ยนผ่านสู่การเมืองยุคใหม่และประชาธิปไตยแบบไทย พร้อมเปรียบเป็น “สฤษดิ์น้อย” กต.ทำโนติสรายงานนายกฯ นิตยสารดังแตะมือ “ทักษิณ” มุ่งดิสเครดิตบนเวทีโลก ด้าน “ทักษิณ” ย้ำเพื่อไทยชนะเลือกตั้งอันดับหนึ่งแน่ ดักคอชายชาติทหารอย่าโกง แฉใช้คดี-เงินก้อนโตล่อใจดึงตัวอดีต ส.ส. ด่าไล่หลังพวกหน้าโง่ย้ายหนี โว 69 ปียังแข็งแรง หวังกลับมาเป็นนายกฯไทย เผย พท.เตรียมเปิดก๊อกจ่ายน้ำเลี้ยงปลุกขวัญสมาชิก “บิ๊กป้อม” ระบุ 30 พรรคตอบรับหารือแล้ว ป.ป.ช. ไม่รื้อคดีสลายชุมนุม 53 ชี้ไร้หลักฐานใหม่ ศาลอาญาฎีกายกฟ้องคดี คสช.กบฏ นายกฯลั่นเลิกโทษประหารต้องทำประชามติ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. ที่อยู่ระหว่างปฏิบัติภารกิจเดินทางเยือนประเทศอังกฤษและฝรั่งเศส ถูกตั้งคำถามโฟกัสถึงเรื่องประชาธิปไตยและการเลือกตั้งในประเทศไทยอีกครั้ง แม้จะวางปฏิทินโรดแม็ปเลือกตั้งไว้แล้วในช่วงเดือน ก.พ.2562
นายกฯเผยกระแสรับสั่งในหลวง
เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 21 มิ.ย. ที่กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร (ตามเวลาท้องถิ่นช้ากว่าไทย 6 ชั่วโมง) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่อยู่ระหว่างเดินทางเยือนสหราชอาณาจักรและสาธารณรัฐฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ 19-26 มิ.ย. ได้กล่าวตอนหนึ่งในช่วงที่ได้ไปพบปะชุมชนไทยที่กรุงลอนดอนว่า ระหว่างนี้พระราชพิธีบรมราชาภิเษกของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ซึ่งยังไม่ได้จัด เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ท่านจะทรงมีพระราชวินิจฉัยลงมา ทรงรับสั่งว่าให้จัดอย่างประหยัด อย่าให้สิ้นเปลือง ขอให้ครบตามจารีตประเพณีเท่านั้น พระองค์ทรงเป็นกำลังใจให้รัฐบาลในการทำงานให้เรียบร้อย ทรงบอกว่าสิ่งที่สมเด็จพระราชบิดาทรงทำไว้ครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว ไปเช็กดูว่าทำครบหรือยัง ตรงไหนทำได้ ทำไม่ได้ หรือว่ายังไม่ได้ทำ ให้ทำต่อ เรียกว่า สืบสาน รักษา ต่อยอด
...
ทรงอยากเห็นชาติบ้านเมืองมีวินัย
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ทรงพระราชทานคำแนะนำอันเป็นประโยชน์ ทรงต้องการให้บ้านเมืองมีระเบียบวินัย ปลูกฝังเรื่องจิตอาสา ขุดลอกคูคลอง ทรงบอกทำไปสัปดาห์แรกก็ดี แต่ก็กลับมารกอีกเหมือนเดิม เพราะไม่ได้ทำต่อเนื่อง เดี๋ยวเดือนหน้านายกฯและ ครม.ทั้งหมดไปทำหน้าที่จิตอาสาขุดลอก คูคลองเพื่อสร้างความร่วมมือตามแนวพระราชดำริ วันนี้สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ยังทรงมีพระพลานามัยที่แข็งแรง เพียงแต่ออกงานไม่สะดวก เพราะพระชนมายุมากแล้ว ให้พระองค์ได้ทรงพักผ่อน พระองค์ยังทรงแข็งแรง ทรงพระราชดำเนินได้ดีทุกอย่าง นั่นคือหลักชัยของเรา ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน
ย้ำเลือกตั้งโรดแม็ปต้นปีหน้า
จากนั้นนายกฯได้พบปะคนไทยและนักศึกษาไทยที่อาศัยอยู่ในสหราชอาณาจักร จำนวน 267 คน พร้อมกล่าวว่า ขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจ แม้จะมีคนบางกลุ่มไม่เห็นด้วยที่มาเยือนครั้งนี้ แต่เข้าใจและไม่โกรธเคือง อยากฝากบอกไปยังกลุ่มคนเหล่านั้นด้วยว่า ตนทำเพื่อคนไทย อย่าทะเลาะเบาะแว้งกันให้ส่งผลเสียมาถึงประเทศ การพบกับนางเทเรซา เมย์ นายกฯสหราชอาณาจักร เป็นไปด้วยดี การเลือกตั้งยังคงเป็นไปตามโรดเเม็ปต้นปีหน้า ระหว่างนี้จะดูแลจัดการไม่ให้ขัดแย้งเหมือนในอดีต การปลดล็อกทางการเมืองจะแบ่งเป็นห้วงเวลาตามความเหมาะสม อาจให้ประชุมพรรคดำเนินกิจกรรมการเมือง ไม่ให้เป็นปัญหาเงื่อนเวลาของกฎหมาย แต่จะไม่ปล่อยให้มีการชุมนุมประท้วงบนถนนอีกเด็ดขาด ขณะที่การเลือกตั้งท้องถิ่นจะเกิดขึ้นหลังจากเลือกตั้งใหญ่ไปแล้ว
เสียใจโฟกัสแค่ผ้าพันคอกับเมีย
นายกฯกล่าวว่า วันนี้ไม่ได้มาเพื่อตัวเอง แต่นำเกียรติยศชื่อเสียงของประเทศไทยมาด้วย มาแสดงให้คนอังกฤษเห็นว่า ตลอดความสัมพันธ์ 400 ปี เปลี่ยนแปลงกันไม่ได้ เพื่อนยังคงเป็นเพื่อน ตนไม่เคยใช้เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตัวเอง หรือขู่บังคับใคร และถึงแม้จะไม่ใช้อำนาจก็จะสู้ เพราะรู้ว่าทำความดี อยากให้ทุกคนระมัดระวังการรับข้อมูลจากโซเชียลมีเดียที่กล่าวร้ายกันไปมา ตนก็โดนเล่นงานเช่นกัน ช่วงแรกที่ดำรงตำแหน่งเป็นทหารรู้สึกโกรธ แต่เมื่อมาเป็นนายกฯจึงทำใจได้ ไม่โกรธ แม้จะไม่เคยทำสิ่งไม่ดีตามที่กล่าวหา ส่วนกรณีที่มีการเสนอภาพที่ตนพันผ้าพันคอ ขณะที่ผู้ร่วมคณะอื่นแต่งกายเพียงเสื้อเชิ้ตนั้น เป็นเพราะรู้สึกไม่สบาย มีอาการหนาวๆร้อนๆ จึงใส่ผ้าพันคอโดยไม่ได้ดูยี่ห้อว่าหรูหราอะไร แต่ถูกกล่าวหาว่าแต่งตัวหล่อเกินไป ถ้าเกิดมีปัญหาคราวหน้าจะเอาผ้าขาวม้ามาใส่แทนผ้าพันคอ ลองคิดดูว่าน่าเสียใจไหม ทำงานมาแทบตาย แทนที่จะดูผลงานการเดินทางมาสหราชอาณาจักร แต่กลับมาดูแต่ผ้าพันคอและเสื้อผ้า และการที่ภรรยาตนไม่ได้เดินทางมาด้วย เพราะติดธุระต้องไปพบแพทย์ แม้จะตั้งใจอยากมา เก็บของเสร็จแล้วก็ตาม ไม่ใช่เพราะเป็นข่าวเรื่องมาฉลองวันเกิดอย่างที่นำเสนอกัน
บินฝรั่งเศสดูงานยักษ์ใหญ่แอร์บัส
ต่อมาวันศุกร์ที่ 22 มิ.ย. นายกฯและคณะเดินทางต่อไปถึงเมืองตูลูส สาธารณรัฐฝรั่งเศส ในเวลา 12.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่นช้ากว่าไทย 5 ชั่วโมง) โดยนายกฯได้พบหารือกับนายกีโยม โฟรี ประธานบริษัท Airbus Commercial Aircraft ณ บริษัท Airbus Commercial Aircraft และเข้าร่วมพิธีเปิดตัวแบบจำลองศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน (Maintenance, Repair and Overhaul-MRO) และเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามความตกลงสัญญากรอบการร่วมทุน ระหว่างบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) กับบริษัท Airbus Commercial Aircraft ก่อนจะนำคณะเข้าเยี่ยมชมศูนย์แสดงแบบจำลองอากาศยานของ Airbus และเยี่ยมชมศูนย์สายการผลิตของชิ้นส่วนอากาศยาน A380 (A380 Final Assembly Line)
แจงนายกฯไม่สบายตั้งแต่ก่อนมา
พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า กรณีเพจเฟซบุ๊ก PMDU Thailand โพสต์ภาพ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ พร้อมด้วยรัฐมนตรีทีมเศรษฐกิจ สวมเสื้อกั๊กและผ้าพันคอแบรนด์เนม เดินชมสวนหลังโรงแรมที่พัก ระหว่างการเยือนสหราชอาณาจักรจนถูกวิพากษ์วิจารณ์ แต่ต่อมาเพจได้ลบภาพดังกล่าวออกไปแล้วนั้น ขอเรียนข้อเท็จจริงให้ทราบว่า ก่อนเดินทางมาอังกฤษนายกฯไม่ค่อยสบาย มีไข้ และเจ็บคอ มองเห็นสวนอังกฤษน่าสนใจอยากเอามาเป็นต้นแบบจัดสวนในไทย เลยชวนผู้ร่วมคณะไปดู แต่เนื่องจากอากาศที่นี่แม้ว่าจะมีแดดแต่ก็มีความเย็นอยู่บ้างและมีลมพัด ทำให้ผู้ที่ห่วงใยแนะนำให้นายกฯทำร่างกายให้อบอุ่น จึงได้ใส่เสื้อกั๊กและผ้าพันคอดังที่เห็นในรูป
“ไก่อู” แจงเหตุ “อ.น้อง” ไม่ไปอังกฤษ
ขณะที่ พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักฯ กล่าวถึงกรณีสื่อมวลชนบางสำนักนำเสนอข่าวนางนราพร จันทร์โอชา ภริยานายกฯไม่ได้เดินทางร่วมคณะไปเยือนอังกฤษและฝรั่งเศสกับนายกฯ เพราะต้องการหลีกเลี่ยงข้อครหาไปฉลองวันเกิดว่า เรื่องนี้ไม่เป็นความจริง เพราะช่วงระยะ เวลาดังกล่าวนางนราพรได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ผู้แทนพระองค์อัญเชิญแจกันดอกไม้พระราชทานมามอบให้ที่ทำเนียบรัฐบาล เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเกิด 20 มิ.ย.61 รวมทั้งยังเป็นช่วงที่แพทย์ได้แนะนำให้พักผ่อนเพื่อเข้ารับการผ่าตัดเล็กด้วย
ไทม์สัมภาษณ์พิเศษนายกฯไทย
วันเดียวกัน เว็บไซต์นิตยสารไทม์ รายงานบทสัมภาษณ์พิเศษ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมนำภาพขึ้นปกนิตยสารฉบับเอเชียวันที่ 2 ก.ค. พาดหัวข่าว “นักประชาธิปไตย เผด็จการ พล.อ.ประยุทธ์จะเลือกทางเดินใด” ตั้งคำถามภาพรวมทางการเมืองภายหลัง 4 ปีการรัฐประหาร รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และทิศทางประชาธิปไตยของประเทศไทย โดย พล.อ.ประยุทธ์ระบุว่าเป็นเรื่องปกติที่คนจะรู้สึกกังวล เพราะไทยกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านไปสู่การเมืองยุคใหม่และประชาธิปไตยแบบไทย สิ่งที่เหมาะสมสำหรับประเทศคือการสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนผ่านกระบวนการที่เหมาะสม และนอกเหนือจากเรื่องเสรีภาพ สิทธิมนุษยชนแล้ว จำเป็นต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย ไม่ไปละเมิดกฎหมายหรือละเมิดสิทธิผู้อื่น ส่วนเรื่องรัฐธรรมนูญมองว่าจะสร้างความเชื่อมั่นแก่นานาชาติ เพราะผ่านการทำประชามติ ทั้งมีกลไกแก้ปัญหาที่จำเป็น อาทิ การสร้าง ความมีส่วนร่วม ต่อต้านคอร์รัปชัน ผลประโยชน์ทับซ้อน
บอกไม่ได้อนาคตหลังเลือกตั้ง
ต่อข้อถามว่าจะปลดเกษียณตัวเองหลังการเลือกตั้ง ก.พ.2562 หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องของอนาคต ไม่อาจบอกได้ว่าจะทำอะไรหรืออยู่ที่ไหน ขึ้นอยู่กับสถานการณ์และประชาชน เรื่องนี้อยู่เหนือการควบคุม ต้องดูกันต่อไปทั้งในด้านกระบวนการประชาธิปไตย รัฐธรรมนูญ การเลือกตั้งและอีกมากมาย แต่ถ้าเกษียณก็จะกลับบ้านใช้ชีวิตกับครอบครัว เพราะครอบครัวมีบุญคุณมาก เสียสละหลายอย่างตั้งแต่ช่วงที่ตนรับราชการกองทัพ จนถึงตอนนี้ ขณะที่เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างจีน-สหรัฐฯ พล.อ.ประยุทธ์มองว่าไทยคบหาจีนมากว่าพันปี สหรัฐฯ 200 ปี จีนถือเป็นหุ้นส่วนเบอร์หนึ่งของไทย ตามด้วยอันดับสองและสามอย่างสหรัฐฯและชาติอื่นๆ ตอนนี้สหรัฐฯคงกำลังยุ่งกับเรื่องของตัวเอง จึงดูเหมือนห่างเหินกับอาเซียน แต่ที่ได้หารือกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีความเป็นไปได้ที่จะสนใจอาเซียนมากขึ้น และอยากจะเดินทางเยือนไทยสักวันข้างหน้า
เปรียบ “บิ๊กตู่” ให้เป็น “สฤษดิ์น้อย”
ทั้งนี้ นิตยสารไทม์ระบุด้วยว่า นับตั้งแต่ขึ้นสู่อำนาจ พล.อ.ประยุทธ์ได้ประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่จะทำให้กองทัพกลายเป็นผู้ไกล่เกลี่ยอำนาจอย่างถาวร เพราะจะอนุญาตให้เลือกนายกรัฐมนตรีคนนอก มีวุฒิสมาชิก 250 คนจากการแต่งตั้ง ขณะที่ตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 500 ตำแหน่ง จะเฟ้นหาด้วยกลไกการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าจะได้รัฐบาลผสมที่อ่อนแอ ทำให้สุดท้ายกองทัพจะเป็นผู้ตัดสินใจนโยบายสำคัญ นอกจากนี้ไทม์ยังเปรียบเทียบ พล.อ.ประยุทธ์กับจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 11 ของไทย ให้เป็น “สฤษดิ์น้อย” (Little Sarit)
เผยไทม์แตะมือ “ทักษิณ” มุ่งโจมตี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีที่นิตยสารไทม์ฉบับล่าสุดพาดหัวในเชิงโจมตี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จนทำให้ พล.อ.ประยุทธ์และทีมงาน ที่อยู่ระหว่างเยือนประเทศอังกฤษและฝรั่งเศสซีเรียสมาก โดยกระทรวงการต่างประเทศได้รายงานปมประเด็นนี้ต่อนายกฯว่า เป็นความจงใจอย่างชัดเจนของไทม์ในการทำลายภาพลักษณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ในเวทีระดับโลก ป้ายสีผู้นำเผด็จการให้นายกรัฐมนตรีของไทย และในจังหวะสถานการณ์ที่พอดีกับความเคลื่อนไหวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตผู้นำไทย ที่ให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศพร้อมๆ กัน เหมือนทำให้เกิดภาพเปรียบเทียบความอินเตอร์ระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์กับนายทักษิณที่ได้รับการยอมรับจากต่างชาติมากกว่า เป็นแค่เกมการชิงกระแสการเมืองกัน แต่สร้างความเสียหายต่อเครดิตของผู้นำประเทศที่กำลังพยายามสร้างยุทธศาสตร์ร่วมกับยุโรปเพื่อเอื้อต่อการพัฒนาเศรษฐกิจในระยะยาว
หยิบแค่บางส่วนไปใส่สีตีไข่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระทรวงการต่างประเทศยังรายงาน พล.อ.ประยุทธ์ด้วยว่า ไทม์ได้ติดต่อผ่าน สลน. โดยให้คำถามนายกรัฐมนตรีตอบในเรื่องต่างๆ โดยกระทรวงการต่างประเทศช่วยดูแล แต่ไทม์กลับเอาสิ่งที่นายกฯตอบไปประกอบบทความแค่บางส่วน เพื่อเพิ่มน้ำหนักในบทความที่คนเขียนวิเคราะห์ตั้งธงไว้ ประกอบเนื้อหาของฝ่ายที่ต่อต้านรัฐบาลที่พูดเชิงลบเกี่ยวกับการบริหารบ้านเมือง รวมถึงนโยบายสหรัฐฯกับจีน ทำให้คนอ่านเกิดความรู้สึกด้านลบกับนายกรัฐมนตรี ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ รู้สึกเหนื่อยท้อกับสถานการณ์ ทั้งๆที่ผลการพูดคุยกับผู้นำอังกฤษได้ผลตอบรับเชิงบวกดีมาก และนายกฯกำลังจะเดินทางไปฝรั่งเศสต่อ แต่เจอไทม์เตะตัดขา ชัดเจนว่าเป็นการแตะมือกันระหว่างสื่อต่างชาติกับคนไทยที่อยู่ต่างแดน
“ทักษิณ” มั่นใจชนะ ลต.–ขออย่าโกง
อีกด้านหนึ่ง เว็บไซต์บีบีซีไทย เผยแพร่คลิปวิดีโอและบทสัมภาษณ์นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ภายหลังงานเลี้ยงวันเกิด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ถึงการเลือกตั้งประเทศไทยที่คาดว่าจะมีขึ้นในปี 2562 ว่า “สาธุ...ขอให้เกิดเถอะ เพราะสงสารประชาชน” เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยจะชนะการเลือกตั้งหรือไม่ นายทักษิณตอบว่า เพื่อไทยชนะที่หนึ่งแน่นอน มั่นใจ เมื่อเข้าคูหาแล้วประชาชนคิดอย่างไร อย่าประเมินประชาชนต่ำไป วันนี้ประชาชนคนไทยเป็นคนพุทธส่วนใหญ่ อาจยอมอดทน อดกลั้น นั่งนิ่งเฉย รอไปก่อน คิดว่าวันหนึ่งเขาจะมีพลังแสดงอำนาจของเขาอย่างสุจริต แล้ววันนั้นเราจะได้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ถ้าเป็นลูกผู้ชายโดยเฉพาะชาติทหารนี่อย่าไปคิดโกงเลือกตั้งเด็ดขาด อายเขา ไม่อายใคร ก็อายตัวเอง
แฉใช้คดีขู่–ทุ่มเงินซื้อตัวอดีต ส.ส.
นายทักษิณระบุว่า ยังคงติดต่อกับประชาชนอยู่ตลอด โทร.หากำนัน ผู้ใหญ่บ้านเป็นระยะ ทำให้รู้ว่าพวกเขาคิดอะไรอยู่ “สังเกตดูครับ ส.ส.ที่ออกจากเพื่อไทยมีน้อย ส่วนใหญ่ก็มีคดี จะได้หลุดคดีซะที ไปเหอะ ไปเข้าข้างนั้นเหอะ เพราะเขาเอาคดีมาขู่แล้ว กับอีกประเภทคือเป็นหนี้เป็นสิน อยู่ๆเอาเงินก้อนใหญ่มาให้ก็น่าสนใจอยู่ กับอีกประเภทคืออาจจะมั่นใจตัวเองว่าตัวเองเป็นที่นิยมดี และคิดว่าได้ตังค์เยอะด้วยก็น่าจะไป แต่เป็นเรื่องที่ผมต้องแสดงความยินดีกับพรรคเพื่อไทยที่บุคคลเหล่านี้ออกไปจากพรรค เพื่อเปิดโอกาสให้พรรคเพื่อไทยได้คัดนักการเมืองรุ่นใหม่เข้ามาบ้าง เป็นเรื่องที่ดี” นอกจากนี้ นายทักษิณยังให้ความเห็นต่อการเยือนอังกฤษและฝรั่งเศสของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช.ว่า เป็นการต้อนรับที่หวังผลประโยชน์ทางการค้า การต้อนรับในโลกทุนนิยม คือ ถ้าเรามีทุน เขาจะนิยมเรา เอาตังค์ไปซื้อของเขา เขาก็ขอบคุณ แล้วเราได้อะไรจากการไปเยือน
ยังหวังกลับมาเป็นผู้นำไทย
เว็บไซต์บีบีซีไทยรายงานด้วยว่า นายทักษิณยังพูดถึงการชนะเลือกตั้งของนายมหาเธร์ โมฮัมหมัด อดีตนายกฯมาเลเซียวัย 92 ปี ได้สร้างความฮึกเหิมให้ตนเอง โดยพูดกับคนใกล้ชิดบ่อยครั้งว่ายังไม่แก่เกินไปที่จะกลับมาเป็นผู้นำประเทศไทย “ผมอายุ 69 อ่อนกว่ามหาเธร์ 23 ปี เพราะฉะนั้นเรียกว่า มันเกิดขึ้นได้ถ้าเรายังแข็งแรงอยู่ สติปัญญายังดีอยู่ แต่ถ้าเราไม่แข็งแรงแล้ว สติปัญญาไม่ดีแล้วก็ไม่ควรจะไปอาสาทำงานที่เป็นสาธารณะ งานประชาชน แต่ว่าผมก็ 69 เดือนหน้า ก็ยังคิดว่าแข็งแรงอยู่ จะพยายามให้แข็งแรงเหมือนมหาเธร์ 92”
ด่าพวกหน้าโง่ย้ายออกเพื่อไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทยว่า ภายหลังการออกรอบตีกอล์ฟของแกนนำพรรคเพื่อไทยเมื่อวันที่ 21 มิ.ย. ช่วงค่ำได้มีงานเลี้ยงของสมาชิกที่ไปร่วมตีกอล์ฟกว่า 30 คน ช่วงหนึ่งมีการฉลองวันเกิดให้กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ โดยนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ ได้วิดีโอคอลไปหานายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่อยู่ประเทศอังกฤษ และให้แกนนำ สมาชิกพรรคอวยพรวันเกิดให้กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ขณะที่นายทักษิณได้พูดถึงสถานการณ์การเมืองที่อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทยกำลังถูกดึงตัวออกจากพรรคว่า ใครที่อยากจะออกจากพรรคไปมี 2 ประการคือ 1.ไปเก็บสตางค์แล้วเลิกเล่นการเมือง เพราะพวกนี้หน้าโง่ จ่ายแพง ก็เก็บสตางค์ไปแล้วก็ไปพักผ่อนซะ กับ 2.มั่นใจในตัวเอง ลืมไปว่าคะแนนตัวเองสู้คะแนนพรรคไม่ได้มาโดยตลอด มาเที่ยวนี้ก็คงได้เอาเด็กรุ่นใหม่ๆขึ้นมาแทนบ้าง เดี๋ยว จ.เลย จ.นครราชสีมา ต้องมีคนรุ่นใหม่ขึ้นมาแทน ดีมากเลย มั่นใจว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าพรรคเพื่อไทยจะชนะการเลือกตั้งมาเป็นอันดับ 1 และน่าจะได้ ส.ส.เยอะกว่าเดิม ส่วนคนที่ออกไปโอกาสสอบตกสูง เพราะโพลที่สำรวจกันพรรคก็ยังมาอันดับ 1
เตรียมเปิดหัวจ่ายน้ำเลี้ยงปลุกขวัญ
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับประเด็นปัญหา ที่อดีต ส.ส.ของพรรคสะท้อนเรื่องค่าใช้จ่ายช่วยเหลือที่เหือดหายไปเป็นเวลานาน จนทำให้บางคนต้องตัดสินใจ ย้ายพรรคเพื่อความอยู่รอดนั้น ผู้บริหารพรรครับทราบปัญหาดังกล่าว และมีการพูดคุยเรื่องนี้กันมากขึ้น พร้อมหามาตรการสนับสนุนช่วยเหลืออดีต ส.ส. เตรียมพร้อมเข้าสู่การเลือกตั้ง แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะเริ่มเมื่อไหร่
“ภูมิธรรม” ชี้ชิ่งหนี พท.ล้มเหลวแน่
นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ แสดงความมั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งเป็นที่ 1 ว่า พรรคเพื่อไทยเชื่อมั่นว่าประชาชนยังคงให้ความเชื่อมั่น เพราะตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทยเราพูดคำไหนคำนั้น พูดจริงทำจริง นโยบายตรงใจพี่น้องประชาชน เราแปลงประชาธิปไตยให้กินได้ ทำให้วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้น ทำให้ ส.ส.ยังคงอยู่กับพรรค เพราะรู้ว่าประชาชนจะเลือกใคร และตราบใดที่ยังยึดมั่นอุดมการณ์ ยืนหยัดเคียงข้างประชาธิปไตย ไม่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจ เห็นประชาชนเป็นศูนย์กลาง และยังอยู่กับพรรคเพื่อไทย รับรองว่ารอดปลอดภัย ได้เป็น ส.ส.ต่ออย่างแน่นอน ส่วนพวก ส.ส.ที่จะย้ายหรือถูกดูดไปนั้น ต่างก็มีเหตุผล ต่างๆกัน คงต้องตัดสินใจหาทางเลือกทางรอดให้กับตัวเอง แต่ถ้าเป็นสิ่งที่ประชาชนไม่ยอมรับ เลือกตั้งครั้งหน้าก็ล้มเหลว สำหรับกรณีที่นายทักษิณระบุว่าลูกผู้ชายชาติทหารอย่าคิดโกงนั้น คงต้องไปถามนายทักษิณเอาเองว่าหมายความอย่างไร แต่นายทักษิณเห็นอะไรมาเยอะ มองทุกอย่างบนความเป็นจริง และวิเคราะห์ตามความเชื่อ ส่วนจะจริงหรือไม่ เวลาเท่านั้นจะเป็นเครื่องพิสูจน์
“บิ๊กป้อม” เผย 30 พรรคตอบรับหารือ
เมื่อเวลา 10.00 น. ที่องค์การสงเคราะห์ทหาร ผ่านศึกในพระบรมราชูปถัมภ์ (อผศ.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงความคืบหน้าการเชิญพรรคการเมืองหารือวันที่ 25 มิ.ย.ว่า ขณะนี้มีพรรคการเมืองตอบรับมาแล้วประมาณ 30 พรรค และคาดว่าจะตอบรับเข้ามาต่อเนื่องมากกว่านี้ เนื่องจากตอนนี้เรามีพรรคการเมืองทั้งหมดประมาณ 70 ถึง 80 พรรค เพิ่งจะเริ่มส่งหนังสือเชิญไปเมื่อวันที่ 21 มิ.ย.ที่ผ่านมา เมื่อถามว่าอยากพูดอะไรกับพรรคการเมืองที่อยู่ระหว่างการตัดสินใจจะเข้าร่วมหารือหรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่า อยากให้พรรคการเมืองเหล่านั้นเข้ามาร่วมพูดคุย แต่ถ้าไม่มาเราจะทำอย่างไรได้ ไม่มาก็คือไม่มา
เล็งสอบคน พท.บินเบิร์ธเดย์ “ปู”
เมื่อถามถึงกรณีที่มีการจัดงานฉลองวันเกิดของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ โดยมีอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทยและคนมีชื่อเสียงไปร่วมงาน ฝ่ายความมั่นคงจับตากรณีนี้อย่างไร พล.อ.ประวิตรย้อนถามว่า “จะให้ทำอย่างไร ไหนสื่อช่วยบอกวิธีการมาสิว่าจะต้องจับตาอย่างไร ส่วนอดีต ส.ส.ที่เดินทางไปพบก็ต้องพิจารณาด้วยว่าไปพบเรื่องอะไรและไปทำไม จะต้องให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเป็นผู้ดำเนินการ”
รอความร่วมมือ พท.-อนาคตใหม่
ขณะที่ พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม กล่าวถึงความคืบหน้าการเชิญพรรคการเมืองเข้ามาพูดคุยในวันที่ 25 มิ.ย.ว่า ขณะนี้มีพรรคการเมืองตอบรับเข้าร่วมหารือแล้วหลายพรรค และยังคงรอ การตอบรับจากพรรคต่างๆ จนถึงวันที่ 24 มิ.ย. สำหรับการหารือจะเป็นการชี้แจงทำความเข้าใจ และเปิดโอกาสให้พรรคการเมืองสอบถามข้อสงสัยเกี่ยวกับการเลือกตั้ง รวมถึงข้อปฏิบัติที่พรรคการเมืองสามารถดำเนินการได้ โดยมีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี และตนเป็นผู้ชี้แจงด้วย เมื่อถามว่า ขณะนี้พรรคเพื่อไทยและพรรคอนาคตใหม่ยังไม่ตอบรับเข้าร่วม พล.อ.ชัยชาญตอบว่า เราก็ยังรอ 2 พรรคตอบรับอยู่ ยังมีเวลา ตนอยากให้ทุกพรรค การเมืองเข้ามาร่วมพูดคุย เพื่อได้รับฟังคำชี้แจงจากรัฐบาล
กกต.ยกคณะเตรียมร่วมถกเวทีรัฐ
พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต.ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ คสช.เชิญพรรคการเมืองหารือวันที่ 25 มิ.ย.ว่า ในส่วนของ กกต.จะมีประธาน กกต. และ กกต.ทุกคน รวมทั้งตนและรองเลขาธิการ กกต. ที่ดูแลงานพรรคการเมืองไปร่วมประชุม หลังจากพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้มีหนังสือเชิญ กกต.ทั้งคณะ
หวังเวที คสช.จุดเริ่มต้นสมานฉันท์
นายอุเทน ชาติภิญโญ หัวหน้าพรรคคนไทย กล่าวว่า แม้หลายพรรคการเมืองจะมองเวทีหารือเป็นเพียงพิธีกรรมของ คสช. และไม่ตอบรับเข้าร่วม แต่พรรคคนไทยหวังลึกๆว่า คสช.จะใช้เวทีนี้เป็นจุดเริ่มต้นกระบวนการสร้างความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม หาก คสช.มีความจริงใจยอมรับฟังปัญหาอุปสรรคเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติ ก็จะเป็นการสร้างบรรยากาศและวางบรรทัดฐานที่ดีทางการเมืองต่อไป สำหรับข้อเสนอต่างๆ ทุกพรรคการเมืองได้แสดงความคิดเห็นผ่านหลายช่องทางมาโดยตลอด เช่นเดียวกับพรรคคนไทยที่พยายามชี้ให้เห็นถึงความเหลื่อมล้ำ และข้อได้เปรียบเสียเปรียบระหว่างพรรค การเมืองตั้งใหม่ และพรรคการเมืองเดิมที่มีมาก่อนรัฐประหาร อันเป็นผลมาจากคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 53/2560 ดังนั้น คสช.จะต้องแก้ไขคำสั่งดังกล่าวโดยด่วน
ป.ป.ช.ลงมติไม่รื้อคดีสลาย นปช.
วันเดียวกัน ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ป.ป.ช.) นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการ ป.ป.ช. แถลงกรณีกลุ่ม นปช.ยื่นคำร้องให้ ป.ป.ช.รื้อฟื้นคดีสลายการชุมนุมกลุ่ม นปช.ปี 2553 ที่ ป.ป.ช.เคยลงมติไปแล้วขึ้นมาพิจารณาใหม่ว่า ป.ป.ช.มีมติยกคำร้องดังกล่าว เนื่องจากเห็นว่าไม่มีข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานใหม่ โดยเห็นว่ากรณีการใช้อาวุธและกระสุนจริง รวมทั้งยุทธวิธีซุ่มยิง เพื่อขอพื้นที่คืนระหว่างวันที่ 10 เม.ย.-19 พ.ค.53 จนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บนั้น ปรากฏข้อเท็จจริงตามคำสั่งศาลว่า การชุมนุมดังกล่าวมิใช่การชุมนุมโดยสงบตามรัฐธรรมนูญ เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องใช้มาตรการสลายการชุมนุม ประเด็นที่ นปช.ร้องขอให้ทบทวนใหม่ เช่น การใช้อาวุธสงครามกระสุนจริงและยุทธวิธีการซุ่มยิงมีความถูกต้องหรือไม่ การไม่ยกเลิกการปฏิบัติในทันทีเมื่อทราบการเสียชีวิต และการอ้างมีบุคคลที่มีอาวุธปืนปะปนในกลุ่มผู้ชุมนุมไม่มีหลักฐานรองรับนั้น คำกล่าวอ้างดังกล่าวเป็นลักษณะการโต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐาน ไม่มีการกล่าวอ้างพยานหลักฐานใหม่
ไร้หลักฐานใหม่กระทบมติเดิม
นายวรวิทย์กล่าวว่า นอกจากนี้ พยานหลักฐานที่กลุ่ม นปช.ขอกล่าวอ้างให้รื้อฟื้นคดี เช่น วารสารเสนาธิปัตย์ ถือว่าไม่ใช่พยานหลักฐานหรือข้อเท็จจริง เป็นเพียงบทความทางวิชาการทหารเท่านั้น ส่วนคำสั่งไต่สวนชันสูตรพลิกศพ และแผ่นบันทึกภาพและเสียงเหตุการณ์การสลายการชุมนุมนั้น เป็นหลักฐานที่ปรากฏอยู่ในสำนวนการไต่สวนของ ป.ป.ช.ที่ได้นำมาพิจารณาประกอบการวินิจฉัยด้วยแล้ว จึงถือว่าไม่ใช่พยานหลักฐานใหม่ ดังนั้น ป.ป.ช.จึงมีมติไม่ยกสำนวนการไต่สวนการกล่าวหานายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี สั่งสลายการชุมนุม กลุ่มนปช.ที่ ป.ป.ช.เคยลงมติไปแล้ว นำกลับมาพิจารณาใหม่ ทั้งนี้ หากปรากฏพยานหลักฐานใหม่อันเป็นสาระสำคัญ ป.ป.ช. อาจหยิบยกสำนวนการไต่สวนมาพิจารณาใหม่ได้ทุกเมื่อภายในอายุความ
“เต้น” น้ำตาคลอขอความเป็นธรรม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการแถลงข่าวครั้งนี้นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. ได้เข้าร่วมรับฟังการแถลงข่าวของ ป.ป.ช.ด้วย ในฐานะเป็นผู้ยื่นเรื่องขอให้รื้อฟื้นการพิจารณาคดีใหม่ โดยในช่วงท้ายของการแถลงข่าวนายณัฐวุฒิได้สอบถามด้วยน้ำตาคลอถึงการเรียกร้องความเป็นธรรมที่มีผู้เสียชีวิต 99 ศพ เพราะเห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม โดยบอกว่า ยอมรับมติ ป.ป.ช.ไม่ได้ และเตรียมจะรวบรวมรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งไม่ต่ำกว่า 20,000 คน ยื่นต่อประธานรัฐสภา เพื่อให้พิจารณายื่นต่อศาลฎีกาตั้งคณะกรรมการไต่ส่วนกรรมการ ป.ป.ช.ต่อไป
ศาลพิจารณาคดีฟ้อง คสช.กบฏ
วันเดียวกัน เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ห้องพิจารณา 907 ศาลอาญา ศาลอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีที่นายพันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ นายสิรวิชญ์ หรือจ่านิวเสรีธิวัฒน์ นายอานนท์ นําภา กลุ่มพลเมืองโต้กลับ และกลุ่มประชาธิปไตยใหม่ รวม 15 คน เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. กับคณะ คสช.รวม 5 คน ในความผิดต่อความมั่นคงของรัฐ ฐานร่วมกันกบฏ ล้มล้างหรือเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ หรือล้มล้างอำนาจนิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ หรือแบ่งแยกราชอาณาจักรโดยใช้กำลังประทุษร้าย สะสมกำลังพลหรืออาวุธ ตระเตรียมการอื่นใดหรือสมคบเป็นกบฏ ตามกฎหมายอาญา ม.113 ม.114 สืบเนื่องจากกรณีระหว่างวันที่ 20-24 พ.ค.57 จำเลยทั้งหมดร่วมกันใช้กำลังขู่เข็ญประทุษร้ายและล้มล้างเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 สิ้นสุดลง ล้มล้างอำนาจนิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการอันเป็นความผิดฐานกบฏ และพวกจำเลยยังได้ออกคำสั่งในนาม คสช. หลายฉบับ อันเป็นการละเมิดสิทธิ์และเสรีภาพของประชาชนและสื่อมวลชนทำให้โจทก์ทั้ง 15 คนได้รับความเสียหาย คดีนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายกฟ้อง
ฎีกาพิพากษายืนยกฟ้อง
ต่อมาโจทก์ยื่นฎีกา ขอให้พิจารณาคำฟ้องและสั่งรับคดีไว้ไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้ว ที่จำเลยฎีกาว่าม. 47 ม.48 ของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ.2557 บัญญัติเพื่อนิรโทษกรรม คสช. เป็นการออกกฎหมายรับรองการกระทำความผิด มีสภาพเป็นกฎเกณฑ์ที่ขัดต่อเสียงแห่งมโนธรรมและหลักการพื้นฐานแห่งความยุติธรรมของมนุษยชาติอย่างชัดแจ้งนั้น ศาลเห็นว่าสภาพของรัฐใดรัฐหนึ่งประกอบด้วยดินแดนที่แน่นอน ประชาชน รัฐบาล และอำนาจอธิปไตย กฎหมายต้องใช้บังคับได้ แม้จะอ้างว่ารัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวไม่ชอบ แต่ต้องตีความกฎหมายให้เกิดผลบังคับใช้ได้ให้คงอยู่เป็นรัฐ มิฉะนั้นบ้านเมืองเสียหาย การยึดอำนาจในขณะนั้น คสช. ใช้อำนาจเป็นรัฏฐาธิปัตย์ แม้ว่าการได้มาซึ่งอำนาจจะไม่เป็นไปตามวิถีทางประชาธิปไตย ก็เป็นกรณีว่ากล่าวกันในด้านอื่น คสช.มีอำนาจในเชิงข้อเท็จจริง ดังนั้นรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวจึงมีสภาพเป็นกฎหมาย การกระทำของจำเลยทั้ง 5 จึงพ้นผิดโดยสิ้นเชิง ศาลพิพากษายืนยกฟ้อง
ยืนจำคุก กปปส.ขวางเลือกตั้ง
ที่ห้องพิจารณา 907 ศาลอาญา ศาลอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายนวการ ขอนศรี นายประเสริฐ ด้วงทิพย์ จำเลยที่ 1-2 การ์ด กปปส.ขัดขวางการเลือกตั้งปี 57 ข้อหาร่วมกันกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพื่อมิให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งสามารถใช้สิทธิ กรณีเมื่อวันที่ 26 ม.ค.57 จำเลยทั้งสองกับพวกกลุ่ม กปปส.ขัดขวางปิดประตูทางเข้าออกสำนักงานเขตดินแดง เพื่อไม่ให้สามารถจ่ายหีบบัตรเลือกตั้งให้กับ ผอ.ประจำที่เลือกตั้งกลางนอกเขตจังหวัด ทำให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ 6 ประกาศงดลงคะแนนเลือกตั้ง คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้จำคุกจำเลยคนละ 1 ปี และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งคนละ 5 ปี ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้จำเลยทั้งคู่ขัดขวางไม่ให้ผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งใช้สิทธิจนเวลาล่วงเลย 18.00 น. ที่จำเลยยื่นฎีกาขอให้ลงโทษสถานเบานั้น ศาลเห็นว่าจำเลยทั้งสองมีพฤติการณ์ไม่สำนึก ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย พิพากษายืนให้จำคุกจำเลยคนละ 1 ปี ไม่รอลงอาญา และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งคนละ 5 ปี
ร่นเวลาพิจารณาคดีทีพีไอ “ทักษิณ”
ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ถนนแจ้งวัฒนะ ศาลออกนั่งพิจารณาคดีครั้งแรกในคดีหมายเลขดำที่ อม.44/61 ที่ ป.ป.ช. เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ในความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ กรณีให้ความเห็นชอบต่อกระทรวงการคลัง สมัยที่ ร.อ.สุชาติ เชาว์วิศิษฐ เป็น รมว.คลัง เข้าเป็นผู้บริหารแผนฟื้นฟู บริษัทอุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) หรือทีพีไอ ถือเป็นการกระทำนอกเหนืออำนาจหน้าที่ของกระทรวงการคลังเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ.2546 ม.10 โดยในวันนี้ไม่มีฝ่ายจำเลยเดินทางมาฟังคำพิพากษา องค์คณะผู้พิพากษาพิจารณาแล้วเห็นว่าจำเลยทราบนัด ไม่มีการแจ้งเหตุขัดข้องหรือขอเลื่อน มีพฤติการณ์หลบหนีจึงให้ออกหมายจับกุมตัวจำเลยเพื่อมาดำเนินคดี นอกจากนี้ยังมีคำสั่งให้ร่นระยะเวลาการติดตามตัวจากเดิมที่กำหนดไว้ 3 เดือน ให้ดำเนินกระบวนการพิจารณาคดีโดยไม่ต้องทำต่อหน้าจำเลยภายใน 1 เดือน แต่ไม่ตัดสิทธิจำเลยในการแต่งตั้งทนายความเพื่อให้กระบวนการพิจารณาคดีแล้วเสร็จโดยเร็ว ให้นัดตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 7 ส.ค.61 เวลา 13.30 น. และให้คู่ความทั้งสองฝ่ายยื่นบัญชีพยานกำหนดแนวทางไต่สวนก่อนวันนัดตรวจพยานหลักฐาน 14 วัน โดยให้ส่งหมายแจ้ง หากไม่มีผู้รับให้ปิดหมาย
ออกหมายจับ “ไพจิตร อักษรณรงค์”
อีกคดีหนึ่ง องค์คณะผู้พิพากษารวม 9 คน ออกนั่งบัลลังก์ในนัดพิจารณาคดีครั้งแรกเพื่อสอบคำให้การ คดีที่ ป.ป.ช.ยื่นคำร้องขอให้วินิจฉัยนางไพจิตร หรือจุ๋ง อักษรณรงค์ อายุ 59 ปี อดีตข้าราชการการเมืองตำแหน่งประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีในสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ และเป็นอดีตนักร้องดังและอดีตโฆษก นปช. กรณีจงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินหนี้สินและเอกสารประกอบอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และขอให้สั่งห้ามผู้ถูก กล่าวหาดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี เมื่อถึงเวลาปรากฏว่านางไพจิตรไม่มาศาล องค์คณะฯ เห็นว่า ศาลได้ส่งสำเนาคำร้องของ ป.ป.ช. และหมายเรียกให้ผู้ถูกกล่าวหามาศาลแล้ว นางไพจิตร ผู้ถูกกล่าวหาทราบนัดโดยชอบแล้วไม่มา โดยไม่แจ้งเหตุขัดข้องหรือขอเลื่อนคดี ตามพฤติการณ์มีเหตุอันควรสงสัยว่าผู้ถูกกล่าวหาจะหลบหนี จึงให้ออกหมายจับติดตามตัวผู้ถูกกล่าวหามาศาล และให้ถือว่าจำเลยให้การปฏิเสธ จึงให้กำหนดวันนัดตรวจพยานหลักฐาน ไต่สวนและฟังคำพิพากษา ในวันที่ 24 ก.ย.นี้ เวลา 09.30 น.
นายกฯชี้พิสูจน์จนนานาชาติยอมรับ
เมื่อเวลา 20.15 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช.กล่าวในรายการศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน โดยนำพระบรมราโชวาท ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่พระราชทานไว้เมื่อ 50 ปีที่ผ่านมา เรื่องการปิดทองหลังพระตอนหนึ่งที่ระบุว่า “การทำงานด้วยใจรัก ต้องหวังผลงานนั้นเป็นสำคัญ แม้จะไม่มีใครรู้ ใครเห็น ก็ไม่น่าวิตก เพราะผลสำเร็จนั้น จะเป็นประจักษ์พยานที่มั่นคง” พร้อมกล่าวว่า 4 ปีของ คสช.สามารถนำความสุขคืนสู่ปวงชนชาวไทยได้ตามที่มุ่งหวังตั้งใจ ในช่วงแรกอาจไม่เป็นที่ยอมรับจากนานาอารยประเทศ แต่ได้พยายามพิสูจน์ความจริงใจ แม้ผลงานไม่ได้สำเร็จทั้งหมด แต่ก็ได้รับการยอมรับจากประชาชน ประชาคมโลกในที่สุด
10 ปีขัดแย้งทำเสียโอกาสเวทีโลก
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า 10 กว่าปีที่ผ่านมาที่สังคมไทยแตกแยก รัฐบาลไร้เสถียรภาพ ย่อมส่งผลต่อนโยบายต่างประเทศในการกำหนดจุดยืนของเราในเวทีโลก และเราไม่มียุทธศาสตร์ชาติระยะยาวที่จะสร้างความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน พันธมิตร มิติทางการค้า การลงทุน ปล่อยให้เกิดปัญหาขัดแย้งกับประเทศรอบบ้าน ปัญหาการไม่สามารถทำตามมาตรฐานสากล ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของไทยอย่างต่อเนื่อง แต่ปัจจุบันความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้านอยู่ในระดับดีเยี่ยมที่สุด ชายแดนสงบสุข เปิดจุดผ่านแดนเพิ่มขึ้น การค้าชายแดนขยายตัวมากขึ้นมีมูลค่ารวมกว่า 1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 จากปี 2559 แม้บริบทการต่างประเทศจะแข่งขันกันสูงมาก แต่เราสามารถดำเนินนโยบายต่างประเทศได้อย่างสมดุล สะท้อนว่า 4 ปีรัฐบาลได้ฟื้นฟูให้รอดพ้นสภาวะรัฐล้มเหลว จนได้รับการยอมรับจากประชาคมโลกเพิ่มมาโดยลำดับ
เลิกโทษประหารต้องทำประชามติ
อีกเรื่องหนึ่ง กรณีที่มีข้อถกเถียงในสังคมเรื่องโทษประหารชีวิตนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ที่อยู่ระหว่างเดินทางเยือนสหราชอาณาจักรและสาธารณรัฐฝรั่งเศส ได้กล่าวระหว่างพบปะชุมชนไทยในกรุงลอนดอน สหราชอาณาจักรถึงเรื่องนี้ว่า พุทธศาสนาเป็นสิ่งที่ดี อย่าให้ใครมาบิดเบือน ไม่ว่าจะอะไรก็ตามต้องอยู่ภายใต้กฎหมายฉบับเดียวกัน ถ้ามีหลักฐานก็ต้องจบทั้งหมด แต่ถ้าไม่มีก็คือไม่มี ซึ่งไม่มีใครไปแกล้งได้หรอก เขามีการตัดสินอย่างยุติธรรม คดีหนักๆอย่างโทษประหารชีวิต มีการตัดสินโดยผ่านขั้นตอนถึง 3 ศาล แล้วยังบอกไม่รู้ว่าถูกหรือผิดอย่างนี้ก็ไม่ใช่ เราก็ไม่ได้อยากให้เกิดขึ้น แต่กฎหมายต้องเป็นกฎหมาย เพราะเรายังไม่ได้เลิกกฎหมายฉบับนี้ ซึ่งถ้าเลิกไปต้องผ่านการทำประชามติหรือประชาพิจารณ์ ต้องถามประชาชนถ้ายกเลิกกฎหมายนี้เขายอมหรือ ไม่เขาไม่ยอมหรอก ถึงไม่กล้าทำกันอยู่อย่างนี้ เมื่อกฎหมายมีผลบังคับใช้มาเราเลี่ยงไม่ได้ ไม่มีใครอยากทำหรอก แต่ต้องนึกถึงคนบาดเจ็บสูญเสียด้วย