บทสนทนาทางแอปพลิเคชันไลน์ ระหว่างทีมข่าว "ไทยรัฐออนไลน์" กับพิธีกรรายการสาวค่ายเนชั่นทีวี และบลูสกาย ที่กำลังมีหัวข้อข่าวให้พูดถึงกันสนั่นโซเชียล ทำให้สื่อมวลชนรุ่นหลังอย่างเรารู้สึกหวั่นใจไม่น้อย เพราะด้วยลีลาจัดรายการ บุคลิกห้าวหาญชนเละทุกมุม กลายเป็นภาพติดตาที่ว่า.... "ถ้าทักไปหา พี่ปองจะคุยด้วยมั้ยน้อ?"  บทสนทนาเริ่มต้นที่...

ไทยรัฐออนไลน์ ** สวัสดีค่ะพี่ปอง หนูชื่อ....จากไทยรัฐออนไลน์นะคะ 

พี่ปอง ** สวัสดีน้อง คนสวยว่าไงคะ

ไทยรัฐออนไลน์ ** (โล่งใจค่ะ อย่างน้อยๆ พี่ปองไม่ได้จี้ถามว่าเอาไอดีไลน์มาจากไหน)

ไทยรัฐออนไลน์ ** หนูอยากจะสัมภาษณ์พี่ค่ะ เอาแบบเรื่องราวดีๆ มุมดีๆ

พี่ปอง ** อย่าเลยค่ะคนสวย ปกติพี่ไม่เคยให้สัมภาษณ์เลย นานที 10 ปีหน ขอบคุณนะคะที่สนใจ

พี่ปอง ** หนู มาให้พี่เลี้ยงขนมดีกว่านะคะ 

หลังจากนั้นก็จบบทสนทนาประเด็นขอสัมภาษณ์ไป ก่อนจะเริ่มต้นคุยเรื่องอื่นตามประสาคนทำสื่อเหมือนกัน...."ก็ไม่เห็นจะน่ากลัวแบบที่โดนใครๆ ขู่ไว้เลยนะคะ" การเริ่มต้นทำความรู้จักกันเป็นครั้งแรกผ่านไลน์ถือเป็น "First impression" สำหรับทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์ ... แต่ถึงแม้วันนี้ "พี่ปอง" ยังไม่สะดวกให้น้องสัมภาษณ์​ กราบเรียนขออนุญาตงามๆ ณ ที่นี้ เปิดโปรไฟล์ประวัติการทำงานของ "พี่ปอง" ตั้งแต่แรกเริ่มเดิมที ...ทำไม "พี่ปอง" ถึงเป็นที่น่าเกรงขามของน้องๆ สื่อรุ่นหลัง และคร่ำหวอดอยู่ในวงการสื่อสารมวลชนมานานหลายปี 

...

ปอง หรือ ปิงปอง หรือ เจ๊ปอง "อัญชะลี ไพรีรัก" สื่อมวลชนอิสระ เธอเริ่มต้นชีวิตในวัยทำงานในเส้นทางของนักสื่อสารมวลชน ด้วยการเป็นนักข่าวหนังสือพิมพ์ เส้นทางสายสื่อมวลชนตลอดระยะเวลา 20 กว่าปี พี่ปอง ลงพื้นที่แตะงานเองมาหลายรูปแบบ หลายสังกัด ไม่ว่าจะเป็น นักข่าวหนังสือพิมพ์ ทำข่าวประกวด ข่าวเศรษฐกิจ ข่าวการเมือง ข่าวตลาดหุ้น ข่าวการตลาด จนกระทั่งเป็นผู้ประกาศข่าวทาง ช่อง 7 สี

อัญชะลี ไพรีรัก เริ่มเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง ด้วยลีลาจัดรายการอย่าง "ตรงไป ตรงมา" และมีเอกลักษณ์เป็นของตนเอง ซึ่งในตอนนั้นอัญชะลีจัดรายการวิทยุอยู่ที่คลื่น FM. 96.5 MHz รายการ "จับชีพจรข่าว"

ต่อมาได้จัดรายการเกี่ยวกับผู้หญิงทางช่อง 3 ได้ 2 สัปดาห์ ก่อนจะได้รับการเชื้อเชิญจากนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ เจ้าของธุรกิจทีพีไอ ให้มาทำวิทยุคลื่นประชาธิปไตย FM. 92.25 MHz โดยเป็นผู้ริเริ่ม ทั้งวางผังและจัดรายการเองทั้งหมด แต่ต่อมาก็ถูกแทรกแซงอีกครั้ง จนต้องลาออกมา

นอกจากนี้ เธอยังได้จัดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร คอนเสิร์ตการเมือง คู่กับยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที ในรายการชื่อ "ติดดาบปลายปืน" แต่มิได้เป็นพนักงานในเครือผู้จัดการแต่อย่างใด โดยหลังการรัฐประหารเมื่อปี 2549 ได้เดินทางไปเรียนต่อที่ประเทศออสเตรเลียได้ระยะหนึ่ง จึงเดินทางกลับมา 

หลังจากนั้น รับหน้าที่พิธีกรรายการเคาะข่าวริมโขงและแขกรับเชิญรายการสภาท่าพระอาทิตย์ทุกวันจันทร์และศุกร์ และมีรายการประจำ ชื่อ "จับตาประเทศไทย" ออกอากาศทุกคืนวันอาทิตย์ 20.30 - 21.00 น. ทางเอเอสทีวี เป็นรายการเล่าข่าวทั่วไป ก่อนที่เธอจะยุติรายการทั้งหมดทางเอเอสทีวี และสื่อต่างๆ ในเครือผู้จัดการหมดแล้ว โดยมีเสียงร่ำลือกระแสหนึ่งกล่าวว่า ได้ออกไปทำงานส่วนตัว 

อย่างไรก็ตาม เธอยังเคยเป็นผู้จัดรายการ "ร้อยข่าวบลูสกาย" และ "ร้อยข่าวสุดสัปดาห์" ทางบลูสกายแชนแนล และหลังการรัฐประหารเมื่อปี 2557 อัญชะลีได้ร่วมงานกับสถานีโทรทัศน์นิวทีวี ในเครือหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ โดยเป็นผู้ดำเนินรายการ "หมายข่าวนิวทีวี" ออกอากาศในช่วงเย็น โดยเริ่มออกอากาศตั้งแต่วันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2557 และได้ลาออกจากนิวทีวี เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2561 กระทั่งปัจจุบัน เป็นพิธีกรอิสระ จัดรายการทางช่องเนชั่นทีวี และบลูสกายทีวี

บุคลิกการทำงานของเธอ เป็นคนจริงจังตั้งใจ และเป๊ะทุกหน้างาน พลาดไม่ได้ซักรายละเอียด ใครเคยได้ร่วมงาน คงทราบถึงความเนียบเฉียบของเธอ แต่ถ้าว่างเว้นจากงานแล้ว เธอเปรียบเสมือนแม่ เหมือนพี่สาวแท้ๆ ที่คอยดูแลให้คำปรึกษาน้องๆอย่างดีเยี่ยมเลยหละค่ะ  ... ถึงได้บอกไงคะว่า มองคนเราอย่ามองแค่มุมเดียว 

...

***ประสบการณ์ในแวดวงสื่อสารมวลชน เรียกว่า "อัญชะลี ไพรีรัก"  ยืนหยัดอยู่ได้ด้วยฝีมือ และผลงานของตัวเอง กระทั่งมีชื่อเสียงยาวนานมาจนทุกวันนี้ ..โอกาสหน้า ครั้งใหม่ ทางทีมข่าวจะพยายามจีบมาเปิดอกสัมภาษณ์ ให้ FC ได้ทำความรู้จัก "ตัวตนที่แท้จริงของเธอ เอาแบบที่ว่า ไม่ต้องไปฟังต่อจากปากใคร..."