
สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ฟันธง เดินหน้าทำสลากรวมชุด คาดอย่างเร็วออกได้ทันในงวด 16 ก.ค.นี้ หลังเปิดรับฟังความเห็นประชาชน นักวิชาการและบุคคลที่เกี่ยวข้องมีแนวโน้มเห็นด้วยให้สำนักงานสลากรวมเลขชุด เบื้องต้นจะทดลองนำลอตเตอรี่ 20 ล้านใบ มารวมเป็นชุด 5 ใบ ขาย 400 บาท พร้อมจัดทำประชาพิจารณ์ 4 ภาคทั่วประเทศตลอดเดือน พ.ค. “ธนวรรธน์” ลั่นหากทำสลากรวมชุดแล้วยังแก้ปัญหาขายหวยเกินราคาไม่ได้ ก็เตรียมงัดมาตรการอื่นๆทั้งทำหวยขูดไปจนถึงออกหวยออนไลน์
ที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เมื่อวันที่ 7 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลได้จัดสัมมนาเชิงวิชาการเรื่อง “ประชาพิจารณ์สลากแบบรวมชุด” โดยมีประชาชน นักวิชาการ และบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลกว่า 300 คน เข้าร่วมแสดงความเห็น และภายหลังการสัมมนาเสร็จสิ้น นายธนวรรธน์ พลวิชัย กรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล ให้สัมภาษณ์ว่า สำนักงานสลากฯ จะลงพื้นที่รับฟังความคิดเห็นจากประชาชนทั่วประเทศเกี่ยวกับนโยบายการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล (ลอตเตอรี่) รวมชุดก่อนสรุปรายละเอียด เพื่อเสนอให้คณะกรรมการสลากฯ (บอร์ด) พิจารณาภายในเดือน มิ.ย.นี้ ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าจะจัดจำหน่ายลอตเตอรี่รวมชุดได้เร็วที่สุดภายในวันที่ 16 ก.ค.2561
นายธนวรรธน์กล่าวอีกว่า ปัจจุบันตลาดมีความต้องการลอตเตอรี่รวมชุดเพิ่มขึ้น โดยมีสัดส่วนถึงร้อยละ 70 ส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 30 เป็นลอตเตอรี่ใบ โดยเบื้องต้นสำนักงานสลากฯ จะทดลองนำลอตเตอรี่ 20 ล้านใบมารวมเป็นชุด 5 ใบ หรือคิดเป็น 4 ล้านชุด และอีก 60 ล้านใบ จะขายแบบใบเดี่ยวเหมือนเดิม จากจำนวนยอดพิมพ์ทั้งหมด 80 ล้านใบ ส่วนขั้นตอนการจำหน่ายลอตเตอรี่รวมชุด 5 ใบนั้น จะนำลอตเตอรี่ที่ขายแบบใบเดี่ยวราคา 80 บาท มาจัดรวมเป็นชุด 5 ใบ เพื่อที่จะขายได้ง่ายกว่าแบบใบเดียวราคา 400 บาท เพราะเมื่อถึงปลายงวดผู้ค้าสามารถแบ่งขายลอตเตอรี่ 2 หรือ 3 ใบ ให้กับประชาชนที่ต้องการซื้อได้
“ภายหลังจากการเปิดรับฟังความคิดเห็นเบื้องต้นผ่านระบบออนไลน์ และจดหมายเปิดผนึกจากประชาชน 2,000 ราย ที่ส่งถึงสำนักงานสลากฯ พบว่าประมาณร้อยละ 70 สนับสนุนให้มีการรวมชุดจำหน่ายลอตเตอรี่รวมชุด แต่ยังมีประเด็นเสียงแตกอยู่หลายประเด็น คือจะให้จำหน่ายเป็นร้านค้าประจำจุด หรือขายหาบเร่เหมือนเดิม ซึ่งสำนักงานสลากฯ อยากให้ขายแบบประจำจุดมากกว่า เพราะสามารถตรวจสอบได้ง่าย โดยทางร้านจะต้องติดกล้องวงจรปิด หรือใช้แอปพลิเคชันยืนยันการขายลอตเตอรี่รวมชุดให้ตรวจสอบได้ง่าย” นายธนวรรธน์กล่าว และว่าหากการรับฟังความคิดเห็นและสรุปว่าให้ผู้ค้ารายย่อยสามารถจำหน่ายลอตเตอรี่รวมชุดได้ เมื่อถึงเวลาต่อสัญญา ผู้ค้าที่เข้ามาทำสัญญาใหม่ จะสามารถจำหน่ายลอตเตอรี่รวมชุดได้ เนื่องจากสัญญาจะเปิดกว้างไว้ให้รวมถึงการจำหน่ายเลขชุด แต่หากมีการจำหน่ายสลากเกินราคาก็สามารถดำเนินการตัดโควตาได้ทันที ซึ่งปัจจุบันได้มีการตัดโควตาสำหรับผู้ทำผิดไปแล้ว 5,000 ราย
นอกจากนี้ นายธนวรรธน์ยังกล่าวถึงการทำประชาพิจารณ์การทำสลากรวมชุดด้วยว่า สำนักงานสลากฯจะทำประชาพิจารณ์ในทุกภาคของประเทศไทย ตลอดเดือน พ.ค.นี้ โดยวันที่ 8 พ.ค. จัดประชาพิจารณ์ที่จังหวัดเชียงใหม่ ต่อไปที่จังหวัดภูเก็ต และปิดท้ายที่จังหวัดเลย ซึ่งวิธีการนี้จะเป็นแนวทางการแก้ไขปัญหาการจำหน่ายสลากราคาแพง แต่ถ้าไม่สำเร็จ ก็จะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เช่น หวยขูด เป็นต้น หากการแก้ไขไม่สำเร็จอีกก็จะออกสลากออนไลน์เป็นอันดับสุดท้าย
ด้านนายสังศิต พิริยะรังสรรค์ คณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต และกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ กล่าวว่า ในระยะนี้เห็นด้วยกับการทำสลากรวมชุด เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคได้เปลี่ยนแปลงไป หันมาซื้อแบบรวมชุดมากขึ้น ดังนั้น เชื่อว่าแนวทางนี้จะช่วยลดปัญหาการขายสลากเกินราคาลงได้ แต่อย่างไรก็ตาม การพัฒนาสลากได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถดึงเงินหวยใต้ดิน 300,000-500,000 ล้านบาทต่อปี เข้าสู่ระบบได้ สำนักงานสลากฯควรมีนโยบายจำหน่ายสลากออนไลน์ และมีเกมใหม่ๆ เช่น ลอตโต (Lotto) เพราะจะทำให้เกิดความเป็นธรรม แต่ควรจะให้ความสำคัญกับผู้พิการและผู้มีรายได้น้อยในการรับสิทธิ ได้ขายลอตโตก่อน และให้สิทธิกับผู้ที่มีโควตาเดิมก่อน โดยยืนยันว่าไม่เห็นด้วยหากจะมีการซื้อขายลอตโตผ่านร้านสะดวกซื้อ
ขณะที่นายสมชาย ปัญญ์เอกวงศ์ ประธานที่ปรึกษาสมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สนับสนุนให้มีการรวมสลากเป็นชุด แต่ขอให้แยกสลากเป็นคนละใบ เพราะหากใช้ใบเดียวแทน 5 ใบ หรือ 10 ใบ ผู้ค้าสลากจะไม่สามารถแยกขายใบเดี่ยว 2 ใบ หรือ 3 ใบได้ และต้องการให้จัดสรรสลากรวมชุดให้กับผู้ค้ารายย่อย เพราะกระบวนการรวมชุดในปัจจุบันผู้ค้าสลากจะต้องนำสลากใบเดี่ยวไปแลกเป็นสลากชุด ทำให้มีต้นทุนเพิ่มขึ้น 10 บาทต่อใบ ส่งผลให้ต้องขายสลากในราคาแพงขึ้น ยืนยันว่า หากจัดสรรให้ผู้ค้ารายย่อย ราคาสลากจะขยับลงมาที่ 80 บาทต่อใบแน่นอน
เช่นเดียวกับนายประสาน น้อมจันทึก ผู้แทนกลุ่มสลาก 5 ภาค กล่าวว่า ถึงเวลาแล้วต้องมีการทำสลากรวมชุด เพราะที่ผ่านมากว่า 23 ปี ที่มีการขายสลากเกินราคา โดยเสนอให้มีการจัดทำสลากรวมชุดแบบสลากใบเดียว แต่ราคาต่างกัน ราคาใบละ 80 บาท 240 บาทและ 400 บาท โดยต้องการให้กระจายสลาก เข้าถึงผู้บริโภคและผู้ค้ารายย่อยตัวจริงมากที่สุด ขณะเดียวกัน อยากให้สำนักงานสลากลดราคาสลากลง จากปัจจุบันจำหน่ายในราคาใบละ 68.80-70.40 บาท แต่เมื่อมาถึงยี่ปั๊วจะบวกราคาเพิ่มและขายต่อราคาใบละ 85-88 บาท ส่งผลให้ผู้ค้ารายย่อยต้องขายสูงราคาใบละ 100-120 บาท
อย่างไรก็ตาม นายธนากร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน กลับไม่เห็นด้วยที่จะให้สำนักงานสลากฯจัดทำสลากรวมชุด เพราะเชื่อว่าจะแก้ปัญหาสลากราคาแพงไม่ได้ เนื่องจากสภาพตลาด ปัญหาในปัจจุบันคนที่ได้รับโควตาไม่ขายเอง และยังมีการขายผ่านคนกลาง ขณะที่คนขายตัวจริงไม่ได้สลากแต่ต้องไปซื้อสลากต่อ เพราะถ้าระบบสลากยังเป็นแบบนี้ สลากจะยังมีราคาแพงอยู่ต่อไป แนะนำว่าสำนักงานสลากควรจ้างทีมวิชาการสำรวจ “ผู้ค้าสลากตัวจริง” ว่าเป็นใครและควรให้สิทธิค้าสลากกับผู้อยู่ในภาวะยากลำบาก ทั้งผู้พิการ ผู้สูงอายุ และผู้มีรายได้น้อยก่อนผู้ค้าทั่วไป
นายธนากรกล่าวอีกว่า การจัดสลากรวมชุดถือเป็นการที่รัฐบาลส่งเสริมการซื้อสลากแบบทวีคูณ อาจจะเป็นการมอมเมาประชาชนให้เล่นการพนันมากขึ้น จากปัจจุบันมีผู้ซื้อสลากประมาณ 21 ล้านคน เฉลี่ย 3-4 ใบ ถ้ามีการรวมชุดสลาก ประชาชนอาจจะนำเงินมาซื้อสลากมากกว่าเดิม พร้อมแนะควรร่วมกันพัฒนากองทุนสลากกินแบ่งรัฐบาลเพื่อสังคมให้เป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างพลังความร่วมมือของภาคีทุกภาคส่วนในสังคม