
นายเยี่ยม ถาวโรฤทธิ์ รักษาการผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เปิดเผยว่า ในวันที่ 4 พ.ค.นี้ จะเชิญกระทรวงพาณิชย์ และกรมส่งเสริมสหกรณ์ เข้าร่วมหารือแนวทางจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทร่วมค้ากับเกษตรกรชาวสวนยาง เป็นบริษัทนิติบุคคล เพื่อดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 1 เดือน สำหรับบริษัทนี้จะรวบรวมยางเพื่อนำไปแปรรูปแบ่งเป็น 3 ชนิด ได้แก่ ยางแผ่นรมควัน ยางแท่ง และยางคอมปาวด์ เพื่อนำไปจำหน่ายให้กับผู้ค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดย กยท.จะทำตัวเป็นตัวแทนด้านการตลาด เพื่อหาลูกค้าให้โดยราคาจะอิงกับต้นทุนการผลิตของเกษตรกร ไม่อิงกับราคาตลาดล่วงหน้า ชาวสวนยางก็จะไม่มีความเสี่ยงเรื่องราคา อย่างไรก็ตาม หลังจากตกลงกันได้จะต้องทำสัญญากับผู้ซื้อ เพื่อนำเงินรายได้มาจัดสรรให้กับสมาชิกที่ส่งยางไปขาย ซึ่งหลังจากจดทะเบียนตั้งบริษัทจะหารือกับทางอาลีบาบา และทำแพลตฟอร์มให้ซื้อขายยางพาราผ่านระบบออนไลน์ด้วย
นอกจากนี้ จะหาลูกค้าและหาตลาดใหม่ โดยมีเป้าหมาย คือ บริษัทผลิตล้อรถรถยนต์ทุกประเภท ทั้งในและต่างประเทศ การนำยางไปแลกเปลี่ยนสินค้าที่ไทยต้องการ หรือทำการค้าระหว่างรัฐต่อรัฐ รวมไปถึงเรื่องของการตั้งหน่วยงานตัวแทนขายในต่างประเทศ โดยอาจต้องนำร่องที่ประเทศจีน เนื่องจากประเทศจีนยังผลิตยางได้ไม่เพียงพอกับความต้องการ และต้องสั่งซื้อยางเพิ่มทุกปีกว่า 4.5 ล้านตัน
“เชื่อว่าจากนี้จะไม่มีการแทรกแซงราคาอีกต่อไป เพราะไม่ได้ผล และวิธีการดำเนินธุรกิจแบบการตลาดนำการผลิต จะทำให้ราคายางพาราจะไม่ต่ำกว่าราคาต้นทุนแน่นอน”.