“บุพเพสันนิวาส” ดังไปทั่วแดนสยาม กับบทการลงโทษ "ขุนเหล็ก" รับสินบนอย่างเด็ดขาด ที่ผู้นำปัจจุบันควรนำไปใช้จัดการกับคอร์รัปชัน ไม่ยกเว้นเหตุจูงใจให้ร่วมโกงอย่าง "ฟอลคอน" 

ฉากที่ขุนหลวง หรือพระนารายณ์ ทรงถามย้ำเจ้าพระยาโกษาธิบดี (เหล็ก) หรือขุนเหล็ก ว่า “มึงรับเงินสินบนมาจากพวกที่ไม่อยากให้สร้างป้อมหรือไม่” และขุนเหล็กตอบว่า “ข้าพระพุทธเจ้าหาได้รับเงินสินบนจากผู้ใดไม่”

เมื่อถามครั้งที่ 3 ขุนเหล็กยังปฏิเสธ และการลงโทษก็เกิดขึ้น แม้พระนารายณ์ต้องเจ็บปวด เพราะความสนิทสนมชนิดตายแทนกันได้ก็ตาม อย่างที่บทพูดในละครได้กลั่นออกมาอย่างลึกซึ้งและร่วมสมัยยิ่งนัก

“มึงเป็นเพื่อน เป็นพี่เป็นน้อง กูร่วมดื่มน้ำนมจากถันของแม่ของมึง เราเรียนหนังสือมาด้วยกัน กินมาด้วยกัน เที่ยวเล่นมาด้วยกัน ร่วมรบมาด้วยกัน ทำงานมาด้วยกัน กูรักมึงประดุจพี่ชายร่วมอุทร ประหนึ่งน้องชายร่วมสายโลหิต มึงรู้ใช่หรือไม่” นี่คือหลายประโยคที่ขุนหลวง ค่อยๆ พูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นกับขุนเหล็ก ที่นั่งอยู่เบื้องล่างในท้องพระโรง

ขุนเหล็กตอบว่า “ทราบด้วยเกล้าพระเจ้าข้า” แล้วหลบตา

...

พระนารายณ์ น้ำตาคลอตอบกลับด้วยเสียงสั่นเครือว่า “ดีแล้ว งั้นมึงจงรู้ไว้ มันจะเป็นดังนั้นตลอดไป”

จากนั้นขุนเหล็กก็กลับเรือน แต่วันต่อมาก็ถูกคุมตัวมาลงโทษด้วยการเฆี่ยน 60 ที และไม่นานก็เสียชีวิต

นี่คือกรณีศึกษาการจัดการกับการคอร์รัปชันจากละครอิงประวัติศาสตร์ที่ ศาสตราจารย์พิเศษ วิชา มหาคุณ อดีตคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ได้ติดตามดู และให้ความเห็นว่า ทุกคนควรศึกษา โดยเฉพาะผู้นำองค์กร และผู้นำประเทศต้องดูเป็นตัวอย่าง เป็นตัวอย่างของสุดยอดผู้นำจากกรณีนี้ ที่แยกแยะความสนิทสนมส่วนตัว กล้าตัดสินใจจัดการเรื่องการคอร์รัปชัน

“ละครอิงประวัติศาสตร์ในตอนนี้ สะท้อนให้เห็นว่าสมเด็จพระนารายณ์มหาราช รวมถึงพระมหากษัตริย์ของไทยทรงมีความทันสมัย ความเฉียบแหลม และไม่ปล่อยให้มีความทับซ้อนของผลประโยชน์ในหมู่ข้าราชการ และคนรอบข้างเกิดขึ้นอย่างชัดเจน”

ดร.มานะ นิมิตรมงคล เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น (ประเทศไทย) ให้ความเห็นด้วยว่า แต่สิ่งที่เหมือนกันคือคนที่ทำงานให้ประชาชน ต้องโปร่งใส ไม่มีอะไรให้เคลือบแคลงสงสัย เพราะไม่เช่นนั้นก็จะเกิดความเสียหาย ที่ไม่เพียงเสียหายกับตัวเอง แต่ยังเสียการเสียงาน เสียชื่อเสียง และคนรอบข้างก็เสียหายไปด้วย

หากเปรียบเทียบละครกับสถานการณ์ปัจจุบัน เมื่อประชาชนคือเจ้านาย และสงสัยพฤติกรรมของข้าราชการ หรือนักการเมือง เช่น ทรัพย์สินที่ได้มานั้นได้มาอย่างไร เมื่อถูกถามก็ต้องแจ้งที่มาที่ไป ต้องอธิบายได้

การเกิดคอร์รัปชันทั้งในอดีตและปัจจุบัน อย่างที่ละครนำเสนอส่วนหนึ่ง ถือว่าสะท้อนความเป็นจริง คือเมื่อใครจะทุจริตก็มักหาเหตุผลเข้าข้างตัวเอง อย่างเช่น สินบนที่ละครเล่าเรื่องว่าขุนเหล็กรับ และภรรยาของขุนเหล็กบอกว่าสิ่งที่รับคือสินน้ำใจ ไม่ใช่สินบน นั่นคือสิ่งที่เป็นเหตุผลที่ทำให้หลายคนข้ามเส้นบางๆ จนไปสู่การคอร์รัปชันในที่สุด

“หากเปรียบเทียบกับยุคปัจจุบัน มีหลายกรณี ที่ผู้นำไม่ได้จัดการ ที่ต่อไปน่ากลัวว่าสังคมจะวิกฤติเพราะมีอภิสิทธิ์ชน ที่มีอำนาจ ร่ำรวย มีเส้นสาย สามารถเอารัดเอาเปรียบสังคม เพราะทำผิดแล้วไม่ถูกลงโทษ วิกฤติที่เกิดขึ้นคือสังคมจะมีความขัดแย้งสูง เพราะคนยุคใหม่จะไม่ยอมอะไรง่ายๆ แล้ว”

เหตุการณ์ในละครที่เน้นย้ำถึงความเป็นอภิสิทธิ์ชน คือคนมีอำนาจกล้าทำผิด เพราะคนใกล้ชิดสนับสนุน ด้วยความมั่นใจในเส้นสาย เป็นที่ไว้วางใจของพระนารายณ์ แต่สุดท้ายพระนารายณ์ตัดสินอย่างเด็ดขาดให้ลงโทษ โดยไม่เห็นแก่ความสนิทสนม

นอกจากนี้การมีส่วนร่วมคอร์รัปชัน ตามบทของ คอนสแตนติน ฟอลคอน หรือเจ้าพระยาวิชาเยนทร์ นั้นไม่ว่าจะเป็นเพราะมีเหตุผลหรือปมในชีวิต ก็ไม่ใช่เหตุผลที่ต้องคอร์รัปชัน เพราะคนเราต้องยึดถือความซื่อสัตย์เป็นหลักในชีวิต

“สิ่งที่ทุกคนต้องยึดถือ คือเรื่องความซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมา อย่างไม่มีข้ออ้าง คนเราในทางหลักการ คนทุกคนต้องยึดมั่นในความซื่อสัตย์ ความถูกต้อง ถ้าไม่ยึดหลักนี้ ก็จะสร้างความเสียหาย หากมีผลประโยชน์ล่อตาล่อใจ สิ่งดีที่สุดคือไม่เปิดโอกาสให้สิ่งเหล่านั้นเข้ามา ทำทุกอย่างให้สว่างโปร่งใส และตรวจสอบได้”.

ขอบคุณภาพ : เมลโล่