Mercedes Benz New CLS Coupé 2018 รถสปอร์ตซาลูนเจนเนอเรชั่นที่สามของ Mercedes Benz มาพร้อมกับเรือนร่างใหม่ที่สร้างแรงดึงดูดด้วยการรักษาจุดเด่นอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของโมเดล หลังจากทำยอดขายทั่วโลกกว่า 375,000 คัน นับจากการเปิดตัว CLS เจนเนอเรชั่นแรกในปี 2004 การกำหนดรูปแบบใหม่ของตัวถังและโครงสร้างเพื่อความทันสมัยของรถ CLS รุ่นใหม่ในเจนเนอเรชั่นที่ 3 ประจำปี 2018 ยังคงเอกลักษณ์เดิมเอาไว้อย่างครบถ้วนกระบวนความ New CLS มาถึงเมืองบาร์เซโลนาด้วยสัดส่วนของตัวถังที่โค้งมนเหมือนกับบรรพบุรุษของมันทุกประการ New CLS Coupé 2018 มาพร้อมกับเส้นโค้งรอบคันโดยเฉพาะฝากระโปรง แนวหลังคาและฝาท้าย ด้านข้างของตัวรถลื่นไหลพร้อมบานประตูแบบสปอร์ตที่ไม่มีการติดตั้งกรอบกระจก เป็นการแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจในการออกแบบ โครงสร้างหลักของ New CLS Coupé เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของวิวัฒนาการเชิงตรรกะ จากแนวคิดของการออกแบบ Sensual Purity

...

รูปลักษณ์และมิติตัวถัง
Mercedes Benz New CLS Coupé มีขนาดสูสีกับ Mercedes Benz New E-Class แต่ใช้รูปลักษณ์ที่ปราดเปรียวเพรียวลมเพื่อกลุ่มลูกค้าระดับบนที่ชอบรถสปอร์ต 4 ประตู New CLS Coupé มีขนาดความยาวของตัวถัง 4,988 มิลลิเมตร ขนาดความกว้างเพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ 1,890 มิลลิเมตร สูง 1,422 – 1,435 มิลลิเมตร (แล้วแต่รุ่น) ระยะฐานล้อ วัดจากดุมหน้าไปหลัง 2,939 มิลลิเมตร เปรียบเทียบกับ CLS รุ่นเดิมโฉมปัจจุบันที่มีความยาว 4,937 มิลลิเมตร กว้าง 1,881 มิลลิเมตร สูง 1,418 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,874 มิลลิเมตร จะเห็นว่า Mercedes Benz New CLS Coupé 2018 รุ่นใหม่นี้ ยาวขึ้น 55 มิลลิเมตร กว้างขึ้นเล็กน้อยที่ 9 มิลลิเมตร รวมถึงความสูงก็ยังมากขึ้นอีกนิด ฐานล้อยาวขึ้น 65 มิลลิเมตร โอเวอร์แฮงค์ที่มีการออกแบบให้สั้นกระชับมีส่วนทำให้เกิดความคล่องตัวเมื่อเลี้ยวกลับลำหรือจอด

...

...

...

อุปกรณ์มาตรฐาน
อุปกรณ์มาตรฐานจากโรงงานของ Mercedes Benz New CLS Coupé ไฟหน้าแบบ LED ประสิทธิภาพที่ควบรวมเทคโนโลยีของระบบส่องสว่างแบบใหม่ ไฟหน้าสามารถปรับตัวเองแบบอัตโนมัติเพื่อไม่ทำให้แสงไฟไปรบกวนรถคันอื่น ชุดไฟหน้า Multibeam LED พร้อมฟังก์ชันระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Adaptive Highbeam Assist)  ปรับไฟหน้าตามการหักเลี้ยวของพวงมาลัย ALS (Active Light System) รูปทรงไฟหน้าแบบใหม่มีความคล้ายกับ maserati ออกแบบให้ไฟหน้ามีเหลี่ยมมุมสอดรับกับเส้นสายบริเวณกระจังหน้า ฝากระโปรงและแก้มข้างเพื่อความกลมกลืน ด้านข้างตัวตัวไหลลื่น กรอบประตูทั้ง 4 บานเดินเส้นอัลลอยสีเงิน กระจกมองข้างแบบสปอร์ตพร้อมหลอดไฟเลี้ยว LED มือจับที่เปิดประตูสีเงินยวงสวยงาม ไฟท้ายมีรูปทรงคล้ายกับ Audi บางรุ่น ใช้หลอดไฟท้ายแบบ LED พร้อมเทคโนโลยี Fibre Optic 

อุปกรณ์มาตรฐานของ New CLS Coupé เริ่มจากล้ออัลลอยขอบ 18 นิ้ว (เข้าไทยน่าจะเป็นล้อ 19 นิ้ว) ระบบรักษาช่องทาง Lane Keeping Assist ระบบรักษาและปรับความเร็วอัตโนมัติ Speed Limit Assist จอภาพมาตรวัดและจอภาพของระบบแสดงผลมัลติมีเดียขนาดความยาว 12.3 นิ้ว Ambience lighting ไฟ LED 64 เฉดสีสร้างบรรยากาศตามใจคนขับในห้องโดยสาร ปรุงแต่งบรรยากาศการขับขี่ตอนกลางคืนด้วยหลอด LED ที่เปลี่ยนสีได้ตามการปรับตั้ง ช่องระบายความร้อน พร้อมโมดูลสื่อสารและเชื่อมต่อ communication module with LTE / Mercedes me connect services

งานตกแต่งภายใน
ภายในของ New CLS Coupé มีการตกแต่งที่เน้นความหรูหราคล้ายกับภายในของ E-Class Coupé วัสดุและโทนสีภายในของ New CLS Coupé สร้างบรรยากาศให้มีความน่าขับ สะท้อนรูปทรงที่ไหลลื่นของภายนอก สำหรับการแสดงผลโดยรวมที่สง่างาม การออกแบบจะทำให้ความก้าวหน้าเหมือนคลื่นจากด้านหน้าไปที่ประตูด้านหลังและเปิดออกที่เสา B ในฐานะที่เป็นจุดเด่นใหม่ของบรรยากาศแสงสว่างช่องระบายอากาศที่เรืองแสงจะชวนให้นึกถึงกังหันของเครื่องบินเจ็ต เป็นครั้งแรกของสปอร์ตซาลูน CLS Coupé ที่กลายเป็นรถห้าที่นั่ง เมื่อต้องการขนสัมภาระเบาะหลังถูกออกแบบให้สามารถพับเก็บในรูปแบบ 40:20:40 เพื่อเพิ่มช่องเก็บสัมภาระขนาด 520 ลิตร

โหมดการขับเคลื่อน
โปรแกรมการขับขี่ Dynamic Select  มีให้เลือกใช้งาน 5 โหมด 

1-ECO
โหมดต่ำสุดเน้นการขับขี่แบบค่อยเป็นค่อยไปที่ช่วยให้ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง โดยลดการตอบสนองของคันเร่งไฟฟ้า ควบคุมอุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศภายในห้องโดยสารไม่เกิน 25 องศาเซลเซียส รวมถึงระบบส่งกำลังจะดันอัตราทดขึ้นสู่เกียร์สูงเมื่อขับด้วยความเร็วคงที่เพื่อลดรอบเครื่องยนต์ทำให้ประหยัดเชื้อเพลิง

2-COMFORT
โหมดมาตรฐานเมื่อสตาร์ตเครื่องยนต์ทุกครั้งเจ้า CLS จะเข้าสู่โหมดนี้ COMFORT ออกแบบมาเพื่อการควบคุมและการตอบสนองด้วยค่าที่เป็นกลาง ใช้ขับทั้งในและนอกเมืองได้ดี คันเร่งไวกว่าโหมด ECO แต่ยังเน้นความประหยัด ชีวิตประจำวัน คันเร่งจะหน่วงลดลงจาก ECO แต่ไม่ไวเท่า Sport

3-SPORT พวงมาลัยตั้งรับการขับที่เร็วขึ้นด้วยน้ำหนักที่ค่อนข้างกระชับรัดกุม คันเร่งไฟฟ้าตอบสนองได้เร็วขึ้น เกียร์ 9G-Tronic คาอยู่เกียร์ 3-4-5 เพื่อเรียกแรงบิดนานเป็นพิเศษ 

4-SPORT+ คันเร่งไฟฟ้ายังคงตอบสนองได้เร็วเหมือนกับ Sport Mode เกียร์คาให้ลากรอบในตำแหน่งเกียร์ 3-4-5 หรือชิฟเกียร์ลงเองอย่างเร็วเมื่อใช้เบรกหนักๆ บางจังหวะเกียร์เชนลงต่ำให้ถึง 2 เกียร์ ระบบรองรับโดยเฉพาะโช้คไฟฟ้าปรับตัวเองให้ทำงานช้าลงหรือหนืดขึ้นเพื่อรองรับการขับด้วยความเร็วสูง 

5-INDIVIDUAL ผู้ขับสามารถเลือกปรับการทำงานของพวงมาลัย เครื่องยนต์และระบบรองรับได้ตามต้องการ 

อากาศพลศาสตร์
อากาศพลศาสตร์มีความสำคัญต่อการเคลื่อนที่และประสิทธิภาพของอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง Mercedes Benz New CLS Coupé แม้ตัวถังจะมีขนาดใหญ่แต่แอร์โรไดนามิกที่ดีจากการออกแบบทำให้มีความลู่ลมสูง Mercedes Benz เป็นหนึ่งในผู้นำด้านการออกแบบตัวถังที่เชื่อมโยงกับอากาศพลศาสตร์ New CLS Coupé มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอากาศอยู่ที่ 0.26 (Cd 0.26) เป็นผลลัพธ์จากการปรับปรุงรายละเอียดของตัวรถในขั้นตอนของการพัฒนา โดยจำลองรูปทรงด้วยคอมพิวเตอร์และทดสอบในอุโมงค์ลม แพ็กเกจที่มอบความสะดวกสบายแบบ Acoustic Comfort ด้วยการเก็บเสียงที่ดีเยี่ยม  

เครื่องยนต์ใหม่ แรงและสะอาด!
ในปี 2025 รถใหม่ 25% จะเป็นรถไฟฟ้าเต็มรูปแบบ แต่ 3 ใน 4 ของรถยนต์ใหม่ทั่วโลกยังใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในซึ่งมีทั้งเครื่องยนต์เบนซินและดีเซลรุ่นใหม่ที่มีขนาดความจุลดลงแต่มีกำลังมหาศาล กินเชื้อเพลิงน้อยลงและปล่อยมลพิษต่ำกว่าเดิม ในยุคของการเปลี่ยนถ่าย Mercedes Benz นอกจากจะมีเครื่องยนต์หลากหลายขนาดรวมถึงเครื่องยนต์ไฮบริดรุ่นใหม่ แบรนด์ตราดาวยังคิดค้นเครื่องยนต์ 4 สูบดีเซล รวมถึงเครื่องยนต์ 6 สูบที่มีทั้งเบนซินและดีเซล เข้ามาแทนที่เครื่องยนต์แบบ V8 ที่หนักและกินเชื้อเพลิงแถมยังสกปรกจากตัวเลขการปล่อย CO2 ที่สูงเกินไป เครื่องยนต์รุ่นใหม่แบบ 4-6 สูบแถวเรียง ทั้งหมดถูกออกแบบให้ใช้ประโยชน์ร่วมกับระบบไฮบริดจิ๋วแบบใหม่โดยเฉพาะรุ่นเบนซิน 6 สูบที่มีแบตฯ ความจุมากถึง 48V ช่วยเสริมให้กำลังเพิ่มมากขึ้น กินเชื้อเพลิงน้อยลงและปล่อยมลพิษต่ำ 

เครื่องยนต์เบนซิน 4-6 กระบอกสูบแบบแถวเรียง รุ่นใหม่ล่าสุดของแบรนด์ตราดาว ใช้ไดสตาร์ตทำหน้าที่เป็นมอเตอร์สตาร์ตด้วย ISG มีกำลัง 16 กิโลวัตต์ กับแรงบิด 250 นิวตัน-เมตร โดยวางแทรกอยู่ในชุดเกียร์ 9G-Tronic คอยเสริมแรงและรับหน้าที่ส่งกำลังไฟฟ้าไปหมุนปั๊มน้ำกับคอมเพรสเซอร์แอร์ ทำให้ไม่มีความจำเป็นจะต้องใช้สายพานหน้าเครื่องยนต์อีกต่อไป ช่วยลดกำลังที่สูญเสียไปกับแรงเสียดทาน ช่วยทำให้เครื่องยนต์ 6 สูบเรียงมีขนาดที่สั้นลง เมื่อทำงานร่วมแกนกับ E-Compressor หรือที่ Mercedes เรียกว่า EQ Boost ช่วยลดอาการรอรอบหรือเทอร์โบแลคได้ดี เมื่อกดคันเร่งเต็มที่ แรงบิดสูงสุดจะมาเร็วมากใน 0.2 วินาที ตั้งแต่ยังไม่ถึง 2,000 รอบต่อนาทีแรงบิดก็เทออกมาจนเกือบหมดแล้ว

การป้องกันอาการเทอร์โบแลคนั้น Mercedes Benz ร่วมมือพัฒนากับค่าย Audi และ Bentley เพื่อปรับปรุงระบบ E-Compressor (EQ Boost ) ถูกใช้เพื่อลดอาการรอรอบในเครื่องยนต์เบนซิน โดยทำงานร่วมกับ ISG ตัว eZV ประกบอยู่กับเทอร์โบที่ต่อเข้ากับท่อไอเสีย มันสามารถเร่งรอบการทำงานได้ถึง 70,000 รอบต่อนาที ในเวลาเพียงแค่ 0.3 วินาที ช่วยเพิ่มบูสให้กับเครื่องยนต์ในย่าน 1,000-3,000 รอบต่อนาที โดยไม่มีข้อจำกัดในด้านของรอบเครื่องยนต์และโหลด  

Mercedes Benz New CLS Coupé รุ่นและอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง

Mercedes Benz New CLS 350 d 4MATIC
เครื่องยนต์ดีเซล รหัส OM656 แบบ 6 สูบ แถวเรียง DOHC 24 วาล์ว ปริมาตรความจุ 3.0 ลิตร 2,927 ซีซี. ความกว้างกระบอกสูบ 82.0 มิลลิเมตร ช่วงชัก 92.3 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 15.5:1 จ่ายเชื้อเพลิงด้วยระบบคอมมอนเรลไดเรคอินเจคชั่น ระบบอัดอากาศเทอร์โบกับชุดลดอุณหภูมิไอดีอินเตอร์คูลเลอร์ เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบแบบ 6 สูบเรียงรุ่นใหม่ล่าสุด วางตามยาวขับเคลื่อน 4 ล้อ ระบบส่งกำลังใช้เกียร์อัตโนมัติขับเคลื่อน 4 ล้อ 9G-Tronic เครื่องยนต์ดีเซลรุ่นใหม่มีกำลัง 210 กิโลวัตต์ หรือ 286 แรงม้า แรงบิด 600 นิวตัน-เมตร อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 5.7 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 5.6 ลิตรต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร อัตราการปล่อย CO2 148 กรัมต่อระยะทาง 1 กิโลเมตร 

Mercedes Benz New CLS 400 d 4MATIC 
เครื่องยนต์ดีเซล รหัส OM656 แบบ 6 สูบ แถวเรียง DOHC 24 วาล์ว ปริมาตรความจุ 3.0 ลิตร 2,927 ซีซี. ความกว้างกระบอกสูบ 82.0 มิลลิเมตร ช่วงชัก 92.3 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 15.5:1 จ่ายเชื้อเพลิงด้วยระบบคอมมอนเรลไดเรคอินเจคชั่น ระบบอัดอากาศเทอร์โบกับชุดลดอุณหภูมิไอดีอินเตอร์คูลเลอร์ เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบแบบ 6 สูบเรียงรุ่นใหม่ล่าสุด วางตามยาวขับเคลื่อน 4 ล้อ ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติขับเคลื่อน 4 ล้อ 9G-Tronic เครื่องยนต์ให้กำลัง 250 กิโลวัตต์ หรือ 340 แรงม้า แรงบิดจัดอย่างโหดมากถึง 700 นิวตัน-เมตร หรือ 71.3 กิโลกรัม/เมตร เร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 5.1 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 5.6 ลิตรต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร อัตราการปล่อย CO2 148 กรัมต่อระยะทาง 1 กิโลเมตร

Mercedes Benz New CLS 450 4MATIC
เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบแบบ 6 กระบอกสูบ กำลัง 270 กิโลวัตต์ บวก + 16 kW/367 hp + 22 hp ในระบบ EQ Boost อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 7.8 ลิตรต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร อัตราการปล่อย CO2 178 กรัมต่อระยะทาง 1 กิโลเมตร 

New CLS Coupé รุ่น 450 4MATIC ใช้ขุมกำลังใหม่ล่าสุดประจำปี 2018 เป็นเครื่องยนต์เบนซินแถวเรียงวางตามยาวขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ 6 กระบอกสูบรุ่นใหม่ที่เพิ่งจะถอยออกจากโรงงานประกอบเครื่องยนต์ของ Mercedes Benz พร้อมระบบ EQ Boost (ระบบสตาร์ตเครื่องยนต์ ระบบกำเนิดไฟฟ้าแบบรวม / เครื่องกำเนิดไฟฟ้า) ระบบไฟฟ้า 48V แบบใหม่เข้ามาเพิ่มความสามารถในการสตาร์ตเครื่องยนต์บนโปรแกรม Auto start/stop ทำงานได้ดีกว่าระบบไฟแบบเก่าด้วยแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนขนาด 48V เจ้า CLS Coupé รุ่น 450 4MATIC ใช้เครื่องเบนซินแถวเรียง 6 สูบ DOHC 24 วาล์ว ปริมาตรความจุ 3.0 ลิตร 2,999 ซีซี. ความกว้างกระบอกสูบ 83.0 มิลลิเมตร ช่วงชัก 92.4 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 10.5:1 เครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบรุ่นใหม่มีกำลัง 372 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 500 นิวตัน-เมตร หรือ 50.95 กิโลกรัม/เมตร ระบบส่งกำลังใช้เกียร์อัตโนมัติขับเคลื่อน 4 ล้อ 9G-Tronic With 4-MATIC ระบบ EQ Boost Starter Generator ฝังมอเตอร์ไฟฟ้าขนาดเล็กเอาไว้ในเกียร์พร้อมแบตฯลิเทียมไอออนขนาด 48V กำลัง 16 กิโลวัตต์ หรือ 22 แรงม้า สร้างแรงบิดสูงสุดในรูปแบบไฮบริดคอยเสริมแรงกับเครื่องยนต์ได้ 250 นิวตัน-เมตร หรือ 25.45  กิโลกรัม/เมตร แบตฯลิเทียมไอออนรุ่นใหม่ขนาด 48V เข้ามาแทนที่แบตฯ 12V แบบเก่า เพื่อช่วยในเรื่องของระบบ Auto Start/Stop หมดความกังวลเรื่องแบตฯ เสื่อมเร็วเกินไป แบตเตอรี่ประสิทธิภาพสูงยังใช้ป้อนไฟให้มอเตอร์ในเกียร์เพื่อเสริมการเร่งความเร็ว สำหรับตัวเลขอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เจ้า New CLS Coupé รุ่น 450 4MATIC ทำได้ที่ 4.8 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง เฉลี่ย 7.5 ลิตร ต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร ปล่อย CO2 178 กรัม ต่อระยะทาง 1 กิโลเมตร

Mercedes-AMG CLS 53 4MATIC Plus
เครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบเรียงเทอร์โบคู่ ฝาสูบแบบดับเบิ้ลโอเวอร์เฮดแคมชาร์ป DOHC 4 วาว์ลต่อสูบ = 24 วาล์ว ปริมาตรความจุ 3.0 ลิตร 2,999 ซีซี. ความกว้างกระบอกสูบ 83.0 มิลลิเมตร ช่วงชัก 92.4 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 10.5:1 กำลังสูงสุดมากถึง 435 แรงม้า ที่ 6,100 รอบต่อนาที (กำลังมากกว่าเครื่องยนต์ 6 สูบของ BMW M4 ประมาณ 5 แรงม้า) แรงบิดสูงสุด 520 นิวตัน-เมตร หรือ 52.98 กิโลกรัม/เมตร ในย่าน 1,800 – 5,800 รอบต่อนาที (น้อยกว่า BMW M4 ที่ทำได้ 550 นิวตัน-เมตร) ระบบ EQ Boost Assist ทำงานร่วมกับ EQ Boost Starter Generator กำลัง 16 กิโลวัตต์ หรือ 22 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตัน-เมตร หรือ 25.45 กิโลกรัม/เมตร แบตฯลิเทียมไอออนความจุ 48V เสริมอัตราเร่งด้วยการป้อนพลังงานไฟฟ้าที่ฝังอยู่ในเกียร์ AMG SPEEDSHIFT TCT 9G-Tronic ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AMG Performance 4MATIC Plus all-wheel drive ชุดกระจายแรงบิด fully variable torque distribution เครื่องยนต์เบนซินแถวเรียง 6 สูบ ทวินเทอร์โบหรือเทอร์โบคู่พร้อมชุดลดอุณหภูมิไอดีอินเตอร์คูลเลอร์ตัวนี้ สร้างกำลังได้มากถึง 320 กิโลวัตต์ หรือ 435 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 520 นิวตัน-เมตร สมรรถนะของ CLS53AMG เร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 4.5 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงรวม 8.7 ลิตร ต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร อัตราการปล่อย CO2 200 กรัม ต่อระยะทาง 1 กิโลเมตร CLS 53 4MATIC + ผสมผสานการออกแบบที่เน้นบรรยากาศของรถสปอร์ตกับไดนามิกของการควบคุมบนแนวทางการปรุงแต่งจากสำนัก AMG จุดเด่นของเครื่องยนต์เบนซินแบบใหม่ขนาด 3.0 ลิตร คือ ระบบเทอร์โบชาร์จเจอร์และคอมเพรสเซอร์ไฟฟ้า EQ Boost Assist

EQ Boost starter-alternator
เครื่องกำเนิดไฟฟ้ากระแสสลับ EQ Boost เป็นส่วนประกอบสำคัญของระบบไฟ 48 โวลต์ ทำหน้าที่เป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้ากระแสสลับรวมถึงการผสมผสานแรงบิดด้วยการทำงานของระบบไฮบริด ฟังก์ชันไฮบริดเพิ่มกำลัง 16 กิโลวัตต์พร้อมแรงบิด 250 นิวตัน-เมตร EQ Boost starter-alternator ทำให้แบตเตอรี่รุ่นเก่าที่มีกำลังไฟแค่ 12V กลายเป็นของโบราณ ช่วยทำให้เครื่องยนต์หกสูบรุ่นใหม่มีขนาดที่เล็กลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับเครื่องยนต์หกสูบรุ่นเก่า ระบบบำบัดก๊าซไอเสียติดตั้งอยู่ใกล้เครื่องยนต์มีประสิทธิภาพสูงโดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวกรองอนุภาคแบบใหม่ที่ทำให้ค่าการปล่อย CO2 ลดลง

Thierack Hans-Jochen
Inline Gasoline Engine Mercedes Benz The New CLS 2018
ด้วยความเป็นวิศวกรเครื่องกลของแบรนด์ตราดาว จึงพูดน้อยแต่ต่อยหนักด้วยผลงาน แอ็กท่าถ่ายภาพไม่เก่งกาจเท่าพวกดีไซเนอร์แต่งานที่พี่เค้าทำนั้นช่วยยืดอายุเครื่องยนต์สันดาปภายในที่ผมเสพติดมานาน

Mercedes Benz ทำอย่างไรให้เครื่องเบนซินและดีเซลของ New CLS สะอาดปล่อยมลพิษต่ำ?

วิศวกรของ Mercedes Benz ลงมือลงแรงแก้ปัญหาเดิมๆ ของเครื่องยนต์เบนซินและดีเซลที่ชอบทำตัวสกปรกโสโครกจนได้เครื่องยนต์สันดาปภายในขนาด 4-6 สูบเรียงที่สะอาดขึ้นมากแถมยังปล่อยมลพิษต่ำกว่าเกณฑ์รวมถึงอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงก็ดีขึ้นผิดหูผิดตา วิธีการดังกล่าวอาศัยการผสมผสานกันของหลายระบบที่มีอยู่แล้วโดยปรับให้ดีขึ้นไปอีกระดับ ระบบจ่ายเชื้อเพลิงแบบคอมมอนเรลไดเรคอินเจคชั่น หัวฉีดแรงดันสูง 2500 บาร์ ร่วมกับระบบวาล์วแปรผันที่สามารถสั่งให้หัวฉีดทำการฉีดจ่ายเชื้อเพลิงได้หลายๆ ครั้งต่อการทำงานของเครื่องยนต์ในแต่ละรอบ โดยมีความแม่นยำสูงสุดจากการคำนวณของคอมพิวเตอร์ที่โปรแกรมการทำงานใหม่หมด พร้อมๆ กับการฉีดเชื้อเพลิงอีกนิดหลังจากการเผาไหม้ เพื่อเร่งให้ตัวกรองอนุภาคไอเสียถึงระดับของอุณหภูมิที่จะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ วิธีการนี้มีความสำคัญต่อการลดมลพิษเนื่องจากตัวกรองอนุภาคไอเสียจะเริ่มแปรสภาพ NOx ได้ดีที่สุดเมื่ออุณหภูมิมีความเหมาะสม!

ขั้นตอนต่อมาก็คือระบบไฮบริด 48V บนพื้นฐานของมอเตอร์สตาร์ตที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าแทนการต่อเชื่อมกับสายพานหน้าเครื่องยนต์ ระบบไฮบริดขนาดจิ๋วที่ประจำการในเครื่องยนต์เบนซินสูบเรียงแบบ 6 กระบอกสูบ ใน CLS450 และ CLS53 AMG มอเตอร์ไฟฟ้าไม่เพียงแค่นำพลังงานจากการเบรกมาแปลงเป็นกระแสไฟฟ้าเพื่อชาร์จกลับไปยังแบตฯ ลิเทียมขนาด 48V เท่านั้น มันยังช่วยเพิ่มแรงบิดสำหรับการเร่งความเร็วในช่วงสั้นๆ เป็นการลดมลพิษจำนวนมาก จากเครื่องยนต์ที่จะพุ่งออกมาอย่างท่วมท้นทันทีที่ผู้ขับกดคันเร่งจนสุดเพื่อเร่งความเร็ว ระบบไฟ 48V ช่วยลดก๊าซพิษต่างๆ ในขณะเดียวกัน ค่า CO2 และตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองก็ยังลดลงตามไปอีกด้วย

การใช้เครื่องกรองอนุภาคไอเสียแบบเร่งอุณหภูมิด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งจะทำหน้าที่ไปเร่งระบบกรองไอเสียให้ถึงอุณหภูมิการทำงานอย่างรวดเร็วในระหว่าง 250-400 องศาเซลเซียส ได้ภายในเวลา 30-40 วินาที ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิภายนอก ทำให้การแปรสภาพ NOx ทำได้รวดเร็วยิ่งขึ้น มันช่วยควบคุมอุณหภูมิของตัวกรองอนุภาคไอเสียให้มีความคงที่แม้สภาพการจราจรจะคับคั่งติดขัด ปกติมักจะทำให้อุณหภูมิของตัวกรองอนุภาคเย็นลง ในขณะที่กำลังแรงบิดส่วนหนึ่งของเครื่องยนต์เบนซิน 6 กระบอกสูบใน CLS450 และ CLS53 AMG ได้มาจากแบตฯลิเทียมไอออน จึงไม่มีการสูญเสียหรือดึงพลังงานโดยไม่จำเป็นเหมือนระบบไฟ 12V แบบเก่า ไม่มีผลต่ออัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง มอเตอร์ไฟฟ้าของระบบไฮบริดจิ๋วที่ฝังในชุดเกียร์จะปลดปล่อยแรงบิด 250 นิวตันเมตร ประสานกับแรงบิดจากเครื่องยนต์ 500 นิวตันเมตร ดึงกระจายวายป่วงกันเลยทีเดียว

สำหรับเครื่องยนต์ดีเซล สาร AbBlue จะถูกฉีดเข้าไปในเครื่องกรองอนุภาคไอเสียที่ร้อนได้ที่แล้ว การออกแบบตำแหน่งที่ตั้งของมันทำให้ไม่มีความจำเป็นต้องมีตัวมิกเซอร์ที่ติดตั้งแยกต่างหากให้รกรุงรัง เครื่องกรองอนุภาคไอเสียแบบเร่งอุณหภูมิได้นี้ช่วยลด NOx ลงจนแทบจะมีค่ามลพิษเท่ากันหรือเหนือกว่าเครื่องยนต์เบนซินที่มีความจุเท่ากันอีกด้วย!

New CLS Coupé ติดตั้งระบบช่วยเหลือการขับขี่แบบใหม่ซึ่งเป็นออปชั่นเสริม พร้อมฟังก์ชันเพิ่มเติมแบบใหม่ล่าสุด ชุดโปรแกรมช่วยขับขี่ใน CLS ใหม่ มาพร้อมกับระบบช่วยเหลือในการขับขี่รุ่นล่าสุดพร้อมด้วยระบบปฏิบัติการสนับสนุนเส้นทางสำหรับคนขับ การควบคุมระยะห่างของระบบ DISTRONIC รวมถึงพวงมาลัยแบบ Active Steering Assist ระบบใหม่นี้ทำให้การขับมีความสะดวกสบายและปลอดภัยมากขึ้น เพื่อทิ้งระยะห่างที่ปลอดภัย ความเร็วจะถูกปรับโดยอัตโนมัติเพื่อทำให้มีความเหมาะสมและปลอดภัยก่อนเข้าโค้งหรือขับเข้าสู่ทางแยกหรือวงเวียน

ระบบส่งกำลังของ New CLS Coupé ทุกรุ่นใช้เกียร์อัตโนมัติขับเคลื่อน 4 ล้อ 9G-Tronic With 4-MATIC พร้อมแป้นเปลี่ยนเกียร์ Paddle Shift ส่วนตัวเลขอัตราทดเกียร์ มีดังต่อไปนี้

เกียร์ 1-5.35
เกียร์ 2-3.24
เกียร์ 3-2.25
เกียร์ 4-1.64
เกียร์ 5-1.21
เกียร์ 6-1.00
เกียร์ 7-0.86
เกียร์ 8-0.72
เกียร์ 9-0.60
เกียร์ถอยหลัง (R) 4.80

บาร์เซโลนา เมืองท่องเที่ยวชายทะเลในประเทศสเปนกลายเป็นสถานที่ที่ Mercedes Benz ใช้ทดสอบรถยนต์รุ่นใหม่บ่อยครั้ง ถนนที่คับแคบและอันตรายรอบๆ เมืองบาร์เซโลนาทำให้คนที่ไม่คุ้นชินต้องเผชิญกับความยากลำบากในการควบคุมรถ โดยเฉพาะเส้นทางที่ตัดผ่านภูเขาสูงชันซึ่งต้องวิ่งผ่านถนนที่ค่อนข้างจะแคบกว่าทุกแห่งในยุโรป ผมอยู่ใน Mercedes Benz New CLS400d 4MATIC รถสปอร์ตซาลูนเครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบเรียงเทอร์โบรุ่นใหม่ล่าสุดของค่ายตราดาว เส้นทางทดสอบ New CLS วันแรกจากสนามบินในเมืองบาร์เซโลนามุ่งไปยัง El Serrat del Figaro มีระยะทางประมาณ 136 กิโลเมตร ตัดผ่านเมืองด้วยไฮเวย์ 6 ช่องจราจรแล้ววกออกไปขับทดสอบบนภูเขา el Montcau ก่อนจะวกกลับโรงแรมที่พักด้วยรถ Mercedes Benz New CLS53 AMG 4MATIC 

ในช่วงที่ Mercedes Benz จัดทดสอบ New CLS ให้กับสื่อมวลชนทั่วโลกนั้นอากาศค่อนข้างวิปริตแปรปรวน ในยุโรปบางประเทศที่อยู่ด้านบนนั้นหนาวจัดและมีอุณหภูมิติดลบถึง 37 องศาเซลเซียส อากาศหนาวเย็นยะเยือกเข้าถล่มหลายพื้นที่ในทวีปยุโรป กระแสลมเย็นจัดจากรัสเซียหอบเอาปุยหิมะมาโปรยปรายในเขตที่มีหิมะตกไม่บ่อยอย่างประเทศสเปน โดยเฉพาะเมืองตากอากาศอย่างบาร์เซโลนานั้นพอขับออกนอกเมืองแค่ 30 กิโลเมตรโดยขับขึ้นไปบนภูเขาคุณก็จะพบกับหิมะหนาๆ สีขาวโพลนปกคลุมอยู่ทั่วไปหมด New CLS400d พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ 4MATIC รุ่นที่ผมกำลังทดสอบวางเครื่องยนต์ดีเซล 6 กระบอกสูบพร้อมชุดอัดอากาศเทอร์โบประสิทธิภาพสูง เป็นเครื่องยนต์รุ่นใหม่ที่เพิ่งจะเปิดตัวไปเมื่อช่วงปลายปีในงาน IAA Frankfurt Motor Show 2017 เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว 

ห้องโดยสารของ New CLS ใช้ชิ้นส่วนพวกวัสดุและอุปกรณ์ตกแต่งหรูสุดขั้วคล้ายกับ Mercedes Benz New E-Coupe ไม่ว่าจะเป็นแดชบอร์ดคอนโซล จอภาพมาตรวัดและจอแสดงผลขนาดความยาว 12 นิ้วที่เชื่อมติดกันพร้อมความคมชัดในระดับสูงสุด รวมถึงเบาะนั่งคู่หน้าที่ให้ทั้งความกระชับรัดกุมและความนุ่มของหนังที่ใช้ห่อหุ้ม ช่องแอร์แบบใหม่ที่มีไฟเรืองแสงอยู่ภายใน ลายไม้โทนสีหวานๆ กับพวงมาลัยสามก้านหุ้มหนังแท้ที่มีหน้าตาเหมือนกับพวงมาลัยใน New S-Class แพลตฟอร์มที่ New CLS ใช้ร่วมกับ E-Class ไม่ได้ทำให้ห้องโดยสารใหญ่ขึ้นแต่ช่วยทำให้การจัดวางอุปกรณ์และงานตกแต่งรวมถึงพื้นที่ใช้สอยนั้นใกล้เคียงกันมาก แผงประตูกับชุดลำโพงคุณภาพสูง Mercedes Benz Burmester Sound System จัดเป็นห้องโดยสารที่อุดมไปด้วยความหรูหรามีระดับแต่ก็มีความคล้ายคลึงกับบรรพบุรุษอย่าง New E-Class และ New E-Coupe ซึ่งออกมาขายในตลาดรถของประเทศไทยก่อนหน้า New CLS ไม่นานนัก! 

New CLS400d วางเครื่องยนต์ดีเซล รหัส OM656 แบบ 6 สูบ แถวเรียง DOHC 24 วาล์ว ความจุ 3.0 ลิตร 2,927 ซีซี. จ่ายเชื้อเพลิงด้วยระบบคอมมอนเรลไดเรคอินเจคชั่น ระบบอัดอากาศเทอร์โบกับชุดลดอุณหภูมิไอดีอินเตอร์คูลเลอร์ เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบแบบ 6 สูบเรียงรุ่นใหม่ล่าสุด วางตามยาวขับเคลื่อน 4 ล้อ ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติขับเคลื่อน 4 ล้อ 9G-Tronic เครื่องยนต์ตัวใหม่ให้กำลังมหาศาลมากถึง 340 แรงม้า ส่วนแรงบิดหรือแรงฉุดลากนั้น Mercedes จัดอย่างโหดให้มามากถึง 700 นิวตัน-เมตร หรือ 71.3 กิโลกรัม/เมตร ทำให้ New CLS400d 4MATIC เร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 5.1 วินาที ความเร็วสูงสุดทะยานได้ถึง 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และปล่อย CO2 148 กรัมต่อระยะทาง 1 กิโลเมตร เป็นตัวเลขที่แสดงให้เห็นถึงสมรรถนะของมันได้เป็นอย่างดี 

หลังจากวิ่งเรื่อยๆ ด้วยความเร็ว 100-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงแค่แวบเดียวก็มาถึงทางแยกขึ้นหุบเขาที่แคบแถมยังมีรถหัวลากและรถโดยสารนักท่องเที่ยวแล่นสวนอย่างต่อเนื่องทำให้ผมไม่ค่อยจะแฮปปี้กับรถรุ่นใหม่ของแบรนด์ตราดาวเนื่องจากตำแหน่งนั่งขับทางด้านขวาที่คุ้นชินในไทยมาทั้งชีวิต พอมาขับทดสอบที่ยุโรปทุกครั้งก็จะต้องเจอกับตำแหน่งของการนั่งขับด้านซ้ายที่จะทำให้มีปัญหากับการกะระยะอย่างมาก สภาพรถราที่คับคั่งบนภูเขามีรถทั้งเล็กและใหญ่ยักษ์แล่นสวนตลอดเวลาด้วยความเร็วสูงทำให้ต้องใช้ความระวังมากกว่าปกติ ขนาดความกว้างของตัวถังที่ 1,890 มิลลิเมตร บนถนนชนบทเส้นเล็กๆ ที่ตัดผ่านหุบเขา el Montcau บางช่วงบางตอนที่รถหัวลากวิ่งสวนลงมานั้นสร้างความเสียวสยองไปตลอดทาง New CLS400d มีพวงมาลัยที่แม่นยำ ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ 4MATIC แสดงให้เห็นถึงความมั่นคงเมื่อมันถ่ายเทแรงบิดลงไปบนล้อขับเคลื่อนแม้ผิวถนนจะเย็นจนทำให้อุณหภูมิของยางอยู่ในเกณฑ์ที่ทำงานได้ไม่ดีเท่าที่ควร อุณหภูมิภายนอกแค่ 8 องศาพร้อมปุยหิมะที่โปรยปรายลงมาส่งผลทำให้ยางเย็นเกินไปจนต้องระวังไม่ทำอะไรโง่ๆ ออกมาจนรถเสียอาการ 

เครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบเรียงและเกียร์รุ่นใหม่ที่ประจำการอยู่ใน New CLS400d นั้นเหนือชั้นกว่าเครื่องยนต์รุ่นเก่าแบบเทียบกันไม่ติด แรงบิด 700 นิวตัน-เมตร โผล่ออกมาอย่างรวดเร็วจนบางครั้งถึงกับล้น แรงบิดมหาศาลไม่เหมาะกับทางคับแคบแบบนี้ยิ่งทำให้ต้องเพิ่มความระวังจนออกอาการเกร็งๆ พวงมาลัยไฟฟ้าในโหมด Sport ทั้งแม่นทั้งคมแถมด้วยน้ำหนักที่พอดิบพอดีช่วยผมให้เอาตัวรอดบนเส้นทางหฤโหดโคตรโค้งได้อย่างไม่ยากเย็นนัก เครื่องยนต์ใหม่กับเกียร์ 9 สปีดตอบสนองได้เร็วมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับการเหยียบคันเร่งของคนขับ โดยภาพรวม Mercedes Benz New CLS400d เป็นซาลูนคันโตที่ขับได้ง่ายและคล่องแคล่วว่องไว ความแรงของพละกำลังทำให้ไม่รู้สึกถึงขนาดของความกว้างและความยาว จากแรงบิดที่จัดเต็มโดยเฉพาะจังหวะเร่งแซงรถช้านั้นไม่ต้องมานั่งลุ้นว่าจะพ้นหรือไม่พ้น! กดพรวดเดียวจากความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงมันดีดตัวเองด้วยความนวลทะยานผ่าน 175 กิโลเมตรต่อชั่วโมงจนต้องยกคันเร่งแตะเบรกเนื่องจากเข้าเขตเมืองที่มีการจำกัดความเร็ว! 

ช่วงล่างที่มาดมั่นกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ 4MATIC ทำให้ New CLS400d เกาะถนนราวกับตีนตุ๊กแก เมื่อใช้ความเร็วสูงขึ้น เจ้า CLS400d ก็ขับสนุกใช้ได้ การขับเข้าโค้งโช้คอัพมีค่าของการยุบตัวที่เหมาะสม เช่นเดียวกับพวงมาลัยที่หน่วงข้อมือพอดิบพอดี ทำให้ผมเริ่มมั่นใจจนสามารถแล่นเข้าโค้งได้เร็วขึ้นเรื่อยๆ ช่วงล่างหน้าแบบปีกนกคู่ทำจากอัลลอยพร้อมโช้คอัพไฟฟ้าที่ปรับระดับความแข็ง-อ่อนได้ช่วยทำให้ล้อหน้าเกาะถนนขณะเลี้ยวโค้งอย่างรุนแรง ฐานล้อที่ยาวกว่าเดิมไม่ได้สร้างความยากลำบากหรือลดทอนความคล่องตัว อัตราส่วนแรงม้าต่อน้ำหนักที่ดีเยี่ยมรวมกับอัตราส่วนการกระจายน้ำหนักที่อยู่ในเกณฑ์ดีทำให้ New CLS400d เป็นรุ่นที่น่าขับมากที่สุดแต่น่าเสียดายที่รถรุ่นนี้ไม่ได้เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย หากอยากได้ New CLS คงต้องเล็งไปที่รุ่น 350d ซึ่งในวันทดสอบนั้นไม่มีให้ลอง! 

จากจุดแวะพักในช่วงบ่าย ขากลับเข้าเมืองบนระยะทาง 78 กิโลเมตร ผมเปลี่ยนเป็นตัวแรง Mercedes Benz New CLS53 AMG 4MATIC + สปอร์ตซาลูนบ้าพลังหัวใจใหม่เอี่ยมอ่อง CLS53 AMG วางเครื่องยนต์เบนซินรุ่นใหม่ล่าสุดที่อุดมไปด้วยเทคโนโลยีใหม่ เช่น ระบบหัวฉีดแบบล่าสุด กลไกของระบบวาล์วแปรผันที่พัฒนาใหม่ ระบบอัดอากาศประสิทธิภาพสูงใช้เทอร์โบ 2 ตัวคอยบูสไอดี รวมถึงระบบไฮบริดจิ๋วขนาด 48V ที่ช่วยเสริมในเรื่องของอัตราเร่ง เครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบเรียงเทอร์โบคู่ ฝาสูบแบบดับเบิ้ลโอเวอร์เฮดแคมชาร์ป DOHC 4 วาล์วต่อสูบ ความจุ 3.0 ลิตร 2,999 ซีซี. ให้กำลังสูงสุดมากถึง 435 แรงม้า แซงหน้า BMW M4 ที่ทำได้ 430 แรงม้า โดยมีกำลังมากกว่าเครื่องยนต์ 6 สูบของ BMW M4 ประมาณ 5 แรงม้า แรงบิดสูงสุดจัดเต็ม 520 นิวตัน-เมตร หรือ 52.98 กิโลกรัม/เมตร ในย่าน 1,800 – 5,800 รอบต่อนาที (น้อยกว่า BMW M4 ที่ทำได้ 550 นิวตัน-เมตร) 

ส่วนระบบ EQ Boost Assist ทำงานร่วมกับ EQ Boost Starter Generator มีกำลัง 16 กิโลวัตต์ หรือ 22 แรงม้า ให้แรงบิดสูงสุดจากมอเตอร์ไฟฟ้าที่ฝังอยู่ในเกียร์ 9G-Tronic มากถึง 250 นิวตัน-เมตร หรือ 25.45 กิโกกรัม/เมตร แบตฯ ลิเทียมไอออนความจุ 48V เสริมอัตราเร่งด้วยการป้อนพลังงานไฟฟ้าที่ฝังอยู่ในเกียร์ AMG SPEEDSHIFT TCT 9G-Tronic สำหรับตัวช่วยที่ทำให้ CLS53 เกาะถนนก็คือ ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AMG Performance 4MATIC Plus all-wheel drive พร้อมชุดกระจายแรงบิด fully variable torque distribution ตัวเลขสมรรถนะของ CLS53 AMG เร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 4.5 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงรวม 8.7 ลิตร ต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร ปล่อย CO2 200 กรัม ต่อระยะทาง 1 กิโลเมตร ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ 4MATIC + ผสมผสานการออกแบบภายนอกและภายในที่เน้นบรรยากาศของรถสปอร์ตกับไดนามิกของการควบคุมบนแนวทางการปรุงแต่งจากสำนัก AMG จุดเด่นของเครื่องยนต์เบนซินแบบใหม่ขนาด 3.0 ลิตร คือ ระบบเทอร์โบชาร์จเจอร์และคอมเพรสเซอร์ไฟฟ้า EQ Boost Assist บอกเลยว่าแรงและขับสนุกมากๆ 

New CLS53 AMG 4MATIC + มีงานตกแต่งภายในที่แตกต่างในด้านของรายละเอียด วัสดุที่ใช้ตกแต่งภายในของรถรุ่นนี้ถูกเน้นหนักไปด้านอารมณ์มากกว่าความหรูหรา แผงคาร์บอนไฟเบอร์และงานอัลลอยสีเงินยวงประดับประดาอยู่บนแดชบอร์ด พวงมาลัย AMG ทรงสามก้านหุ้มด้วยหนังสองแบบมีรอบวงที่อวบอ้วนจับได้กระชับมือดีมาก ช่องแอร์แบบใหม่พร้อมหลอดไฟ LED ที่ตกแต่งอยู่ในช่องแอร์แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจในการเอาชนะรถดีๆ อย่าง BMW Series 6 Gran Coupe โดยภาพรวม หากไม่นับของแต่งจาก AMG คุณก็จะพบว่ารถรุ่นนี้ใช้วิธีแชร์ชิ้นส่วนอุปกรณ์ภายในร่วมกับ New E-Class และ New E-Coupe ทำให้ห้องโดยสารของ New CLS เหมือนกับพี่น้องของมันจนแยกแทบไม่ออก ! 

New CLS53 AMG 4MATIC + เข้ามาสร้างความสนุกและทำให้การขับในช่วงสุดท้ายก่อนเข้าโรงแรมที่พักมีความรื่นรมย์ กำลังมหาศาลจากเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบเทอร์โบคู่รุ่นใหม่พร้อมระบบไฮบริดจิ๋วที่ช่วยเสริมอัตราเร่งนั้นกลับทำให้เจ้า New CLS53 AMG 4MATIC + ว่านอนสอนง่ายเกินเหตุจากการช่วยเหลือของระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AMG Performance 4MATIC Plus all-wheel drive พร้อมชุดกระจายแรงบิด fully variable torque distribution เนื่องจาก CLS53 AMG กินไฟเปลืองพอสมควร การใช้ระบบไฮบริดจิ๋ว 48V EQ Boost Assist ที่ทำงานร่วมกับช่วงล่างแบบถุงลม ระบบกันสะเทือนแบบปรับได้ ทำให้ระบบไฟฟ้าในรถยนต์แบบเก่ากลายเป็นของโบราณไปโดยปริยาย แม้ขนาดตัวถังจะใหญ่น้องๆ S-Class แต่ New CLS53 AMG 4MATIC + ก็เป็นรถที่เหมาะกับนักขับที่ชอบใช้ความเร็วอย่างต่อเนื่องและชอบการมีส่วนร่วมในการควบคุม มันเข้าโค้งบนเขาได้อย่างคมกริบโดยแทบจะไม่มีอาการโคลงตัวเมื่อผมปรับโหมดสูงสุด Sport + เสียงคำรามที่เร้าใจจากการทำงานของเครื่องยนต์ในรอบสูงทำให้ผมไม่อยากจะลงจากรถรุ่นนี้กันเลยทีเดียว ! 

สปอร์ตซาลูนรุ่นนี้วิ่งได้เนียนตาเอามากๆ แม้จะคาอยู่ในโหมดสูงสุด มันทั้งเร็วและแม่นยำ ท่อท้ายส่งเสียงระเบิดปุๆ ไปตลอดทาง หากคิดว่าท่อดังเกินไปเมื่อขับเข้าเมืองก็แค่เปลี่ยนกลับมาเป็นโหมดปกติ COMFORT ท่อระบายท้ายรถก็จะให้เสียงที่สุภาพมากขึ้น กลายเป็นรถสปอร์ตสองอารมณ์ที่ขับเร็วก็ได้ขับช้าก็สนุก ผสมผสานแนวทางของการใช้งานแบบสุภาพบนมาดเนี้ยบๆ ของผู้ดีมีระดับ! ผมคาดเดาเอาเองว่าเมื่อ Mercedes Benz Thailand นำเจ้า New CLS53 AMG 4MATIC + เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย ราคาค่าตัวน่าจะเฉียดๆ 10 ล้านบาทอย่างแน่นอน เมื่อลองอัดเข้าโค้งแรงๆ ยาง Yokohama Advan Sport แหกปากร้องครวญครางออกมาทันทีที่โดนกระทำชำเราด้วยการขับที่รุนแรง

Yokohama Advan Sport ยางติดรถทดสอบ Mercedes Benz New CLS53 AMG ยางหน้า 245/35ZR20 99Y ส่วนยางหลังจัดอย่างโหด 275/30ZR20 102Y เมื่อยางเริ่มเข้าสู่ขอบเขตข้อจำกัดของมัน แต่เจ้าซาลูนหรูคันนี้ก็ยังคงวิ่งอยู่บนแนวระนาบได้อย่างน่าชื่นชม การขับด้วยความเร็วสูงในโค้งต้องใช้ประสิทธิภาพการทำงานของหลายๆ สิ่งร่วมกัน หนึ่งในนั้นก็คือ ยางสปอร์ตแก้มแข็งโป๊ก ระบบกันสะเทือนแบบปรับได้ที่ถูกปรุงแต่งให้เพิ่มความเสถียรของรถ ระบบควบคุมการทรงตัว รวมไปถึงระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ 4MATIC ที่พ่วงคำว่า Plus ต่อท้าย ซอฟต์แวร์ที่ควบคุมการทำงานหรือตัดการทำงานของแรงบิดในล้อแต่ละข้าง ทำให้ New CLS53 AMG 4MATIC + ซึ่งเป็นรถคันโตที่สามารถขับได้อย่างเชื่องมือเชื่องเท้าคันหนึ่ง พวงมาลัยในแต่ละโหมดก็ทำหน้าที่ได้ดี ด้วยอัตราทดที่ค่อนข้างคงที่ หนักแน่นและเที่ยงตรงแม่นยำ วิ่งทางตรงๆ ไม่ต้องมาคอยนั่งประคับประคองทิศทางกันให้มากเรื่อง โหมด Sport + ให้ความรู้สึกของชุดบังคับเลี้ยวที่ตอบสนองอย่างไว เป็นความจริงที่ไม่เกินเลยหากจะพูดว่า New CLS53 AMG 4MATIC + เหมาะกับผู้บริหารสูงวัยที่ชอบขับเร็ว คุณจะรู้สึกดีเมื่อกระทืบลงไปบนคันเร่งของมันพร้อมๆ กับการตอบสนองที่สอดรับกับความต้องการของคุณ บนความสบายที่หาได้ของ CLS ในสไตล์ AMG หากคุณมีความพร้อมที่จะจ่ายแพงกว่ารุ่นอื่น จงซื้อรุ่นนี้ไปเลยดีที่สุด!

เช้าวันสุดท้าย ผมกับพี่เล็กมนชัย จากนิตยสาร GM CAR ย้ายร่างจากเตียงนอนลุกขึ้นมารับรถทดสอบ New CLS450 4MATIC กันตั้งแต่ตอนเช้าตรู่ วันสุดท้ายก่อนบินกลับบ้านในช่วงเย็น Mercedes Benz จัดเส้นทางสั้นๆ แค่ 53 กิโลเมตร จากโรงแรม Almanac Barcelona ไปยังจุดแวะพัก Casa del Mar แต่เป็นเส้นทางที่ยากลำบากสุดๆเนื่องจากจะต้องวิ่งฝ่าตัดเข้าไปใจกลางเมืองบาซ่าบนชั่วโมงเร่งด่วนของคนสเปนซึ่งกำลังออกจากที่พักไปทำงาน รวมถึงการขับผ่านอุโมงค์​แปลกๆ ที่ขาเข้าเข้านั้นมีสองช่องทางแต่พอขับไปถึงกลางอุโมงค์กลับเหลือแค่ช่องทางเดียว! ผมปล่อยให้พี่เล็กมนชัยรับหน้าที่ควบคุมโดยย้ายก้นตัวเองไปนั่งเบาะหลังเพื่อจับความรู้สึกในการเป็นผู้โดยสารของ New CLS450 เบาะหลังเล็กกว่า New E-Class รวมถึงพื้นที่เหนือศีรษะก็ยังน้อยกว่า แต่การออกแบบให้เบาะหลังลึกลงไปเล็กน้อยกลับทำให้นั่งโดยสารได้สบายเนื้อสบายตัว New CLS Coupé รุ่น 450 4MATIC ใช้ขุมกำลังใหม่ล่าสุดประจำปี 2018 เป็นเครื่องยนต์เบนซินแถวเรียงวางตามยาวขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ 6 กระบอกสูบรุ่นใหม่ที่เพิ่งจะถอยออกจากโรงงานประกอบเครื่องยนต์ของ Mercedes Benz พร้อมระบบ EQ Boost (ระบบสตาร์ตเครื่องยนต์ ระบบกำเนิดไฟฟ้าแบบรวม / เครื่องกำเนิดไฟฟ้า) ระบบไฟฟ้า 48V แบบใหม่เข้ามาเพิ่มความสามารถในการสตาร์ตเครื่องยนต์บนโปรแกรม Auto start/stop ทำงานได้ดีกว่าระบบไฟแบบเก่าด้วยแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนขนาด 48V

เจ้า CLS Coupé รุ่น 450 4MATIC ใช้เครื่องเบนซินแถวเรียง 6 สูบ DOHC 24 วาล์ว ปริมาตรความจุ 3.0 ลิตร 2,999 ซีซี. มีกำลัง 372 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 500 นิวตัน-เมตร หรือ 50.95 กิโลกรัม/เมตร ระบบส่งกำลังใช้เกียร์อัตโนมัติขับเคลื่อน 4 ล้อ 9G-Tronic พร้อมกลไกขับเคลื่อนทุกล้อ 4-MATIC ระบบ EQ Boost Starter Generator เหมือนกับ CLS53 AMG ฝังมอเตอร์ไฟฟ้าขนาดเล็กเอาไว้ในเกียร์พร้อมแบตฯลิเทียมไอออนขนาด 48V กำลัง 16 กิโลวัตต์ หรือ 22 แรงม้า สร้างแรงบิดสูงสุดในรูปแบบไฮบริดคอยเสริมแรงกับเครื่องยนต์ได้ 250 นิวตัน-เมตร หรือ 25.45 กิโลกรัม/เมตร แบตฯลิเทียมไอออนรุ่นใหม่ขนาด 48V เข้ามาแทนที่แบตฯ 12V แบบเก่า เพื่อช่วยในเรื่องของระบบ Auto Start/Stop หมดความกังวลเรื่องแบตฯ เสื่อมเร็วเกินไป แบตเตอรี่ประสิทธิภาพสูงยังใช้ป้อนไฟให้มอเตอร์ในเกียร์เพื่อเสริมการเร่งความเร็ว สำหรับสมรรถนะของ New CLS 450 มีอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ที่ 4.8 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง เฉลี่ย 7.5 ลิตร ต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร ปล่อย CO2 178 กรัม ต่อระยะทาง 1 กิโลเมตร 

ย่อหน้าสุดท้ายหลังจากบรรยายมาทั้งหมดนั้น Mercedes Benz New CLS ที่เตรียมจะเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยกลับไม่ใช่รถที่ผมได้ทดลองขับ! Mercedes Benz Thailand จะเปิดตัว New CLS ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ช่วงปลายเดือนมีนาคมนี้ที่อิมแพคอารีน่า เมืองทองธานี ส่วน New CLS รุ่นที่แบรนด์ตราดาวจะเอาเข้ามาขายก็คือ CLS 300d AMG Premium รุ่นแยกย่อยเวอร์​ชันดีเซล มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซลแถวเรียง 4 สูบ ปริมาตรความจุ 2.0 ลิตร 1,950 ซีซี. ระบบอัดอากาศเทอร์โบคู่ กำลังสูงสุด 245 แรงม้า ที่ 4,200 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ที่ 1,600 – 2,400 รอบต่อนาที ระบบส่งกำลังใช้เกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด 9G-Tronic ระบบขับเคลื่อนใช้การขับเคลื่อนด้วยล้อคู่หลัง (โดยไม่มีรุ่น 4MATIC ที่ราคาสูงกว่า)

บอกไว้ตรงนี้เลยว่า ตัวจริงสวยกว่าในรูปมาก เมื่อเห็นครั้งแรกในรูปก่อนการเปิดตัวในเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วก็คิดไปต่างๆ นานาว่าหน้าตาคล้ายกับปลาดุกจากไฟหน้าและกระจังหน้าแบบใหม่ แต่พอเห็นตัวเป็นๆ แล้วก็พบว่าหน้าตาของมันลงตัวและทันสมัยขึ้นมาก รูปทรงปราดเปรียวเพรียวลมแม้จะยาวเกือบๆ 5 เมตร และกว้างเกือบ 2 เมตรแต่การออกแบบที่ดีทำให้ไม่ดูใหญ่โตเกินไปจนน่าเกลียด เป็นสปอร์ตซาลูนที่ครบเครื่องทั้งความแรงและความสวยงาม แถมยังขับสนุกลุกนั่งสบาย ลองไปเห็นตัวเป็นๆ ที่งานแล้วคุณจะรู้สึกเหมือนผม ! 

ขอบคุณ Mercedes Benz Thailand สนับสนุนการเดินทางไปทดสอบ

ขอบคุณ Nikon Thailand สนับสนุนอุปกรณ์บันทึกภาพ

Camera
Nikon D5
Nikon Df


Lens
AF-S NIKKOR 70-200MM F/2.8E FL ED VR
AF-S NIKKOR 28-70 F/2.8 ED

อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/