สตง.จี้ ทอท.เร่งรัดเก็บเงินค้างจ่าย ทวงหนี้การบินไทย 3 พันล้าน

ทอท.ทวงหนี้การบินไทย 3 พันล้าน หลัง สตง.ทำหนังสือให้รีบทวงเพราะเป็นหนี้ค้างตั้งแต่ปี 2553 โดยเป็นการค้างค่าเช่าศูนย์ซ่อมที่ดอนเมือง เผยหารือเบื้องต้นการบินไทยพร้อมคืนพื้นที่ ซึ่งหมดสัมปทานตั้งแต่ปี 2554 ส่วนภาระหนี้ต้องทำแผนร่วมกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานจากบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.ว่า สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง.ได้ทำหนังสือส่งมายัง ทอท. ในฐานะเจ้าของพื้นที่บริเวณสนามบินดอนเมือง ให้เร่งรัดทวงหนี้ค้างจ่ายวงเงินรวมประมาณ 3,000 ล้านบาท จากบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ที่ได้เช่าที่ดินด้านทิศเหนือของสนามบินดอนเมืองพื้นที่ประมาณ 100,000 ตารางเมตร ทำเป็นอาคารสำนักงานและศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน ที่สนามบินดอนเมือง โดยหาก ทอท.ไม่ดำเนินการตามข้อแนะนำของ สตง.อาจมีความผิดเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่และถูกตรวจสอบได้

อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นฝ่ายบริหารของ 2 หน่วยงาน คือนายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการใหญ่ ทอท.และนางอุษณีย์ แสงสิงแก้ว รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ การบินไทย ได้หารือทางออกร่วมกันแล้ว โดย ทอท.ได้ขอให้การบินไทยคืนพื้นที่ให้กับ ทอท. เนื่องจากได้สิ้นสุดระยะเวลาสัมปทานเช่าที่ไปตั้งแต่ปี 2554 ซึ่งการบินไทยตกลงยอมคืนพื้นที่ ส่วนเรื่องภาระหนี้ ซึ่งเป็นหนี้ค้างจ่ายมาตั้งแต่ปี 2553 นั้นจะต้องหารือทำแผนร่วมกันต่อไป

“ขณะนี้ฝ่ายบริหารทั้ง 2 หน่วยงานคุยกันแบบไม่เป็นทางการแล้ว ขณะที่ ทอท.ได้แจ้งเรื่องดังกล่าวให้บอร์ด ทอท. รับทราบแล้ว แต่ยังไม่ได้นำเสนอให้บอร์ดพิจารณาอนุมัติแนวทางการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นทางการ โดยหลังจากนี้ ระดับเจ้าหน้าที่บริหารสนามบินดอนเมืองและการบินไทยจะต้องไปหารือ เพื่อจัดทำแผนส่งมอบพื้นที่ร่วมกัน โดย ทอท.ตั้งเป้าที่จะขอรับคืนพื้นที่ ให้แล้วเสร็จภายใน 2 ปีนี้”

ผู้สื่อข่าวรายงานจาก ทอท.ว่า สำหรับสาเหตุที่ต้องขอคืนพื้นที่ ซึ่งหมดอายุสัมปทาน เนื่องจากดอนเมืองต้องการจะเร่งพัฒนาสนามบินดอนเมืองระยะที่ 3 เพื่อแก้ไขปัญหาความแออัดและรองรับการเดินทางที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการเติบโตแบบก้าวกระโดดของสายการบินต้นทุนต่ำ (โลว์คอสต์) จนทำให้ปัจจุบันสนามบินดอนเมืองกลายเป็นฐานของโลว์คอสต์แอร์ไลน์ เบื้องต้นสนามบินดอนเมืองเห็นว่า มีความจำเป็นจะต้องพัฒนาศูนย์ซ่อมอากาศยานเพื่อรองรับสายการบินโลว์คอสต์ที่ดอนเมืองด้วย

ทั้งนี้ หากการบินไทยย้ายออกไป ทอท. อาจจะย้ายพนักงานของ ทอท. จากอาคารสำนักงานดอนเมือง ไปอยู่ที่อาคารสำนักงานของการบินไทยแทน ซึ่งรองรับพนักงานได้มากถึง 2,000 คน ส่วนพื้นที่ที่เป็นศูนย์ซ่อมเครื่องบินของการบินไทยเดิมนั้น ก็จะพัฒนาให้เป็นศูนย์ซ่อมโลว์คอสต์แทน ส่วนอาคารสำนักงานเดิมของพนักงาน ทอท.นั้น อาจจะนำพื้นที่มาพัฒนาเป็นดอนเมืองเฟส 3 โดยอาจจะก่อสร้างเป็นอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศเพิ่มเติม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัจจุบันพื้นที่ดังกล่าวเป็นศูนย์ซ่อมบำรุงใหญ่ของการบินไทย โดยการบินไทยมีสัญญาเช่าพื้นที่กับ ทอท.เป็นเวลา 30 ปี และต่ออายุได้ 2 ครั้ง อัตราค่าเช่าที่ดินพื้นราบและโครงสร้างอยู่ที่ 30 บาทต่อตารางเมตร เงื่อนไขคือการบินไทยเป็นผู้ก่อสร้างอาคารทั้งหมดและทรัพย์สินจะตกเป็นของ ทอท. เมื่อหมดสัญญา

ทั้งนี้ หากมีการโอนทรัพย์สินให้เป็นของ ทอท. แล้ว ทอท. ก็ได้ขอเพิ่มค่าเช่าเป็น 120 บาทต่อตารางเมตร และขอคิดค่าเช่าพื้นที่อาคารทุกชั้น จากเดิม คิดเฉพาะที่ดินพื้นราบเท่านั้น ซึ่งการบินไทยเห็นว่าค่าเช่าอัตราใหม่สูงเกินไป จึงขอเจรจาต่อรองกับ ทอท. แต่ปัจจุบันการเจรจาก็ยังไม่ได้ข้อยุติ โดยในช่วงที่ผ่านมาการบินไทยจึงจ่ายค่าเช่าในอัตราเดิม ไม่ได้จ่ายส่วนต่างที่เพิ่มขึ้น ด้าน ทอท.ได้ทำหนังสือทวงถามค่าเช่าพื้นที่จากการบินไทยตั้งแต่ 4-5 ปีก่อน ประมาณ 2,000 ล้านบาท แต่ถึงที่สุดหากการเจรจายืดเยื้อ การบินไทยก็อาจต้องหารือกับกรมธนารักษ์ เพราะกรมธนารักษ์เป็นเจ้าของพื้นที่สนามบินดอนเมืองตัวจริง จากนั้นกรมธนารักษ์ให้กองทัพอากาศเช่าพื้นที่ซึ่งกองทัพอากาศก็ให้ ทอท.เช่าพื้นที่และ ทอท.ให้การบินไทยเช่าช่วงอีกทอดหนึ่ง.