วัคซีนตัวเก่าเอาไม่อยู่ เจอสายพันธุ์ A (H3N2) สิงคโปร์-และ B ภูเก็ต แผลงฤทธิ์ดันยอดผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่เพิ่มขึ้น
อากาศแปรปรวนหนัก เดี๋ยวร้อน ฝน หนาว เป็นปัจจัยแรกที่ทำให้ไข้หวัดใหญ่ระบาดหนักช่วงนี้ แต่ที่แรงกว่า คือเชื้อโรคสายพันธุ์ย่อยใหม่อีก 2 ตัว ที่เจอตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ยิ่งทำให้ผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอีก เพราะวัคซีนที่เคยฉีดนั้นไม่รองรับสายพันธุ์มาสู้สายพันธุ์ใหม่ กรมควบคุมโรค สำนักระบาดวิทยา เตือนอย่าตื่นตระหนก สถานการณ์ไม่รุนแรง และมีวัคซีนใหม่พร้อมฉีดให้กลุ่มเสี่ยงกลางปีนี้
นายแพทย์นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า 3 สัปดาห์แรกของเดือนม.ค.2561 มีผู้ป่วยเป็นโรคไข้หวัดใหญ่ทั่วประเทศแล้วประมาณ 5,300 คน ยังไม่ได้รับรายงานผู้เสียชีวิต มากกว่าปีที่แล้วที่ 3 สัปดาห์แรกของเดือนม.ค. มีผู้ป่วยประมาณ 4,000 คน โดยเฉลี่ยทั่วประเทศอัตราส่วนยู่ที่ 7.9 ต่อประชากรแสนคน จังหวัดที่มีผู้ป่วยมากที่สุด คือเชียงใหม่ อัตราส่วน 63 ต่อประชากรแสนคน สำหรับกทม.มีจำนวน 23.4 ต่อประชากรแสนคน โดยช่วงนี้ถือว่าเป็นช่วงพีคของการระบาดไข้หวัดใหญ่ และจะมีช่วงต่อไปอีกครั้งเมื่อเข้าหน้าฝน
ก่อนหน้านี้กรมควบคุมโรคได้คาดการณ์สถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่ปีนี้ว่าคาดว่าจะมีผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ประมาณ 220,000 คน เพิ่มจากปีที่แล้วที่มี 196,765 คน อัตราป่วยเท่ากับ 300 ต่อประชากรแสนคน และเสียชีวิต 55 คน โดยปีที่แล้ว กทม.มีจำนวนผู้ป่วยมากที่สุดคือ 50,479 คน อัตราป่วย 886 ต่อประชากรแสนคน
ส่วนสาเหตุที่ยอดผู้ป่วย 3 สัปดาห์แรกปีนี้เพิ่มสูงขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว นายแพทย์นครอธิบายว่า เกิดจากช่วงปลายเดือนธ.ค.ต่อเนื่องเดือนม.ค.อากาศแปรปรวน และเชื้อโรคพัฒนาตัวเองตามธรรมชาติ โดยตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา มีรายงานการค้นพบสายพันธุ์ย่อยใหม่ 2 สายพันธุ์ คือไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A (H3N2) ที่มีสายพันธุ์ย่อยใหม่คือ สิงคโปร์ และสายพันธุ์ B มีสายพันธุ์ย่อยใหม่คือ ภูเก็ต
...
ทำให้การเตรียมฉีดวัคซีนให้ประชาชนในกลางปีนี้ องค์การอนามัยโลก จึงผลิตวัคซีนที่มีเชื้อ 3 สายพันธุ์ คือ สายพันธุ์ A (H3N2) สิงคโปร์ สายพันธุ์ B ภูเก็ต และตัวเดิมกับปีที่แล้วคือ สายพันธุ์ A (H1N1) 2009 มิชิแกน ดังนั้นสองตัวเดิมของปีที่แล้ว คือสายพันธุ์ B วิคตอเรีย และ A H3N2 ฮ่องกง จึงไม่ได้อยู่ในวัคซีนที่จะฉีดในปีนี้
เกี่ยวกับสายพันธุ์ย่อยใหม่นี้ นายแพทย์นคร ย้ำว่าสถานการณ์ไม่ได้รุนแรง และประชาชนอย่าตื่นตระหนก เพราะอาการป่วยก็ยังคงมีลักษณะ มีไข้ น้ำมูก ปวดหัว ปวดเมื่อยตัว เป็นต้น ซึ่งอาการหนักหรือเบานั้นขึ้นอยู่กับสุขภาพพื้นฐานของแต่ละคนด้วย
ด้าน นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่าแต่ละปีมีการเตรียมวัคซีนฉีดให้ประชาชนประมาณ 3 ล้านคน โดยเน้นกลุ่มเสี่ยง คือผู้สูงอายุ เด็ก ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว และบุคลากรทางการแพทย์
นอกจากนี้ในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ ที่ปีที่แล้วมีจำนวนผู้ป่วยมากที่สุดนั้น ในจุดที่มีความเสี่ยง ที่มีคนหนาแน่น อย่างรถไฟฟ้า รถเมล์ สนามบิน ก็ได้รับความร่วมมือกับกระทรวงคมนาคมในการดูแลความสะอาดอย่างเต็มที่
“ขอแนะนำให้ประชาชนที่ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ ดูแลตัวเอง และคนรอบข้าง เมื่อเป็นแล้วหยุดเรียน หยุดทำงาน ใส่หน้ากากอนามัย เพื่อไม่ให้เชื้อโรคแพร่กระจาย และกลุ่มเสี่ยงควรไปรับวัคซีนฟรีที่รัฐเตรียมฉีดให้ในช่วงพ.ค.-มิ.ย.นี้ หากไม่ไปรับวัคซีน เมื่อเป็นกลุ่มเสี่ยง จะเป็นหวัดได้ง่าย ก็มีผลทำให้การแพร่ระบาดโรคเพิ่มขึ้นได้ง่ายขึ้นอีก” นายแพทย์สุวรรณชัยกล่าว