ประสบการณ์ดั่งขุมนรกที่ไม่ได้มีแค่ในละคร แต่เกิดขึ้นแล้วในชีวิตจริงของ น.ส.บี (นามสมมติ) หญิงไทยผู้ตกเป็นเหยื่อค้ากามที่บาห์เรน ได้ขอความช่วยเหลือผ่านเพื่อนชาวไทย เพราะเธอรู้สึกเหมือนตกนรกทั้งเป็นที่ต้องฝืนทนสนองความใคร่ให้เหล่าชายฉกรรจ์ไม่ซ้ำหน้า! (อ่านข่าว หนีนรกที่บาห์เรน EP.1 หญิงไทยแฉเบื้องลึกวงจรค้ากาม ป่าเถื่อน กดดัน ขายต่อ ตายทั้งเป็น

เบื้องหลังช่วยหญิงไทยพ้นจากซ่องบาห์เรน

น.ส.บี (นามสมมติ) เหยื่อค้ากามที่บาห์เรน ได้ขอความช่วยเหลือผ่านเพื่อนชาวไทย เพราะเธอรู้สึกเหมือนตกนรกทั้งเป็นที่ต้องฝืนทนสนองความใคร่ให้เหล่าชายฉกรรจ์ไม่ซ้ำหน้า!

เพื่อนของเธอจึงได้ติดต่อมาผ่านทางข้อความในเพจเฟซบุ๊ก “กองปราบปราม” เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. ที่ผ่านมา จากนั้น ทางกองปราบได้รวบรวมข้อมูล ทำตามลำดับขั้นตอน ถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขณะที่ น.ส.บีร้องไห้ทุกวัน เพราะทนไม่ไหวที่ต้องเจอกับความป่าเถื่อน ถูกกดดันให้ค้าประเวณี และต้องการจะกลับบ้านเกิดในเร็ววัน จึงปรึกษากับทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ เพื่อประสานกับทางสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมานามา ประเทศบาห์เรน และนำตัวเธอกลับบ้านให้เร็วที่สุด

ภายหลังจากที่ทีมข่าวได้ติดต่อสถานทูตบาห์เรน เพื่อประสานไปยังตำรวจท้องที่ จึงได้พากันเข้าไปช่วยเหลือสาวไทยออกมาจากตึกที่พักอาศัยในกรุงมานามา ในวันที่ 6 ธ.ค. พร้อมซื้อตั๋วเดินทางกลับประเทศไทยโดยทันที ท่ามกลางการดูแลของเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบ

แชทไลน์ที่น.ส.บี แจ้งให้ทีมงานเข้าช่วยเหลือ
แชทไลน์ที่น.ส.บี แจ้งให้ทีมงานเข้าช่วยเหลือ

...

ทั้งนี้ น.ส.บี ไม่ประสงค์จะดำเนินคดีกับกระบวนการค้ากาม เนื่องจากยอมรับสารภาพว่า สมัครใจไปเอง แต่เมื่อไปถึงกลับมีหนี้ 2 แสน ทั้งที่ยังไม่ได้ทำอะไร ประกอบกับตอนอยู่เมืองไทยไม่เคยขายบริการ แต่ที่ตัดสินใจไปเพราะเพื่อนชวน คิดสั้น ทะเลาะกับแฟน ซ้ำเพื่อนยังโอ้อวดว่าได้เงินดี จึงตัดสินใจไปทำงานที่นั่น แต่สุดท้ายกลับทุกข์ระทม ต้องไปเดินเคาะตามห้อง เสนอตัวขายบริการ แต่น.ส.บีดึงดันไม่ยอมทำอาชีพนี้ จึงถูกลูกค้าตบตี พร้อมปฏิเสธใช้บริการ

และในระหว่างที่เจ้าหน้าที่บุกขึ้นไปช่วย น.ส.บี ร้องไห้ดีใจ วิ่งออกมาจากห้องพัก และไม่หันกลับเข้าไปอีก ก่อนจะเดินทางไปยังสถานทูตและตีตั๋วกลับเมืองไทยทันที ซึ่ง น.ส.บี ยังได้ขอบคุณทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐ เจ้าหน้าที่สถานทูต เจ้าหน้าที่ตำรวจบาห์เรน และพ.ต.ท.เผด็จ งามละม่อม รองผกก.1 ป. ที่ใส่ใจในการติดตามเธอกลับมา

ด้าน น.ส.คณิตา ทรัพย์ไพศาล กงสุลสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงมานามา หนึ่งในเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปช่วยเหลือ น.ส.บี จากขบวนการค้ากาม เปิดเผยถึงวินาทีที่เข้าไปช่วยว่า วันที่เข้าไปช่วยเหลือมีประมาณ 6-7 คน ทั้งฝ่ายกงสุล เจ้าหน้าที่ตำรวจบาห์เรน ล่าม โดยมุ่งหน้าไปยังตึกแห่งหนึ่งบนถนนเอ็กซิบิชั่น ซึ่งเป็นย่านท่องเที่ยวยามค่ำคืนของเมืองมานามา และได้เข้าไปยังห้องตามที่ น.ส.บี แจ้งไว้ โดยภายในห้องมีหญิงชาวไทยอยู่ประมาณ 5 คน เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่เข้าไป น.ส.บี ดูหวั่นกลัวอย่างเห็นได้ชัด คล้ายกับว่า ไม่อยากให้คนในห้องรู้ว่าเธอเป็นคนขอความช่วยเหลือ

“วันนั้นเราช่วย น.ส.บี ออกมาคนเดียว เพราะน้องต้องการความช่วยเหลือ แต่คนอื่นๆ เขาอยากอยู่ต่อ เราไม่สามารถแจ้งจับใครได้ แต่ถ้าทำผิดกฎหมายบ้านเมืองเขาก็เป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่จะต้องไปดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ แต่วันที่ไปช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้นำตัวใครออกมาเพิ่มนอกจากน้อง เนื่องจากเขาไม่ได้กระทำความผิดอะไรตอนที่บุกเข้าไป เขาแค่อยู่อาศัยกันตามปกติภายในอพาร์ตเมนต์เท่านั้น” น.ส.คณิตา อธิบาย

แชทไลน์ที่น.ส.บี แจ้งให้ทีมงานเข้าช่วยเหลือ
แชทไลน์ที่น.ส.บี แจ้งให้ทีมงานเข้าช่วยเหลือ

แฉกลวิธีแสบ ลวงเหยื่อ ล่อด้วยเงินมหาศาล

น.ส.คณิตา เผยว่า “แม่แท็ก" หรือ “แม่เล้า” เป็นคนไทยหลอกคนไทยด้วยกันเอง โดยแบ่งได้เป็น 3 กลุ่มใหญ่ คือ 1. กลุ่มหญิงไทยที่แต่งงานกับชาวบาห์เรนแล้วย้ายไปอยู่กับสามี พอเห็นลู่ทางทำมาหากินก็ชักชวนคนที่มีอาชีพนั่งดริงก์ หรือทำงานตามผับบาร์ในเมืองไทยให้มาทำงานที่นี่ 2. กลุ่มหญิงที่เคยมาค้าบริการทางเพศในบาห์เรนอยู่แล้ว แต่แยกตัวออกมาจากแม่แท็กคนเดิม แล้วสร้างกลุ่มใหม่ของตนขึ้นมา โดยชักชวนเพื่อนๆ มาจากเมืองไทย และ 3. กลุ่มแม่เล้ามืออาชีพ ที่มีแฟนเป็นแมงดาและมีมาเฟียท้องถิ่นให้การสนับสนุน

สำหรับวิธีการหลอกลวง เหยื่อจะได้รับการชักชวนจากคนรู้จักกัน หรือ เว็บหางานที่เมืองไทย ให้มาทำงานในบาห์เรน โดยระบุว่า เป็นงานนวด งานร้านอาหารไทย งานนั่งดริงก์ ซึ่งมีค่าตอบแทนอย่างดี โอ้อวดว่ารายได้หลักแสนต่อเดือน เมื่อเหยื่อเห็นว่าได้เงินเยอะก็ตาลุกวาวอยากจะมาขุดทองทันที

...

แต่พอมาถึงก็มีค่าใช้จ่ายอื่นๆ โผล่ขึ้นมาจนแทบช็อกอยากจะบินกลับบ้าน เพราะมีทั้งค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่ารถ ตกสัปดาห์ละ 1-2 หมื่นบาท ขณะเดียวกัน ลูกค้ากลับไม่ได้เยอะอย่างที่คิดไว้ด้วย

“ที่ผ่านมามีผู้หญิงไทยโดนหลอกไปทำงานลักษณะนี้เยอะ เมื่อดูจากสถิติ พบว่า มีหญิงไทยมาขอรับความช่วยเหลือจากสถานทูต 300-400 รายต่อปี โดย 70% ของหญิงที่มาค้าบริการเข้ามาโดยวีซ่าท่องเที่ยว จากจำนวนนักท่องเที่ยวไทยปีนึงประมาณ 5,000 คน ซึ่งถือว่าเยอะมาก” น.ส.คณิตา เผยถึงสถิติ

ยกเว้นวีซ่า ช่องโหว่ค้ากาม?

น.ส.คณิตา อธิบายว่า บาห์เรน เป็นประเทศที่ยกเว้นวีซ่า หมายความว่า เข้ามาโดยไม่ต้องขอวีซ่าได้ 30 วัน และต่อวีซ่าได้ประมาณ 3 เดือน ทำให้หญิงไทยที่จะเข้ามาขุดทอง อาศัยช่องโหว่เข้าประเทศในฐานะนักท่องเที่ยว ซึ่งหญิงไทยที่มาขอความช่วยเหลือ 80% เป็นคนที่วีซ่าหมดอายุ

มาตรการพิเศษต่อคนไทยของประเทศบาห์เรน

น.ส.คณิตา กล่าวว่า มีบางครั้งที่เจ้าหน้าที่สนามบินสอบถามรายละเอียดคนไทยเล็กน้อย แต่ยังไม่เคยเจอเคสที่มีคนไทยติดอยู่ในสนามบิน เนื่องจากส่วนใหญ่เจ้าหน้าที่จะอนุญาตให้เข้าเกือบทั้งหมด ซึ่งบาห์เรนเป็นประเทศที่ต้องการขยายภาคธุรกิจท่องเที่ยวของตัวเอง ดังนั้น จะค่อนข้างที่จะเปิดกว้าง รับนักท่องเที่ยวเข้ามา เพราะถือว่าเป็นรายได้ของประเทศด้วย

...

แต่ทั้งนี้แล้ว บาห์เรนก็ให้ความสำคัญกับเรื่องการค้าประเวณีด้วยเช่นกัน หากพบผู้หญิงถูกหลอกลวงก็จะมีทั้งตำรวจ กรมสืบสวน และจะให้ความร่วมมือกับสถานทูตกรณีที่แจ้งขอความช่วยเหลือไป รวมทั้งยังมีเจ้าหน้าที่สืบสวนลงพื้นที่ไปล่อซื้อบ้างในบางโอกาส

ส่วนผู้หญิงที่เป็นเหยื่อ จะมีหน่วยงานด้านแรงงานกับพัฒนาสังคม คอยให้ความช่วยเหลือ และมีบ้านพัก สำหรับเป็นที่พักพิงฉุกเฉินให้กับผู้หญิงที่เป็นเหยื่อของขบวนการค้ามนุษย์ด้วย

โทษหนัก! สาวค้ากาม คุก 3-5 ปี แม่เล้า 10-15 ปี

ทั้งนี้ สำหรับกฎหมายเรื่องการค้าประเวณีในประเทศบาห์เรนนั้น น.ส.คณิตา ระบุว่า ผู้หญิงที่ค้าประเวณีในประเทศบาห์เรน มีโทษจำคุก 3-5 ปี แต่หากเป็นแม่เล้า จัดหาคน กักขังหน่วงเหนี่ยว มีโทษจำคุก 10-15 ปี

นอกจากนี้ สถานะเมื่อ 2-3 เดือนที่ผ่านมา มีคนไทยที่ถูกจับอยู่ในเรือนจำบาห์เรนในแต่ละเดือน จำนวน 14-16 คน โดยแบ่งเป็นข้อหา ค้าประเวณี มีประมาณ 8 คน ส่วนข้อหา ยาเสพติด 6 คน ซึ่งสถานทูตก็จะไปเยี่ยมแทบทุกเดือน

วอนแก้ต้นเหตุ! หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คัดกรองคนให้ละเอียด

...

น.ส.คณิตา กล่าวถึงวิธีการแก้ปัญหาค้ากามของหญิงไทย ว่า การแก้ปัญหาของสถานทูตเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายทาง เมื่อเดือดร้อนแล้วจึงเข้าไปให้ความช่วยหลือ แต่การแก้ปัญหาจริงๆ คือ ที่ต้นทาง นั่นคือประเทศไทย การสร้างความตระหนักรู้ให้กับคนที่ต้องการหางานในต่างประเทศ โดยเฉพาะหญิงไทย ให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องไม่ใช่ว่าถูกหลอกมา

อีกทั้ง หน่วยงานทุกภาคส่วนที่มีความเกี่ยวข้องกับการเดินทางไปต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็น สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กระทรวงต่างประเทศ คงต้องร่วมมือกัน เพราะมีตั้งแต่การออกหนังสือเดินทาง ไม่ต้องขอวีซ่าก็สามารถผ่านตม.ออกมาได้เลย บาห์เรน เป็นประเทศเล็กๆ ไม่ใช่ประเทศท่องเที่ยว การที่ผู้หญิงคนเดียวจะมาแล้วไม่รู้จักใครเลย จะเดินทางไปที่ไหนบ้าง ก็มีข้อสงสัยตรงนี้ ถ้าเผื่อว่ามีความละเอียดตรงนี้ก็จะช่วยคัดกรองคนได้

“สำหรับผู้หญิงไทยที่ประสงค์จะมาทำงานที่บาห์เรน จากการชักชวนมาก็ขอให้ตรวจสอบให้ดีก่อน และการเอาชีวิตมาเสี่ยงต่างบ้านต่างแดน ถึงแม้จะสมัครใจมาทำ แต่คุ้มหรือเปล่า เพราะที่นี่ก็เป็นสังคมที่มีข่าวว่าผู้ชายเลือกผู้หญิงบริการไปแล้ว ก็มีพาไปข่มขืน และยิ่งเมื่ออยู่อย่างไม่ถูกกฎหมายบ้านเขาทุกอย่างก็จะตกเป็นเบี้ยล่างหมด จะไปแจ้งความก็กลัว เจ็บป่วยเข้าไปรักษาก็กลัว เนื่องจากตัวเองอยู่อย่างไม่ถูกกฎหมาย อยากให้คิดดีๆ อย่าทำอะไรที่ผิดกฎหมายบ้านเขาจะดีที่สุด” กงสุล สถานเอกอัครราชทูตไทย กล่าวเตือน

เตือน หญิงไทย ดูสัญญาจ้างงานให้ละเอียด เพื่อคุ้มครองสิทธิ์ตัวเอง

นางหทัยชนก ฤทธาคนี ฟรูโม อุปทูตรักษาการฯ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมานามา กล่าวว่า คนไทยที่อาศัยอยู่ในบาห์เรน มีประมาณ 8,000 คน จะมีทั้งที่แต่งงานกับชาวต่างชาติมาอยู่อาศัยที่นี่ เป็นแม่บ้าน มีครอบครัว รวมทั้ง มีกลุ่มคนไทยที่มาทำงานที่นี่ด้วย เช่น งานด้านบริการ ร้านสปา ทำผมแต่งหน้า ร้านนวดแผนโบราณ ร้านอาหารไทย

ส่วนใหญ่คนไทยที่เดินทางไปบาห์เรนก็จะไปท่องเที่ยวเพราะไม่ต้องขอวีซ่า และเดินทางไปเที่ยวต่อที่โอมาน ดูไบ รวมทั้งที่เดินทางมาทำงานที่นี่ด้วย โดยมักจะเป็นเจ้าของร้านอาหาร ทำให้ในธุรกิจที่มีคนไทยเป็นเจ้าของ เช่น ร้านอาหาร ซุปเปอร์มาร์เก็ต ขายเครื่องสำอาง ขายผลไม้ไทย ร้านจัดดอกไม้ และเมื่อก่อนต้องมีหุ้นส่วนเป็นชาวบาห์เรนถึงจะเข้ามาทำธุรกิจได้ แต่ล่าสุดได้เปลี่ยนกฎหมายใหม่ อนุญาตให้ชาวต่างชาติสามารถจดทะเบียนได้ 100% ทำให้คนไทยมาเปิดกิจการที่นี่เยอะ

นอกจากนี้ หากจะมาทำงานในธุรกิจใดๆ ก็ตามในบาห์เรนจะต้องมีวีซ่าทำงาน เพื่อได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายแรงงานของประเทศนั้นๆ และได้รับการดูแลเรื่องต่างๆ ด้วย หากคนไทยที่ได้รับการทาบทามให้มาทำงานในต่างประเทศจะต้องมีสัญญาจ้างที่ถูกต้อง เพราะเป็นการป้องกันตัวเองไม่ให้ถูกเอาเปรียบ อาจจะไม่ได้รับสิทธิ์ที่พึงมีในกฎหมายของประเทศนั้นก็ได้ อีกทั้งรายละเอียดในสัญญาจ้างจะระบุด้วยว่า ทำงานกี่ชั่วโมงใน 1 สัปดาห์ พักกี่ชั่วโมงใน 1 สัปดาห์ และสำหรับที่บาห์เรนนายจ้างจะต้องมีรถรับส่งให้ด้วย เนื่องจากรถสาธารณะที่นี่มีไม่เยอะ เพราะฉะนั้น นายจ้างจะต้องจัดรถรับส่ง จัดที่พักให้ และทำงาน 2 ปี จะต้องมีตั๋วเครื่องบินไปกลับระหว่างบาห์เรนกับประเทศบ้านเกิด

“ใครชวนมาทำงานต้องดูแล้วว่า สัญญาจ้างที่ควรจะมีอยู่ไหน และรายละเอียดเป็นอย่างไร เพื่อคุ้มครองตัวเรา ขณะที่ บางคนให้เข้าประเทศมาก่อนเป็นวีซ่าท่องเที่ยว แล้วทำงานไปแล้วค่อยเปลี่ยนเป็นวีซ่าทำงาน ต้องคิดด้วยว่า เราไม่เห็นสัญญาจ้าง ไม่มีวีซ่าทำงานให้ คิดได้ว่า มันอาจจะไม่ใช่งานที่ถูกต้องและไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิด หรือไม่ได้เป็นตามที่ตกลงกันไว้” อุปทูตรักษาการฯ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมานามา ฝากเตือนชาวไทย

รู้จัก “บาห์เรน” ประเทศที่มีสัมพันธ์อันแนบแน่นกับไทยมา 40 ปี

นางหทัยชนก ฤทธาคนี ฟรูโม อุปทูตรักษาการฯ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมานามา กล่าวว่า บาห์เรน หนึ่งในประเทศตะวันออกกลาง ประเทศเล็กๆ ที่ตั้งอยู่บนเกาะในอ่าวเปอร์เซีย โดยมีสะพานเชื่อมต่อกับซาอุดีอาระเบียที่อยู่ห่างจากเกาะประมาณ 28 กม. มีประชากรทั้งสิ้น 1.4 ล้านคน แบ่งเป็น ประชากรท้องถิ่นราว 7 แสนคน ส่วนอีกครึ่งหนึ่งเป็นชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในบาห์เรน ซึ่งเข้ามาทำงานในหลากหลายธุรกิจ

ที่สำคัญยังเป็นประเทศมุสลิมสายกลางที่ค่อนข้างผ่อนคลายในกฎระเบียบต่างๆ เป็นมิตร ไม่ปิดกั้นตัวเอง และพร้อมที่จะเรียนรู้วัฒนธรรมใหม่ๆ ที่น่าสนใจ เนื่องด้วยในอดีตเคยอยู่ใต้อิทธิพลของอังกฤษมายาวนาน จึงทำให้กฎทางศาสนาไม่เคร่งครัดมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการดื่มแอลกฮอล์ และสถานที่ท่องเที่ยวในยามค่ำคืน ทำให้ประเทศบนเกาะเล็กๆ แห่งนี้ กลายเป็นศูนย์กลางความบันเทิงของกลุ่มประเทศอาหรับ ชาวซาอุดีอาระเบีย ชาวกาตาร์ และประเทศใกล้เคียงจะเดินทางมาเพื่อดื่มและเที่ยวกลางคืน โดยเฉพาะบนถนนเอ็กซิบิชั่น

สำหรับความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศนั้น ปีนี้เป็นปีที่ไทย-บาห์เรน มีความสัมพันธ์กันมา 40 ปีแล้ว โดยเริ่มความสัมพันธ์เมื่อวันที่ 17 ม.ค. 2520 ครั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาเยือนประเทศบาห์เรนในเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา และได้เข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระราชาธิบดีฮะมัด บิน อีซา อัลเคาะลีฟะฮ์ และเคาะลีฟะฮ์ บิน ซัลมาน อัลเคาะลีฟะฮ์ นายกรัฐมนตรีบาห์เรน เพื่อหารือประเด็นความสัมพันธ์ทวิภาคีร่วมกัน

เมื่อวันที่ 5 ธ.ค. ที่ผ่านมา ได้จัดวันคล้ายวันเฉลิม และได้จัดงานตามปกติ เชิญคณะบุคคลสำคัญมาร่วมงาน แต่ปีนี้นายกรัฐมนตรีได้เข้าร่วมงานนี้ด้วย โดยปกติท่านจะไม่เสด็จฯ ที่ใดเลยนอกจากประเทศซาอุดีอาระเบีย ซึ่งก็ทำให้มีความปลาบปลื้มให้กับคนไทย และแสดงให้เห็นว่าท่านเป็นห่วงและรักประเทศไทย รวมทั้งทุกปีท่านได้เสด็จฯ เยือนเมืองไทยส่วนพระองค์ด้วย สะท้อนให้เห็นความสัมพันธ์ที่แนบแน่นและมีความพิเศษของทั้งสองประเทศ

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน