นายกรัฐมนตรีแห่งประเทศเลบานอน ประกาศลาออกจากตำแหน่งแล้ว เนื่องจากเชื่อว่าตัวเองกำลังตกเป็นเป้าการลอบสังหาร เขายังประณามอิหร่านว่าสร้างความแตกแยกให้โลกอาหรับด้วย...
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายซาอัด อัล-ฮารีรี นายกรัฐมนตรีแห่งประเทศเลบานอน ประกาศลาออกจากตำแหน่งแล้วเมื่อวันเสาร์ที่ 4 พฤศจิกายน เนื่องจากเขาเชื่อว่า กำลังมีการวางแผนที่จะลอบสังหารเขา ขณะที่นายฮารีรียังทิ้งทวนด้วยการกล่าวหาประเทศอิหร่าน กับ ‘ฮีซบอลเลาะห์’ กลุ่มการเมืองและกลุ่มติดอาวุธมุสลิมชีอะห์ฝักฝ่ายอิหร่านในเลบานอน ว่า กำลังบ่มเพาะให้เกิดความขัดแย้งในโลกอาหรับ
ตามการเปิดเผยของรัฐมนตรีของประเทศซาอุดีอาระเบีย ตอนนี้นายฮารีรีอยู่ในกรุงริยาด เมืองหลวงซาอุฯ เพื่อความปลอดภัย โดยเขากล่าวในการถ่ายทอดทางโทรทัศน์ว่า “เรากำลังอยู่ในบรรยากาศที่คล้ายกับช่วงก่อนที่ ราฟิค อัล-ฮารีรี จะถูกลอบสังหาร ผมรู้สึกได้ว่า กำลังมีการวางแผนเอาชีวิตของผม” อนึ่ง ราฟิค อัล-ฮารีรี เป็นบิดาของนายซาอัด ดำรงตำแหน่งนายกฯ ระหว่างปี 2535-2541 และถูกลอบสังหารด้วยระเบิดในปี 2548
...
คำพูดของนายฮารีรีสอดคล้องกับรายงานล่าสุดของสื่อภายในประเทศ ที่ระบุว่าเมื่อไม่กี่วันก่อนว่า เจ้าหน้าที่ในกรุงเบรุต สามารถสกัดแผนลอบสังหารนายฮารีรีได้สำเร็จ ขณะที่ นายธาเมอร์ อัล-ชาบาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการอ่าวอาหรับ เปิดเผยในการให้สัมภาษณ์ทางโทรทัศน์ว่า มีข้อมูลเกี่ยวกับการลอบสังหารนายฮารีรีจริง
นายฮารีรี ผู้เป็นมุสลิมนิกายสุหนี่ ยังกล่าวหาอิหร่าน และกลุ่มฮีซบอลเลาะห์ด้วยว่า กำลังพาเลบานอนเขาสู่ตาพายุแห่งการคว่ำบาตรของนานาชาติ อิหร่านกำลังสร้างความแตกแยก การทำลายล้าง และความพินาศให้กับที่ใดก็ตามที่พวกเขาไป
ทั้งนี้ รัฐบาลผสมของนายฮารีรีเข้าบริหารประเทศเมื่อปี 2559 โดยเป็นรัฐบาลร่วมกับพรรคการเมืองเกือบทุกพรรคในเลบานอน รวมทั้งกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ภายใต้ข้อตกลงร่วมกันว่าจะให้ นายมิเชล อาอูล พันธมิตรของฮีซบอลเลาะห์ เป็นประธานาธิบดี จนถูกมองว่าเป็นชัยชนะของประเทศอิหร่าน การลาออกของนายฮารีรีจึงอาจทำให้ความขัดแย้งระหว่างชาวมุสลิมนิกายสุหนี่ และชีอะห์ในเลบานอนรุนแรงขึ้น และทำให้เกิดภาวะชะงักงันในรัฐบาลเลบานอนอีกครั้ง