ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 2 ก.ย.63 ปิดที่ 1,315.88 จุด บวก 10.31 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 43,682.22 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 1,278.51 ล้านบาท
หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด SCC ปิด 369 บาท บวก 12 บาท, MINT ปิด 22.50 บาท บวก 0.70 บาท, CPALL ปิด 64 บาท บวก 1 บาท, BAM ปิด 22.20 บาท ลบ 0.30 และ KBANK ปิด 83.50 บาท บวก 0.75 บาท
ตลาดกลับมาปรับตัวเพิ่มขึ้นในภาคบ่ายหลังจากที่มีข่าวแผนกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่แจกเงิน 3,000 บาทให้ประชาชน
บล.เอเซียพลัส มองตลาดหุ้นสัปดาห์นี้ คาดมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว คือการพิจารณาทำ Travel Bubble เป็นรายพื้นที่ก่อน โดยกักตัวนักท่องเที่ยวในโรงแรมที่ได้รับอนุญาต ก่อนที่จะสามารถเดินทางท่องเที่ยวภายในจังหวัดนั้นๆได้ โดยคาดจะนำร่องในจังหวัดภูเก็ตก่อน หรือภูเก็ตโมเดล
ส่วนมาตรการต่างๆที่ออกมา เอเซียพลัสประเมินว่าอาจสามารถช่วยประคองเศรษฐกิจไทยไว้ได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นการนำมาตรการชุดเดิมมาต่อยอด จึงดูมีความน่าดึงดูดไม่มากนัก
แต่ในส่วนของ Sentiment เอเซียพลัสมีความคาดหวังจากมาตรการชุดใหม่จะเป็น Sentiment เชิงบวกในหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์ เช่น กลุ่มค้าปลีก (CRC, CPALL, SPVI), กลุ่มโรงแรม (CENTEL, MINT, ERW) และกลุ่มการบิน (AAV) เป็นต้น
ปิดท้ายมีมุมมองน่าสนใจ จาก บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ที่ระบุว่า ช่วง 3 วันที่ผ่านมา ดัชนีกลุ่ม Property Fund & REIT ปรับขึ้นต่อเนื่อง คาดว่ามาจากทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำมากและอีกยาวนาน ประกอบกับธุรกิจต่างๆทยอยฟื้นตัวหลังจากรัฐบาลปลด Lockdown
อย่างไรก็ตาม ดัชนีกลุ่มดังกล่าวยังห่างไกลจุดสูงสุดที่เคยทำไว้ในเดือน ก.ย.62 ที่ 264 จุด โดยปัจจุบันอยู่ที่ 188 จุด และระดับต่ำสุดอยู่ที่ 160 จุด
ทั้งนี้ แนะเลือกลงทุนในกองทุนที่สินทรัพย์มีโอกาสกลับไปดีและขยายตัวได้ต่อเนื่องในอนาคต เช่น กลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน (หุ้นที่แนะนำซื้อ คือ DIF, TFFIF) กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีอัตราการเช่าสูง (หุ้นที่แนะนำซื้อ ได้แก่ AIMRIT, WHART) เป็นต้น!!