
นายอักษร ขจรกาญจนกุล ประธานชมรมกุ้งตรังพัฒนา เปิดเผยว่า เกษตรกรเลี้ยงกุ้งรู้สึกแปลกใจกับการตัดสินใจของกรมประมงในครั้งนี้มากที่อนุมัตินำเข้ากุ้งจากเอกวาดอร์และอินเดียแบบไม่ทันตั้งตัว ทั้งที่ผ่านมา กรมปกป้องเกษตรกรมาตลอด เนื่องจากกุ้งที่นำเข้าจะทำให้ราคากุ้งในประเทศตกต่ำ ไม่มีเสถียรภาพ มีความเสี่ยงเรื่องโรคที่ติดมากับกุ้ง รวมถึงเกิดปัญหาคุณภาพความปลอดภัย การปนเปื้อนของสารเคมีต้องห้ามและยาปฏิชีวนะ จะสร้างความเสียหายกับผู้เลี้ยงและห่วงโซ่การผลิต
“เกษตรกรเลี้ยงกุ้งขอเรียกร้องให้รัฐบาลและกระทรวงเกษตรฯ ทบทวนนโยบายการนำเข้ากุ้งจากทั้งสองประเทศนี้อีกครั้ง โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศและอนาคตของเกษตรกรเลี้ยงกุ้งไทยที่มุ่งมั่นพัฒนาการเลี้ยงจนเป็นที่ยอมรับในระดับโลก ก่อนที่การนำเข้าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำลายห่วงโซ่การผลิตตลอดไป ที่ผ่านมา กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพาณิชย์ ยืนยันกุ้งทะเลที่มาจากการเพาะเลี้ยงที่จะนำเข้ามาในประเทศไทย ต้องมาจากแหล่ง ผลิตต้นทางที่มีระบบควบคุมโรคและระบบความปลอดภัยทางชีวภาพที่มีประสิทธิภาพตามมาตรฐานสากลในระดับเดียวกับประเทศไทย ซึ่งประเทศต้นทางที่ไทยจะนำเข้าสินค้ากุ้งทะเลนั้นจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กรมประมงกำหนดอย่างเข้มงวด”
นายอักษรกล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมเกษตรกรเลี้ยงกุ้งมาโดยตลอด ทั้งมาตรการส่งเสริมการเลี้ยงกุ้งแบบพัฒนาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเลี้ยง โดยเฉพาะด้านการผลิตที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน GAP (Good Aquaculture Practice) และมาตรฐานสากล รวมถึงการเจาะตลาดใหม่เพื่อเพิ่มช่องทางการส่งออก นอกจากนี้ การนำกุ้งจากต่างประเทศมาแปรรูปบรรจุใหม่ และนำไปส่งออกขายต่างประเทศในนามประเทศไทย อาจกระทบภาพลักษณ์กุ้งคุณภาพดีของไทยที่สร้างชื่อเสียงในระดับโลกมายาวนาน เป็นเรื่องที่ช็อกเกษตรกรมากที่รัฐบาลอนุญาตให้นำเข้ากุ้ง ทั้งที่ผ่านมากระทรวงเกษตรฯระงับการนำเข้ามาโดยตลอด ทำให้เกษตรกรมุ่งมั่นพัฒนาระบบการเลี้ยงเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลผลิต โดยมีราคาเป็นแรงจูงใจในการเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง หากมีการนำเข้ากุ้งจะทำให้ราคาในประเทศตกต่ำ ทำลายภาคการผลิตของเกษตรกรทั้งระยะสั้นและระยะยาว.