ต่างชาติซื้อบ้านในไทย นโยบายเรียก "มหาเศรษฐีทั่วโลก" รัฐยิ้มรับภาษี

Economics

Thai Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

ต่างชาติซื้อบ้านในไทย นโยบายเรียก "มหาเศรษฐีทั่วโลก" รัฐยิ้มรับภาษี

Date Time: 18 ก.ย. 2564 13:00 น.

Video

Jack Ma กลับมา จะพา Alibaba สร้างอำนาจใหม่ให้วงการเทคจีนได้ยังไง ? | Digital Frontiers EP.50

Summary

ต่างชาติซื้อบ้านในไทย นโยบายเรียก "มหาเศรษฐีทั่วโลก" คาดรัฐยิ้มรับภาษีไม่ต่ำกว่า 2.7 แสนล้านบาท ขณะที่ข้อมูลจาก REIC พบคนรัสเซีย และจีนชอบเช่าห้องชุดระยะยาวมากที่สุด

Latest


ต่างชาติซื้อบ้านในไทย นโยบายเรียก "มหาเศรษฐีทั่วโลก" คาดรัฐยิ้มรับภาษีไม่ต่ำกว่า 2.7 แสนล้านบาท ขณะที่ข้อมูลจาก REIC พบคนรัสเซีย และจีนชอบเช่าห้องชุดระยะยาวมากที่สุด

เมื่อวันที่ 18 ก.ย. 64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบหลักการมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนโดยการดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศไทย ในลักษณะผู้พำนักระยะยาว หรือ long-term stay ไปเมื่อวันที่ 14 ก.ย. 64 ตามที่ได้รายงานข่าวไปก่อนหน้านี้  

โดยประเด็นเรื่อง การแก้ไขกฎหมายหรือกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง เช่น กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการถือครองที่ดิน การบริหารจัดการการทำงาน หรือที่เรียกว่าการเปิดให้ชาวต่างชาติซื้อบ้านในไทย ที่กำลังกลายเป็นที่ถกเถียงกันในโลกออนไลน์อยู่ขณะนี้ 

สำหรับชาวต่างที่เป็นเป้าหมายของ  long-term stay มีดังนี้  

1. กลุ่มประชากรโลกผู้มีความมั่งคั่งสูง

2. กลุ่มผู้เกษียณอายุจากต่างประเทศ

3. กลุ่มที่ต้องการทำงานจากประเทศไทย

4. กลุ่มผู้มีทักษะเชี่ยวชาญพิเศษ

อย่างไรก็ตาม ทางรัฐบาลได้ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือ สภาพัฒน์ ดำเนินการหารือกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงการคลัง เพื่อพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

ทั้งนี้ สภาพัฒน์ ได้ประเมินระยะเวลาดำเนินการมาตรการดังกล่าวภายใน 5 ปีงบประมาณ ระหว่าง 2565-2569 โดยคาดว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนโดยการดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศไทย ในลักษณะผู้พำนักระยะยาว หรือ long-term stay จะมีผลดีดังนี้

- ช่วยเพิ่มจำนวนชาวต่างชาติที่พักอาศัยในไทย 1 ล้านคน

- เพิ่มปริมาณเงินใช้จ่ายในระบบเศรษฐกิจมูลค่า 1 ล้านล้านบาท

- เพิ่มการลงทุนในประเทศ 8 แสนล้านบาท

- สร้างรายได้จากการเก็บภาษีที่เพิ่มขึ้น 2.7 แสนล้านบาท

นอกจากนี้ จะทำให้ประเทศไทยมีบุคลากรที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านต่างๆ เพียงพอให้กับภาคธุรกิจที่รัฐบาลมุ่งส่งเสริมซึ่งสอดคล้องกับแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ (พ.ศ. 2561-2580) ในประเด็นอุตสาหกรรมและบริการแห่งอนาคต และโครงสร้างพื้นฐาน ระบบโลจิสติกส์และดิจิทัลอีกด้วย

ทั้งนี้ กระแสข่าวเรื่อง บ้านหลังที่สองของชาวต่างชาตินั้นเป็นที่พูดถึงในช่วงต้นปี 64 ที่ผ่านมา เพื่อดึงดูดชาวต่างชาติให้เข้ามาซื้อ หรือ Freehold หรือเช่าระยะยาว หรือ Leasehold ในอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยให้มากขึ้น

โดยมุ่งเน้นกลุ่มชาวต่างชาติที่เกษียณอายุแล้วให้มาพำนักระยะยาวในประเทศไทย เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีกำลังในการใช้จ่ายเงินสูงจากเงินบำนาญ เงินเก็บออม และประกันสุขภาพจากรัฐสวัสดิการ รวมถึง กลุ่มที่ต้องการเข้ามาซื้อเพื่อเป็นทรัพย์สิน กลุ่มนักลงทุนที่เข้ามาลงทุนในประเทศ

ทั้งนี้ เรื่องดังกล่าวยังอยู่ในขั้นตอนการศึกษาความเป็นไปได้ เพราะต้องมีการออกพระราชกำหนดการแก้ไขประมวลกฎหมายที่ดิน, พระราชบัญญัติอาคารชุด รวมไปถึงกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งการแก้กฎหมาย กฎเกณฑ์ และระเบียบต่างๆ ผ่านแนวทางเชิงนโยบาย 3 เรื่องหลักๆ คือ

1. ขยายเพดานสัดส่วนกรรมสิทธิ์ซื้อห้องชุดจากปัจจุบัน 49% เป็น 70-80%

2. ปลดล็อกต่างชาติซื้อบ้านพร้อมที่ดิน ระดับราคา 10-15 ล้านบาทขึ้นไป

3. กำหนดให้นักลงทุนต่างชาติทำสัญญาเช่าได้สูงสุด 30 ปี จะมีการขยายเพิ่มเป็น 50 ปี และต่อได้อีก 40 ปี

อย่างไรก็ตาม คงต้องรอรายละเอียดที่ชัดเจนอีกครั้งว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนโดยการดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศไทย ในลักษณะผู้พำนักระยะยาว หรือ long-term stay นี้จะออกมาลักษณะไหน 

พบชาวรัสเซีย และจีน ชอบห้องชุดมากที่สุด

ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ให้ข้อมูลก่อนหน้านี้ว่า ภาพรวมทั้งประเทศการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของคนต่างชาติในช่วงปี 2561-2563 มียอดโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุด 3 ปี สะสมรวมประมาณ 34,651 หน่วย หรือ มูลค่า 145,577 ล้านบาท เฉลี่ยปีละ 11,550 หน่วย มูลค่า 48,526 ล้านบาท

เมื่อพิจารณา 5 จังหวัดที่คนต่างชาติมีหน่วยโอนกรรมสิทธิ์ในห้องชุดสูงสุดถึง 96.2% ของหน่วยโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของคนต่างชาติทั้งประเทศแล้ว พบว่าภาพรวมสัดส่วนในหน่วยกรรมสิทธิ์ห้องชุดของคนต่างชาติทั้งประเทศ ในช่วงปี 2561-2563 มีเพียงประมาณ 9.0% มูลค่าเท่ากับ 14.7% โดยจังหวัดที่มีสัดส่วนสูงสุด คือ

1. ชลบุรี 30.3%

2. เชียงใหม่ 18.5%

3. ภูเก็ต 17.0%

4. กรุงเทพมหานคร 7.8%

5. สมุทรปราการ 6.3%

หากมองสัดส่วนในกรรมสิทธิ์ห้องชุดของคนต่างชาติในมิติของราคาห้องชุด พบว่าคนต่างชาติส่วนใหญ่ 77.6% มีหน่วยที่ซื้อและรับโอนกรรมสิทธิ์ในระดับราคาไม่เกิน 5 ล้านบาท แต่มีสัดส่วนในหน่วยกรรมสิทธิ์ห้องชุดเพียง 7.7% ของหน่วยโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดทั้งประเทศ

ขณะที่ห้องชุดในราคาเกินกว่า 5 ล้านบาท ซึ่งมีหน่วยที่ซื้อและรับโอนกรรมสิทธิ์รวมกันเพียง 22.4% กลับมีสัดส่วนในหน่วยกรรมสิทธิ์ห้องชุดสูงกว่า โดยมีประมาณ 20.0%

สำหรับสัญชาติของคนต่างชาติที่เข้ามาเช่าระยะยาว ที่โดดเด่นมี 2 สัญชาติ คือ รัสเซีย ที่มีสัดส่วนการเช่าถึง 43.2% ของการเช่าทั้งหมด และจีน มีสัดส่วนการเช่าถึง 23.5% ของการเช่าของคนต่างชาติทั้งหมด ซึ่งนิยมเช่าห้องชุดมากกว่าประเภทแนวราบ

ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่า ตลาดการเช่าระยะยาวปัจจุบันยังมีขนาดเล็กมาก ซึ่งอาจเป็นผลจากระยะเวลาในการให้เช่ามีเพียง 30 ปี และสามารถต่อคราวละ 30 ปี อาจยังไม่จูงใจให้คนต่างชาติเข้ามาเช่าที่อยู่อาศัยระยะยาวในประเทศไทย ดังนั้น หากขยายเวลาเช่าระยะยาวออกเป็น 50 ปี และต่อได้อีก 40 ปี ก็น่าจะสร้างความมั่นใจในการตัดสินใจของต่างชาติมากขึ้น และถือเป็น Lifetime Tenant หรือ สิทธิ์ในการอยู่อาศัยต้นในชั่วชีวิตของคนเช่า

ทั้งนี้ เพราะชาวต่างชาติอาจกังวลว่าการต่อสัญญาอาจมีความไม่แน่นอนในการปรับราคาขึ้นของที่ดิน หรือ การเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการเช่า หรือ เจ้าของต้องการใช้ที่ดินในลักษณะอื่น เป็นต้น ฉะนั้น ถ้าชาวต่างชาติสามารถเช่าได้ถึง 90 ปี ด้วยการทำสัญญา 2 ครั้ง แทนที่จะเป็น 3 ครั้ง เท่ากับสามารถลดความเสี่ยงไปได้ 1 ใน 3 (อ่านบทความเต็มทั้งหมดที่นี่)  


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ