จากจุดเริ่มต้น...
สู่ปลายทาง
ตัวเลขผู้ติดเชื้อบ่งบอกความเป็นไปของการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 อย่างเป็นรูปธรรมอย่างของไทยที่ปรากฏชัดเจน
คือลดลงจนใกล้ถึงศูนย์ (0) อันพึงปรารถนา
นั่นก็อยู่ที่ว่าจะรักษาระดับตัวเลขให้ไปได้ตลอดรอดฝั่งแค่ไหน ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการของรัฐบาลและความร่วมมือของประชาชน
น้ำหนักความสำคัญคือ ความเป็นหนึ่งเดียวกัน
หลังรัฐบาลปลดล็อกมาตรการระยะที่ 1 คือให้เปิดกิจการได้ 6 ประเภท ก็เป็นเครื่องพิสูจน์ว่า การ์ดตกหรือไม่
แม้โดยรวมเป็นไปได้ดีพอสมควร แต่ก็ยังมีความเสี่ยงอยู่ไม่น้อยเมื่อมีการละเมิดและไม่ปฏิบัติตามกติกา
รัฐบาลประกาศชัดเจนว่า หากมีปัญหาก็จะสั่งปิดทันทีในกิจการนั้น พร้อมๆกับบอกว่า หากทุกอย่างไปได้ดีได้มีการเตรียมการเอาไว้แล้ว
คือเปิดเฟส 2 ตามมาทันที
ในห้วงรอยต่อนี้ยังมีปัญหาอยู่ 2 อย่างที่ต้องดำเนินการเร่งด่วนตั้งแต่การเยียวยาช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบทั้งระบบ ซึ่งเรื่องนี้มีความจำเป็นที่จะทำให้ประชาชนหายจากอาการไข้จนฟื้นขึ้นมาได้
ที่หนักอีกเรื่องหนึ่งซึ่งหนักหนาไม่ใช่เล่นก็คือ การฟื้นฟูเศรษฐกิจและทิศทางในอนาคตข้างหน้าว่า “เราจะไปทางไหน” ในความเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่
การบ้านข้อนี้ดูเหมือนว่านายกฯได้ตั้งโจทย์เอาไว้แล้ว ด้วยการระดมความคิดจากภาคส่วนต่างๆ เช่น การขอความเห็นจาก 20 มหาเศรษฐี ตั้งทีมที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจคณะหนึ่งและรับฟังข้อมูลจากภาคส่วนต่างๆ
เพื่อหาจุดลงตัวกำหนดทิศทางให้ชัดเจน
แน่นอนว่าการระบาดของไวรัสครั้งนี้สิ่งที่ให้คำตอบอยู่อย่างหนึ่งคือ ทุกคนไม่ว่าจะยากดีมีจนเศรษฐีเงินล้นฟ้าแค่ไหนก็ตามล้วนกลับมาสู่พื้นฐานเดียวกันคือ ต่างก็เท่าเทียมกันหมดที่ไวรัสพร้อมทำลายล้างทั้งหมด
ชะตากรรมของทุกคนล้วนผูกโยงเอาไว้ด้วยกันอย่างแยกไม่ออก
ไม่มีใครแน่กว่าใคร ไม่มีใครใหญ่กว่าใคร
ที่เห็นชัดเจนภาคธุรกิจขนาดไหนก็ตามต่างไม่มีใครจะแยกตัวไปจากสังคมได้ เพราะต่างก็ต้องเดินไปพร้อมๆกันจับมือไปด้วยกัน
อยู่ที่ว่ารัฐบาลในฐานะองค์กรนำจะผสมผสานหลอมรวมให้เป็นหนึ่งได้มากน้อยแค่ไหนในความแตกต่างที่เคยดำรงอยู่
เพราะที่เห็นและเป็นอยู่นั้นโควิด-19 ได้สร้างปรากฏการณ์ที่ทำให้มุมต่างๆบนโลกใบนี้ทั้งมุมดีและมุมด้อย
จึงเป็นโอกาสที่จะได้แก้ไขความบกพร่องผิดพลาดของโลกได้
“นักการเมือง” ก็มิอาจหลุดพ้นไปจากวงจรนี้ได้ หากไม่คิดปรับเปลี่ยนความคิด พฤติกรรมและยังมุ่งหาประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง
เท่ากับว่าจะต้องถูกกวาดตกเวทีไปอย่างน่าอนาถ
อย่างบรรดามีที่เห็นพฤติกรรมการแสดงออกในห้วงที่สังคมกำลังเผชิญภัยอยู่ในขณะนี้หวังเอาชนะทางการเมืองด้วยรูปลักษณ์แบบเก่าๆยิ่งกว่าเต่าล้านปี
คงไม่เคยส่องกระจกดูตัวเองว่ามันน่าทุเรศแค่ไหน?