เจาะบทเรียนของ “ปลาวัน Farm to Table” แนวคิดวิถีธุรกิจต้นน้ำถึงปลายน้ำ จากฟาร์มออร์แกนิก 100 ไร่ที่มีสวนผัก ฟาร์มปลา ไปสู่โต๊ะในร้านอาหาร ผสานดันยอดขายด้วย TikTok Shop การไลฟ์และวิดีโอสั้น ที่ถ่ายทอดความรู้แก่ผู้คนด้วยความเชื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต

เดินทางสู่จังหวัดสมุทรสาคร ไปเยี่ยมฟาร์มเกษตรออร์แกนิก ของอดีตยุวเกษตรกรตัวอย่าง บนพื้นที่กว่า 100 ไร่ ประกอบไปด้วยบ่อปลา บ่อกุ้ง รายล้อมด้วยต้นมะพร้าวน้ำหอม เล้าไก่ โคกระบือ โรงผลิตน้ำตาลมะพร้าว สวนผักออร์แกนิก ร้านอาหาร และกำลังจะขยับขยายสำหรับพื้นที่โรงงาน จำนวนเตาเผา รองรับการเติบโตไปสู่ห้างโมเดิร์นเทรด และตลาดต่างประเทศ กับ “ปลาวัน Farm to Table” ทั้งหมดนี้ ของหญิงสาวที่ชื่อ "ยุ้ย" นางสาวณัฐสุดา จั่นบางยาง เจ้าของร้านและผู้ฟูมฟักธุรกิจเกษตรของครอบครัว

จากเด็กจบ ป.6 สู่จุดเปลี่ยนก้าวสู่การเรียนไปทำเกษตรไป 

เกษตรกร คือ อาชีพดั้งเดิมของครอบครัวน้องยุ้ย ภาพความชินตาตั้งแต่จำความได้ คือ บ้านที่มีบ่อปลานิล บ่อกุ้ง ที่นา และปัญหาโดนกดราคาจากพ่อค้าคนกลาง สมาชิกในครอบครัวแพ้สารเคมีที่ใช้ทำการเกษตร สภาพดินเสื่อมโทรมลงจนเริ่มกระทบผลผลิต เมื่อยุ้ยเรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เธอจึงตัดสินใจไม่เรียนต่อในระบบสายสามัญ เหมือนเช่นเด็กคนอื่นๆ แต่เริ่มบทเรียนใหม่นอกห้องเรียนในวิชาที่เธอมั่นใจว่า จะได้ใช้ทั้งชีวิต นอกจากการลงมือทำจริงแล้ว เธอตัดสินใจเข้าร่วมโครงการฝึกงานผู้นำเยาวชนเกษตรกรไทยในประเทศญี่ปุ่น หรือ (The Japan Agricultural Exchange Council หรือ JAEC) ความรู้และการฝึกหัดจากที่นั่นทำให้เธอสามารถพลิกฟื้นที่ดินเสื่อมโทรมลงจากจากการใช้สารเคมี ฟื้นสู่สวนเกษตรออร์แกนิกได้ และเริ่มทำธุรกิจของตัวเองที่สามารถตัดพ่อค้าคนกลางออกไปจากวงจรได้ 

...

น้องยุ้ย เจ้าของ ปลาวัน Farm to Table กล่าวว่า ปลาและกุ้งจากสวนของปลาวัน แทบจะไม่มีความเสี่ยงจากโรคเพราะเราเลี้ยงแบบธรรมชาติ เราให้พวกเขาใช้ชีวิตในสภาพแวดล้อมที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ แทนที่จะขายส่งไปยังตลาดร้านค้า เพราะปลาวันนำปลามาเผาแล้วขายเอง ซึ่งได้กระแสตอบรับดีจากลูกค้า จึงขยายเป็นร้านอาหาร เราเพิ่มเมนูจากวัตถุดิบคุณภาพจากสวนของเราให้ลูกค้า สิ่งที่ต้องคิดต่อมาคือชื่อที่จะให้ลูกค้าเรียกเราไปตลอด จึงนำจุดเริ่มต้น และชื่อสมาชิกครอบครัวมาเป็นไอเดียตั้งชื่อร้าน “ปลา” คือ “ปลานิล” ผลผลิตแรกที่ทำให้ร้านตั้งตัวได้ และ “วัน” มาจากชื่อคุณแม่ที่หาเลี้ยงชีพครอบครัวด้วยการทำสวน รวมกันเป็น “ปลาวัน Farm to Table”

เพราะทุกอย่างเป็นโอกาส ไปสู่ แนวคิดเกษตรกรยุคใหม่ในสภาวะโลกร้อน

นางสาวณัฐสุดา กล่าวต่อว่า สภาพอากาศร้อนทำให้มะพร้าวติดลูกยาก เราเลยหันมาเปิดตลาดขายน้ำจากช่อดอกแทน เนื่องจากต้นมะพร้าวออกดอกตลอดเวลา จากที่คุยกับเกษตรกรที่รู้จักกัน ให้ข้อมูลว่าสิ่งนี้ทำรายได้ได้ดี ขณะที่บ่อปลา บ่อกุ้ง ก็มีความเสี่ยงที่น้ำจะเสียเร็วขึ้น หรือติดโรค เราจึงลดความหนาแน่นจำนวนปลาและกุ้งที่เลี้ยงในบ่อ จาก 1,500 ตัว/ไร่ เหลือ 1,000 ตัว ส่วนผักสดเราก็เลื่อนไปปลูกช่วงฤดูหนาวแทน เพราะอากาศที่ร้อนทำให้แมลงเยอะ ทำให้ผลผลิตออกมาไม่ดีเท่าที่ควร

ในฝั่งธุรกิจร้านอาหาร เราก็ปรับรูปแบบบริการให้เข้ากับการห่อกลับบ้าน หรือ takeaway มากขึ้น รวมถึงการขายผัก ขายเนื้อสัตว์ต่างๆ จากสวนเรา และสวนอื่นๆ ในละแวกร้าน การมองเห็นโอกาสและการปรับตัวทำให้ธุรกิจฟาร์มของคุณยุ้ยใช้เวลาไม่นานก็คืนทุนได้ บ่อกุ้งคืนทุนภายใน 3 เดือนแรก บ่อปลานิลใช้เวลา 1 ปี น้ำตาลมะพร้าวคืนทุนภายใน 5 เดือน ส่วนร้านอาหารรวมค่าปลูกสร้างและอุปกรณ์ต่างๆ รวม 3 ปี 

...

กระแสตอบรับ Farm to Table บนโลกออนไลน์พุ่งด้วยคอนเทนต์ที่จริงใจ 

เจ้าของ ปลาวัน Farm to Table กล่าวถึงการใช้สื่อออนไลน์ว่า เกษตรกรยุคนี้จะมีความรู้แค่เรื่องเกษตรอย่างเดียวไม่ได้ เราต้องสามารถนำเสนอร้านให้เป็นด้วย จากที่เคยลงทุนกับการยิงแอดบนโซเชียลมีเดีย แต่ดูเหมือนว่า อัลกอริทึมมันจะสู้กลับ ผลตอบรับไม่ได้ดีเท่าที่ควร จนกระทั่งมาเปิดร้านบน TikTok Shop เมื่อสองปีที่แล้ว ทำให้คนรู้จักแบรนด์เรามากขึ้น ปัจจุบันเราสื่อสารกับลูกค้าผ่านแพลตฟอร์มนี้ 100% และทำให้รายได้ต่อปีเพิ่มขึ้น 25% 

...

ยุ้ยได้แรงบันดาลใจจากการเข้าร่วมโครงการที่ประเทศญี่ปุ่น ที่เกษตรกรทำงานตั้งแต่ ‘ต้นน้ำถึงปลายน้ำ’ ผู้บริโภคจะเห็นกระบวนการที่มาของวัตถุดิบ ตั้งแต่ต้นทางจนจัดเสิร์ฟลงจาน จึงมาปรับให้เข้าธุรกิจของตัวเองผ่านการไลฟ์ โดยนำเสนอกระบวนการทำงานตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำที่น่าสนใจ รวมถึงการให้กลเม็ดเคล็ดลับต่างๆ ในการทำการเกษตรสมัยใหม่ และทำธุรกิจโดยไม่หวงความรู้ ทำให้ลูกซื้อตัดสินใจซื้อสินค้าอย่างรวดเร็วกว่าซื้อตรงจากหน้าร้าน 

“ยุ้ยเรียนหนังสือไม่สูง อาศัยการเรียนรู้ด้วยตนเอง คนอาจไม่ได้เห็นค่าตรงนี้ แต่ TikTok Shop ทำให้เรามีตัวตน คนเริ่มเข้ามาดูจากความอยากรู้ ยุ้ยลงคอนเทนต์เพียง 2-3 คลิปคนก็เริ่มติดตามและชื่นชมคอนเทนต์ของเรา เราจึงเริ่มถ่ายคลิปตามสวนต่างๆ ทั่วประเทศที่รู้จักผ่านโครงการ Young Smart Farmer ทั่วประเทศ โดยเราให้ความรู้ในสิ่งที่คนทั่วไปไม่รู้ พอลูกค้ารู้สนใจก็ไปอุดหนุนผลผลิตและเข้าถึงวัตถุดิบคุณภาพที่สวนเหล่านั้นกันมากขึ้น นั่นทำให้ยุ้ยยิ่งรู้สึกว่าเรามี ‘คุณค่า’ ที่ช่วยเหลือคนอื่น และทำให้ครอบครัวภูมิใจ” น้องยุ้ย กล่าว

...

ยุ้ยนำเสนอคอนเทนต์ที่ให้พลังงานบวก และความอยากส่งต่อวัตถุดิบคุณภาพ สอดแทรกความรู้ในการทำสวน ผู้ชมก็ได้รับรู้ได้ถึงความจริงใจ และความหวังดีของเราจึงติดตามกันมาเรื่อยๆ ทุกวันนี้ยุ้ยจะถ่ายคลิปตามสวนต่างๆ เช่น สวนองุ่น บ่อปลา ฯลฯ สลับกับการไลฟ์ขายน้ำตาลมะพร้าวสด ที่ไม่ผสมน้ำตาล คนดูจะได้เห็นกรรมวิธีของเราที่โปร่งใส และพูดคุยกับร้านได้โดยตรง ทำให้คนเชื่อถือในคุณภาพสินค้าและคอนเทนต์ของเรา

เจ้าของ ปลาวัน Farm to Table กล่าวอีกว่า น้ำตาลมะพร้าวไม่ปนน้ำตาลทราย, น้ำตาลมะพร้าวน้ำหอมไม่ปนน้ำตาลทรายเคี่ยวแห้ง, น้ำช่อดอกมะพร้าว คือผลิตภัณฑ์หลักที่วางขายทั้งหน้าร้านและออนไลน์ ช่วงแรกๆ ขายยังไม่ค่อยดี แต่พอเริ่มไลฟ์บน TikTok Shop กลับขายได้ดีชนิดที่ผลิตไม่ทันออเดอร์ กลุ่มลูกค้าที่เข้ามามีทั้งซื้อดื่มบริโภคเองและนำไปใช้ต่อตามร้านอาหาร ร้านกาแฟ ออเดอร์จำนวนมากจาก TikTok Shop ทำให้ร้านต้องเพิ่มปริมาณวัตถุดิบโดยซื้อจากสวนอื่นๆ ในละแวกใกล้เคียง ไม่เพียงเจอตลาดใหม่ แต่ทำให้แบรนด์สามารถเพิ่มสัดส่วนลูกค้าในเขตกรุงเทพฯ จาก 15% เป็น 25% และยังสามารถกระจายรายได้ให้กับชาวสวนเหล่านั้นในราคาที่ดีกว่าเดิม

ฝันให้ไกล ไปสู้เป้าหมายใหญ่ คือ ขยายธุรกิจบุกตลาดใหม่โต 200%

ความนิยมบนโลก TikTok สร้างโอกาสทางธุรกิจในแบรนด์ปลาวัน Farm to Table ไม่ว่าจะเป็นการได้รับการถูกเสนอให้นำสินค้าขึ้นห้างสรรพสินค้า หรือการได้รับติดต่อจากตัวแทนในการส่งออกสินค้าไปขายยังประเทศแถบตะวันออกกลาง ปีนี้คุณยุ้ยจึงวางแผนขยับขยายกระบวนการผลิต เช่น การเพิ่มเตา, การสร้างโรงงาน ฯลฯ หากทำสำเร็จคาดว่าจะมีตัวเลขการเติบโตสูง 2-3 เท่า หรือคิดเป็น 200-300% ในระยะ 2-3 ปีนี้

ในฝั่งธุรกิจร้านอาหาร ทางตัวยุ้ย วางแผนขยายเปิดร้านในกรุงเทพฯ โดยมองว่าลูกค้าจะชอบจุดขายที่เป็น Farm to Table ทานของสด หรือ วัตถุดิบคุณภาพที่มาจากสวนโดยตรง ซึ่งคาดว่าจะโตเพิ่มขึ้นจาก 200,000 บาทต่อเดือนในปัจจุบัน เป็น 500,000 บาทต่อเดือน ส่วนหน้าร้านนั้นก็ยังเติบโตมากเพราะลูกค้ารู้จักร้านจากการไลฟ์บน TikTok Shop แล้วมาที่ร้าน โดยสัดส่วนลูกค้าจาก TikTok Shop มีถึง 95% และ 5 เปอร์เซ็นต์มาจากร้านค้าและร้านอาหาร

เชื่อใน Lifelong Learning แล้วสร้าง Lifelong Customer

เพราะไม่มีอะไรยากแค่ต้องลงมือทำไปเรื่อยๆ ความสำเร็จวันนี้พิสูจน์สิ่งที่ตัวเองได้ลงมือทำในฐานะเกษตรกรรุ่นใหม่ ที่พาร้านและแบรนด์เติบโตตามยุคสมัยได้ โดยไม่ทิ้งจุดยืนของแบรนด์ที่ยังคงนำเสนอวัตถุดิบคุณภาพสู่ผู้บริโภค แรกเริ่มนั้นตัวเองไม่มีความรู้ในการทำร้าน เราก็ออกไปดูตัวอย่างแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จ ไปเข้าอบรบ เรียนคอร์สต่างๆ และนำความรู้เหล่านั้นมาใช้ประกอบธุรกิจ ยิ่งช่วงที่มาเปิดร้านบน TikTok Shop เราต้องศึกษามากขึ้นทั้งกฎของแพลตฟอร์ม พฤติกรรมผู้บริโภค และทักษะการเล่าเรื่องในรูปแบบวิดีโอ เราทำไปเรื่อยๆ จนถึงวันที่คลิปมียอดชมหลักล้าน พร้อมๆ กับผู้ติดตามและยอดออเดอร์

โดยแก่นหลักและทริกในการทำคอนเทนต์ของช่องปลาวัน Farm to Table มีดังนี้

1.นำเสนอข้อมูล ความรู้ และประสบการณ์จากชาวสวนตัวจริง โดยทำคอนเทนต์ตามฤดูกาล

2.ใส่จังหวะเซอร์ไพรส์และนำเสนอเรื่องราวที่ไม่น่าเบื่อ เพื่อดึงดูดให้ผู้ชมอยู่จนจบคลิป เช่น สลับฉากไปมา, ใส่ซาวนด์และพากย์เสียงให้น่าสนใจ ฯลฯ

3.เรียนรู้และพัฒนาจากฟีดแบ็กคนดู ศึกษาช่องอื่นๆ ที่นำเสนอคอนเทนต์ในรูปแบบเดียวกัน รวมถึงศึกษาเทคนิคการขาย และกฎระเบียบจาก TikTok Shop Academy 

"เรารักการเป็นเกษตรกรและอยากทำให้มันเป็นอาชีพที่ยั่งยืนได้ การที่เราเลือกทำธุรกิจรูปแบบ Farm to Table ทำให้เราสามารถควบคุมต้นทุนและคุณภาพสินค้าอย่างดีที่สุดให้กับลูกค้าได้ ยุ้ยเชื่อเสมอว่าการทำธุรกิจต้องรู้จักลูกค้าของเราก่อน เริ่มต้นจากความจริงใจและการให้ เมื่อลูกค้าเห็นคุณค่าของสิ่งที่ได้ไป พวกเขาก็จะอยู่กับเราไปเรื่อยๆ กลายเป็น Lifelong customer ของเราไปตลอด" ยุ้ย ณัฐสุดา เกษตรกรรุ่นใหม่ กล่าวทิ้งท้าย.