กรมวิชาการเกษตร เดินหน้าดำเนินการขยายผลงานวิจัย พร้อมใช้ประโยชน์ด้านพืชพันธุ์ดีและเทคโนโลยีการผลิตพืช สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ชูศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรเพชรบุรี ถ่ายทอดความรู้การปลูกสับปะรดพันธุ์เพชรบุรี อ้อยคั้นน้ำสุพรรณบุรี 50
นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า กรมวิชาการเกษตร ได้ดำเนินการขยายผลงานวิจัยพร้อมใช้ประโยชน์ด้านพืชพันธุ์ดีและเทคโนโลยีการผลิตพืชสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ตามแนวพระราชดำริ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ซึ่งปัจจุบันโครงการตามแนวพระราชดำริต่างๆ ก็ยังคงได้รับการสืบสาน รักษา ต่อยอดจาก พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ในการช่วยเหลือพัฒนาคุณภาพความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ก่อให้เกิดโครงการตามแนวพระราชดำริมากกว่า 100 โครงการ
...
ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรเพชรบุรี สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 5 หน่วยงานในพื้นที่ของกรมวิชาการเกษตรที่ได้ร่วมบูรณาการและสนองแนวพระราชดำริผ่านโครงการพระราชดำริต่างๆ ตัวอย่างหนึ่งของการดำเนินการขับเคลื่อนงานวิจัย คือ การขยายผลการผลิตพืชพันธุ์ดีและเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับสภาพภูมิสังคมของเกษตรในพื้นที่ อำเภอท่ายาง และ อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี โดยดำเนินงานภายใต้โครงการตามแนวพระราชดำริ 3 โครงการ ได้แก่ โครงการชั่งหัวมันตามพระราชดำริ โครงการตามพระราชประสงค์ดอนขุนห้วย และโครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยทรายอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า พืชพันธุ์ดีและเทคโนโลยีการผลิตพืชนับเป็นตัวแปรสำคัญที่ช่วยยกระดับมาตรฐานการผลิตของเกษตรกร โดยพืชพันธุ์ดีที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรเพชบุรีได้กระจายพันธุ์ดีสู่เกษตรกรโดยมีโครงการตามแนวพระราชดำริเป็นศูนย์กลางในการถ่ายทอดความรู้ ได้แก่ สับปะรดพันธุ์เพชรบุรี มีลักษณะเด่นคือ ให้ผลผลิตต่อไร่สูงกว่า 5.3 ตัน รสชาติหวานอมเปรี้ยว มีกลิ่นหอมเนื้อกรอบ สีเนื้อเหลืองอมส้มสม่ำเสมอ สามารถแกะแยกผลย่อย หรือตาออกจากกันโดยง่าย และอ้อยคั้นน้ำสุพรรณบุรี 50 มีลักษณะเด่นคือให้ผลผลิตน้ำอ้อยต่อไร่สูง รสชาติดี มีกลิ่นหอม น้ำอ้อยมีสีสวย สามารถไว้ตอได้ดี ไม่ต้องปลูกใหม่ทุกปี
...
นายระพีภัทร์ กล่าวต่อว่า ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรเพชรบุรี ได้ขยายผลการผลิตสับปะรดพันธุ์เพชรบุรีพร้อมเทคโนโลยีการผลิตของกรมวิชาการเกษตร คือ การใส่ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดินร่วมกับการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ และการปฏิบัติตามแนวทางการป้องกันกำจัดโรคเหี่ยวในสับปะรดตามคำแนะนำจะมีผลผลิตต่อไร่เฉลี่ย 7.7 ตัน ซึ่งหากมีการปลูกสับปะรดพันธุ์เพชรบุรีทดแทนพันธุ์ปัตตาเวียจะส่งผลให้เกษตรมีรายได้เพิ่มขึ้นถึง 10,674 บาทต่อไร่ เมื่อคำนวณพื้นที่เพาะปลูกของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์รวมกับจังหวัดเพชรบุรีมีพื้นที่เพาะปลูกรวม194,000 ไร่ ส่งผลให้มีรายได้เพิ่มขึ้นถึง 2,071 ล้านบาท
อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวอีกว่า สำหรับอ้อยได้ดำเนินการขยายผลการผลิตอ้อยคั้นน้ำสุพรรณบุรี 50 โดยใช้เทคโนโลยีการใช้ชีวภัณฑ์แมลงหางหนีบขาวงแหวนในการควบคุมแมลงศัตรูพืช และการปฏิบัติตามแนวทางการป้องกันกำจัดโรคใบขาวอ้อย ซึ่งการปฏิบัติตามคำแนะนำดังกล่าวจะมีผลผลิตน้ำอ้อยต่อไร่สูงถึง 5,960 ลิตร ส่งผลให้เกษตรมีรายได้เพิ่มขึ้นถึง 7,420 บาทต่อไร่ เมื่อคำนวณพื้นที่เพาะปลูกของจังหวัดเพชรบุรีมีพื้นที่เพาะปลูกรวม 33,300 ไร่ ส่งผลให้มีรายได้เพิ่มขึ้นถึง 247 ล้านบาท ปัจจุบันมีเกษตรกรที่รับเทคโนโลยีดังกล่าวไปปรับใช้ และสามารถจัดทำเป็นแปลงขยายผลเทคโนโลยีได้อีก 17 ราย แบ่งเป็น เกษตรกรผู้ผลิตสับปะรด 12 ราย และเกษตรกรผู้ผลิตอ้อยคั้นน้ำ 5 ราย
...
“ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรเพชรบุรีได้ถ่ายทอดความรู้ และขยายผลให้กับผู้ที่เข้ามาศึกษาเรียนรู้ในโครงการตามแนวพระราชดำริให้เกษตรกรสามารรถนำมาปรับใช้ในการผลิตของตนเองได้ อีกทั้งยังช่วยยกระดับคุณภาพการผลิตให้เกษตรกรมีรายได้ที่ยั่งยืน พร้อมกับวางแผนการขับเคลื่อนต่อยอดผลงานในอนาคตเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็น การพัฒนาพืชพันธุ์ใหม่ การพัฒนาเทคโนโลยีการใช้ชีวภัณฑ์และปุ๋ยชีวภาพการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอัจฉริยะในการผลิตพืช รวมถึงการแปรรูปวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อส่งเสริมการพัฒนาที่ยังยืนให้เกษตรกร จากผลความสำเร็จดังกล่าวทำให้โครงการขยายผลงานวิจัยพร้อมใช้ประโยชน์ด้านพืชพันธุ์ดี และเทคโนโลยีการผลิตพืชสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ตามแนวพระราชดำริในพื้นที่จังหวัดเพชรบุรี ได้รับรางวัลโครงการพิเศษดีเด่นประจำปี 2566 ด้วย” นายระพีภัทร์ กล่าว.