จากปลาหมอคางดำสัตว์รุกรานต่างถิ่นที่ทำลายระบบนิเวศของสัตว์น้ำจืดไทย สู่ "เคยปลา" เมนูพื้นถิ่นในตำนานชาวปักษ์ใต้ สูตรเด็ดของป้าจิตร วัตถุดิบสำคัญของการทำแกงเคยปลารสเข้มข้น เผยเฉพาะเคยปลาสร้างรายได้จากการขาย กก.ละ 150 บาท
"เคยปลา" เป็นทางเลือกหนึ่งในการสร้างรายได้ให้กับชาวบ้าน “เคยปลา” คือวัตถุดิบสำหรับการปรุงอาหารเมนูประจำถิ่นนครศรีธรรมราชที่ชื่อว่า “แกงเคยปลา” แต่เดิมนั้นได้จากการแปรรูปปลาน้ำจืด ปลาน้ำกร่อยหลากหลายชนิด แต่ด้วยที่ปลาหมอคางดำมีมาก ได้มีการประยุกต์นำเนื้อปลาหมอคางดำมาสู่การทำเคยปลา ได้เนื้อเคยปลาออกมามีสีขาวนวลสะอาด เมื่อเปิดไหออกมาและเมื่อมีการนำไปแกงด้วยเครื่องแกงแบบปักษ์ใต้ ถิ่นนครศรีธรรมราช มีรสชาติเข้มข้นไม่แพ้ปลาชนิดอื่นๆ
...
ครอบครัวของป้าจิตร หรือ นางสมจิตร ดีชู ชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 10 ตำบลขนาบนาก อำเภอปากพนัง นครศรีธรรมราช ป้าจิตมีจุดรวบรวมปลาหมอคางดำ ที่บริเวณริมอ่างบำบัดน้ำเค็มของการชลประทานน้ำเค็ม บ้านหน้าโกฏิ นอกจากส่งขายให้กับแพปลาสำหรับทำปลาเหยื่อในราคา 20 บาท และมีการมารับซื้อเพื่อนำไปแปรรูปในหลายพื้นที่ ป้าจิตรยังได้นำมาทดลองแปรรูปเป็นเคยปลาตามกรรมวิธีที่สืบทอดกันมาหลายชั่วคน โดยกว่าจะเสร็จสิ้นกระบวนการเป็น “เคยปลา” ต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 3 เดือน
ป้าสมจิตร กล่าวต่อว่า กรรมวิธีทำเคยปลา เริ่มตั้งแต่นำปลาหมอคางดำที่ได้มาล้างให้สะอาดแล้ว มาขอดเกล็ดแล่เอาเฉพาะเนื้อ จากนั้นนำไปหมักเกลือ หลังจากนั้นต้องนำไปตากแดดจนเริ่มหมาด จากนั้นจึงนำมาตำให้เป็นเนื้อเดียวกันภาษาถิ่นจะเรียกว่าการ “เช” หลังจากนั้นจะนำไปตากแดดอีกรอบจนได้ที่ แล้วจึงนำมายัดใส่ไหใส่เกลือวิธีนี้เรียกว่า “ขัดน้ำ” ทิ้งไว้เป็นเวลา 3 เดือนเป็นอย่างน้อย หลังจากครบเวลาสามารถนำมาจำหน่ายได้ในราคากิโลกรัมละ 150 บาท ปัจจุบันที่ทำอยู่นั้นไม่พอจำหน่าย แต่ละรอบทำได้ประมาณ 300 กิโลกรัม สร้างรายได้ให้ไม่น้อย
...
ชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 10 กล่าวด้วยว่า ส่วนการถนอมอาหารแบบชาวปักษ์ใต้ ยังสามารถนำปลาหมอคางดำมาประยุกต์ได้ดี และรสชาติอร่อยไม่แพ้ปลาอื่นๆ เช่น ปลาเปรี้ยว ปลาส้ม พุงปลา ส่วนที่ทำได้ง่ายสุด คือ ปลาแดดเดียว จะทำให้รสชาติมีความหลากหลายมากกว่าปลาสดไปอีกมาก เป็นโอกาสของชาวบ้านที่ได้จากการแปรรูปหมอคางดำแม้จะเกิดวิกฤตการณ์ปลาหมอคางดำระบาดในพื้นอำเภอหัวไทร อำเภอปากพนัง และปัจจุบันมีการแจ้งเตือนการพบปลาชนิดนี้เพิ่มในอีก 2 อำเภอ คือ อำเภอเชียรใหญ่ และอำเภอท่าศาลา ยังไม่สามารถหาทางจัดการให้ออกจากระบบนิเวศได้.