พ่อค้าทุเรียนร้องกับสื่อ เจอคู่ค้าชาวไทยยึกยักโอนเงินซื้อทุเรียนกว่า 2 ตันเสร็จแล้วไม่ส่ง แจ้ง ตร.สกัดกระบะขณะขนทุเรียนเข้ามาจันทบุรี พบลูกทุเรียนตกไซส์ยัดไส้มาจำนวนมาก จ่อเอาผิดกับคู่ค้าต่อไป ส่วนคนขับรถกระบะไม่รู้ อ้างถูกจ้างให้ขนทุเรียนเท่านั้น
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 8 พ.ค. 2567 เมื่อช่วงเวลา 17.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ขลุง รับแจ้ง จากนายซู่เจียง (xu jiang) พ่อค้าทุเรียนชาวจีนว่า อาจมีการยักยอกทุเรียนกว่า 2 ตัน ขอให้ติดตาม มีรถต้องสงสัย ยี่ห้อโตโยต้า ทะเบียนราชบุรี บรรทุกทุเรียน วิ่งมาจาก จ.ตราด เข้ามาในพื้นที่ อ.ขลุง มุ่งหน้าไปทางจันทบุรี ก่อนประสานไปยัง สภ.แหลมสิงห์ เจ้าของพื้นที่ให้ช่วยสกัด ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสายตรวจรถยนต์ รถจักรยานยนต์ สภ.แหลมสิงห์ สกัดรถคันดังกล่าวได้ บริเวณใกล้วัดเจดีย์ทราย ขณะหันหน้ากลับมาทาง อ.ขลุง

ก่อนที่พ่อค้าจีน จะลงไปเจรจา ให้นำรถคันดังกล่าว วิ่งตามไปยังล้ง เนื่องจากทุเรียนบนรถทั้งหมดเป็นของตน ตนโอนเงินจ่ายไปแล้วโดยมีรถของเจ้าหน้าที่ตำรวจของ สภ.แหลมสิงห์ วิ่งตาม เพื่อนำทุเรียนทั้งหมด ขนถ่ายลง ยังล้งทุเรียนของนายซู่เจียง ตามข้อตกลงกับคนซื่อกุ้ง ทางเจ้าของรถกระบะ ก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี แต่ยังคงยืนยันว่าไม่รู้เรื่องการจ่ายเงินค่าทุเรียน โดยพ่อค้าจีนยืนกราน หากทุเรียน คุณภาพตรงตามที่ตกลง ทั้งสายพันธุ์ ขนาด น้ำหนัก แล้วตัวเองจะไม่เอาเรื่อง หากไม่เป็นไปตามข้อตกลง ก็จะแจ้งความดำเนินคดี กับคนชื่อกุ้งทันที
...

นายซู่เจียง พ่อค้าทุเรียนส่งออกชาวจีน กล่าวว่า เนื่องจากบริษัทเซียน ฟรุตส์ เทรดดิ้ง ตั้งที่ ต.เกาะขวาง อ.เมือง จ.จันทบุรี ของเพื่อนพ่อค้าด้วยกัน มีทุเรียนไม่พอขาดอยู่ 10 ตัน ตนจึงโทรหาเสมียนคนหนึ่ง ที่เคยทำงานด้วยกัน ให้ช่วยหาทุเรียนให้ เสมียนคนดังกล่าวก็บอกว่ามี เดี๋ยวแนะนำคนตัดทุเรียนให้ ชื่อกุ้ง โดยให้ติดต่อกับคนชื่อกุ้ง ตนเลยสอบถามไปว่ามีทุเรียนมั้ย เขาบอกมี 10 ตัน ตนจึงเข้าไปดูที่สวนแต่ไม่เจอคนชื่อกุ้ง เจอแค่คนตัดกับรถบรรทุกทุเรียน ซึ่งมีทุเรียนอยู่บนรถประมาณ 2 ตัน

จากนั้น จึงถามเจ้าของรถคันดังกล่าวว่า ให้ตนจ่ายเงินค่าทุเรียนที่สวนใช่ไหม ชายคนดังกล่าวบอกว่า เขาจ่ายแล้ว ไม่ต้องจ่ายที่สวน แต่ให้จ่ายที่คนชื่อกุ้ง ซึ่งตนเองไม่เคยเห็นเลย จากนั้นตนจึงโทรหาคนชื่อกุ้ง ขอซื้อทุเรียนกับคนชื่อกุ้ง มีการส่งรายการน้ำหนัก ราคา พร้อมหมายเลขบัญชี ก่อนโอนมีข้อตกลงว่าถ้าผมจ่าย ทุเรียนบนรถทั้งหมดเป็นของผมนะทางฝ่ายคนชื่อกุ้งก็ตอบกลับมาว่า "โอเค โอเค"

เมื่อได้คำตอบดังนั้นก็โอนเงินให้คนชื่อกุ้ง จำนวน 283,080 บาท จากนั้นตนก็บอกเจ้าของรถว่า ตนโอนเงินให้คนชื่อกุ้งแล้วนะ ทุเรียนทั้งหมดบนรถก็เป็นของตน แต่ทางเจ้าของรถกลับบอกว่า ไม่รู้นะ ผมต้องทำตามคำสั่งของคนชื่อกุ้งนะ ตนฟังแล้วก็เริ่มรู้สึกว่ามันแปลกๆ ก็เลยขับรถตามไป แต่รถบรรทุกทุเรียนออกแนวยึกยัก แวะปั๊มน้ำมัน แวะร้านสะดวกซื้อนานกว่าครึ่งชั่วโมง จอดคุยโทรศัพท์ ครั้งละนานๆ จู่ๆ เขาก็บอกว่า จะให้รอรถอีกคัน จากนั้นคนชื่อกุ้งก็โทรมา ให้รอรถอีกคัน มาดูทุเรียนไหม ผมจะไม่เก็บเงินคุณก่อน
นายซู่เจียง พ่อค้าจีน ได้ฟังคำตอบแล้ว ก็รู้สึกแปลกๆ ทำไมใจดีจัง แต่พ่อค้าจีนไม่เอาด้วย เอาคันนี้ดีกว่าจ่ายเงินแล้ว จากนั้นก็โทรหา สอบถามตกลงแจ้งสถานที่ที่ต้องมาส่ง พร้อมสอบถามว่ามีปัญหาอะไรหรือเปล่าก็ได้รับคำตอบว่ามาไม่ถูก เป็นคนแก่ ทางพ่อค้าจีนก็ตอบไปว่าหากมาไม่ถูกก็เปิดจีพีเอสมาก็ได้ จากนั้นพ่อค้าจีนจึงตัดสินใจโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ และพยายามสอบถาม จนนายยอดชายคนขับรถบรรทุกทุเรียน ยอมรับว่าคนชื่อกุ้งให้เอาไปลงที่อื่น
...

ทั้งนี้ คนขับรถบรรทุกทุเรียน อ้างว่าตนไม่รู้เรื่องการจ่ายเงิน ไม่รับรู้เรื่องการซื้อขาย เพราะตัวเองมีหน้าที่เพียงขับรถมา ตามคำสั่งของคนชื่อกุ้ง ตามหมุดที่ปักให้ แต่ระหว่างทางถูกสั่งให้รอ ขับขี่มาเรื่อยๆ ไม่บอกว่าให้รอตรงไหน แต่พอถามว่า คนชื่อกุ้งมาหรือยัง คนขับรถกระบะตอบว่าไม่รู้ พอถามว่าเขาให้ไปส่งที่ไหน ได้รับคำตอบว่ายังไม่รู้ว่าให้ไปส่งที่ไหน แต่ให้รอก่อน

...
เบื้องต้นพ่อค้าชาวจีน ไม่เอาเรื่องเนื่องจากได้ทุเรียนแล้ว แต่หากสายพันธุ์ ไม่ตรง น้ำหนักไม่ตรง ตนจะแจ้งความดำเนินคดี กับคนชื่อกุ้งทันที โดยขณะขนทุเรียนลง พบว่าลูกทุเรียนบนรถเป็น ทุเรียนตกไซส์ไม่ได้ขนาด ถูกยัดไส้มาอยู่เป็นจำนวนมาก ล่าสุดนายซู่เจียง พ่อค้าทุเรียนส่งออกชาวจีน เชื่อว่า ตัวคนขับรถบรรทุกทุเรียนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ก่อนเตรียมเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายกุ้ง คู่ค้าทุเรียนในลำดับต่อไป.