ชาวบ้านในตำบลจระเข้หิน อ.ครบุรี ใช้เวลาว่างเดินเก็บเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ที่อยู่ริมนามารวบรวมแล้วนำมาคั่วกินแบบพื้นบ้าน ชี้พืชที่โตไว ดูแลและให้ความร่มรื่นให้กับพื้นที่ในสวน แต่ไม่มีพื้นที่ขาย ทำให้ไม่มีราคา ทำให้ชาวบ้านเลิกปลูก โค่นทิ้งปลูกอย่างอื่นแทน

เมื่อวันที่ 22 เม.ย. 67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมพงษ์ สาระวัลย์ อายุ 47 ปี ชาวบ้านตำบลจระเข้หิน อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา ใช้เวลาว่างเดินเก็บเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ที่อยู่ริมสวนมารวบรวมเอาไว้ รอคั่วรับประทานภายในครอบครัวและไว้รอต้อนรับแขกเหรื่อที่จะแวะเวียนมาเยี่ยมเยียน ซึ่งนายสมพงษ์ บอกว่า ก่อนหน้านี้มะม่วงหิมพานต์นั้นจะพบได้ทั่วไปตามหัวไร่ปลายนาแทบทุกที่ แต่ตอนนี้กลับหาได้น้อยลงทุกที เพราะไม่มีตลาดรับซื้อขายเหมือนพืชการเกษตรทั่วไป

...

นายสมพงษ์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เมื่อประมาณกว่า 10 ปีที่แล้ว มะม่วงหิมพานต์จะพบได้ทั่วไปในพื้นที่อำเภอครบุรี จ.นครราชสีมา เพราะเคยเป็นที่นิยมปลูกจำหน่ายอยู่ช่วงหนึ่ง แต่ก็ไม่แน่ใจว่าเพราะอะไรในช่วงหลังเหมือนไม่มีใครมารับซื้อ จึงทำให้ชาวบ้านพากันเลิกปลูกและตัดทิ้งเพื่อปลูกพืชชนิดอื่นแทน  ทำให้ในตอนนี้มะม่วงหิมพานต์หาได้ค่อนข้างยากแล้วในพื้นที่ แต่ตัวเองยังเห็นว่ามะม่วงหิมพานต์ยังพอมีประโยชน์อยู่บ้าง เพราะเป็นพืชที่โตไว ดูแลและให้ความร่มรื่นให้กับพื้นที่อย่างดี จึงปลูกเอาไว้ประดับภายในสวน เพื่อให้เป็นพี่เลี้ยงของไม้ชนิดอื่นๆ และเก็บเม็ดเอาไว้คั่วใช้เป็นของทานเล่นไว้รับรองแขกที่จะแวะมาเยี่ยมเยียน 

ชาวบ้านตำบลจระเข้หิน กล่าวต่อว่า สำหรับเม็ดมะม่วงหิมพานต์ เป็นที่นิยมรับประทาน ด้วยรสชาติหอมมัน หากซื้อหากันตามตลาดทั่วไปจะมีราคาที่สูงอย่างมาก แต่ละปีในช่วงเดือนกลางเดือนมีนาคมเป็นต้นไป มะม่วงหิมพานต์จะติดลูกออกผล และร่วงหล่นให้ได้เก็บเกี่ยวในเดือนเมษายน ตัวเองก็จะอาศัยเวลาว่าง เก็บรวบรวมเอาเมล็ดมาเก็บไว้ เพื่อรอเวลาคั่วรับประทาน ซึ่งสามารถเก็บไว้ได้นานเป็นปีๆ เพียงแค่ไม่ให้มีความชื้นจนทำให้เมล็ดแตกหน่อเท่านั้น

...

นายสมพงษ์ กล่าวต่อว่า วิธีการคั่วเม็ดมะม่วงหิมพานต์นั้น ก็จะใช้วิธีการคั่วแบบบ้านๆ ตามภูมิปัญญาชาวบ้านที่สืบทอดต่อๆ กันมา ใส่หม้อคั่วจนน้ำมันเมล็ดออกแล้วจุดไฟภายในหม้อจนไฟลุกท่วมเพื่อให้เมล็ดสุกทั่วกัน ซึ่งขั้นตอนนี้ต้องอาศัยความชำนาญเป็นพิเศษ เพราะหากปล่อยให้ไหม้นานเกินไปก็จะทำให้เมล็ดด้านในไหม้ขม อีกทั้งยังค่อนข้างอันตราย จากนั้นก็จะนำมาทุบแกะเอาเม็ดในออก นำมารับประทาน ซึ่งก็จะเป็นขั้นตอนที่ใช้ระยะเวลาสักหน่อย แต่ก็ถือเป็นการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์และได้กินของดีราคาสูงโดยไม่ต้องเสียเงินอีกด้วย

สำหรับมะม่วงหิมพานต์เป็นไม้ไม่ผลัดใบ ลำต้นมีความสูง 10-12 เมตร ต้นเตี้ย สยายกิ่งก้านไม่สม่ำเสมอ ใบจัดเรียงเป็นแบบเกลียว ผิวมันลื่น รูปโค้งจนถึงรูปไข่ ขอบใบเรียบ ยอดอ่อนชาวภาคใต้ของไทยนิยมนำไปรับประทานกับส้มตำ ผลแท้ของมะม่วงหิมพานต์นั้นเป็นผลเมล็ดเดียว รูปไต หรือรูปนวมนักมวย งอกออกจากปลายของผลเทียม ที่มีลักษณะคล้ายลูกชมพู่ เมื่อสุกเต็มที่จะมีสีแดงและเหลือง ผลแท้จะนิยมนำมาผ่าเอาเมล็ดด้านในมาอบหรือคั่วรับประทาน

...

คุณประโยชน์ของ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ เป็นพืชที่มีคุณค่าทางสารอาหารสูง ประกอบด้วยโปรตีนที่ย่อยง่าย ไขมันที่ส่วนใหญ่เป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัว (เมื่อบริโภคเข้าไปจะไม่เพิ่มไขมันในเส้นเลือด) คาร์โบไฮเดรต วิตามินเอ, บี, อี และเกลือแร่ แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก มีสรรพคุณมากมาย อาทิ ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด ช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็ง บำรุงสุขภาพเหงือก สุขภาพฟันและกระดูกให้แข็งแรง ป้องกันการเกิดโรคกระดูกพรุนในผู้สูงอายุได้ นอกจากนี้การรับประทานเม็ดมะม่วงหิมพานต์เป็นประจำจะช่วยป้องกันโรคจอประสาทตาเสื่อมได้ การวิจัยในบราซิลและอินเดียพบว่าสารสกัดจากเปลือกต้นและสารสกัดจากส่วนเหนือดินของต้น สามารถช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ เมล็ดมีกรดไลโนเลอิก (Linoleic acid) ซึ่งช่วยป้องกันโรคไขมันอุดตันในเส้นเลือด ป้องกันโรคหัวใจและโรคเกี่ยวกับทรวงอกได้ แมกนีเซียมจากเม็ดมะม่วงหิมพานต์สามารถช่วยลดความดันโลหิตได้ด้วย.

...