ประธานาธิบดีแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี และภริยา เดินทางมาอุบลฯ เยี่ยมชมแปลงเกษตรสาธิต ขนาด 35 ไร่ ของโครงการระบบการผลิตข้าวยั่งยืนแบบองค์รวม ที่สวนตารมย์ บ้านดอนหมู ต.ขามเปี้ย อ.ตระการพืชผล และชมโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ลอยน้ำที่เขื่อนสิรินธร

เมื่อวันที่ 26 ม.ค. 67 ที่ท่าอากาศยานทหาร กองบิน 21 อ.เมืองอุบลราชธานี นายศุภศิษย์ กอเจริญยศ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี พร้อมด้วย ผู้ช่วยศาสตราจารย์จุรีรัตน์ กอเจริญยศ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดอุบลราชธานี/ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดอุบลราชธานี ให้การต้อนรับ นายฟรังค์ วัลเทอร์ ชไตน์ไมเออร์ ประธานาธิบดีแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี และภริยา ในการเดินทางเยือนจังหวัดอุบลราชธานี

...

ต่อมา ประธานาธิบดีแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี และภริยา พร้อมคณะ เดินทางเข้าเยี่ยมชมสวนตารมย์ บ้านดอนหมู อ.ตระการพืชผล จ.อุบลราชธานี ซึ่งเป็นพื้นที่แปลงเกษตรสาธิตขนาด 35 ไร่ ของโครงการระบบการผลิตข้าวยั่งยืนแบบองค์รวม (Inclusive Sustainable Rice Landscape: ISRL) โดยมี ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, นายศุภศิษย์ กอเจริญยศ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี, พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร, ผู้แทนจากกระทรวงฯ และจังหวัด ให้การต้อนรับ ตามกำหนดการเดินทางเยือนจังหวัดอุบลราชธานีอย่างเป็นทางการ

สำหรับอุบลราชธานีเป็นจังหวัดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง และมีพื้นที่สำหรับทำนาปลูกข้าวมากถึง 4.2 ล้านไร่ สำหรับกำหนดการเยี่ยมชมพื้นที่ครั้งนี้ ประธานาธิบดี และภริยา พร้อมคณะ ได้มีโอกาสพบปะกับเกษตรกรที่เป็นสมาชิกของโครงการ และผู้นำชุมชน เพื่อเรียนรู้แนวทางการทำงานผ่านฐานการเรียนรู้วิธีจัดการดินและน้ำ ประกอบด้วย การปรับระดับพื้นที่นาด้วยระบบเลเซอร์ เป็นเทคโนโลยีหลักที่จะช่วยลดอัตราการสูญเสียปุ๋ย และทำให้ข้าวได้รับปุ๋ยสม่ำเสมอทั่วกันทั้งแปลงนา ลดการใช้น้ำ และเชื้อเพลิงในการปลูกข้าว ด้วยวิธีจัดการน้ำแบบเปียกสลับแห้ง การใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดิน การทำปุ๋ยจากมูลสัตว์เพื่อลดต้นทุนการเกษตร การจัดการฟางข้าวเพื่อนำมาเป็นอาหารสัตว์ ลดการเผาฟางและตอซัง ขุดบ่อน้ำไว้ใช้ในพื้นที่เกษตร พร้อมเลี้ยงปลาเพื่อบริโภคและจำหน่ายเป็นรายได้เสริมของครัวเรือน และปลูกป่าไม้ยืนต้นบนคันนา ตามแนวทางวนเกษตร

สำหรับประเทศไทยเป็นหนึ่งในผู้นำด้านข้าวของโลก โดยมีปริมาณการผลิตจำนวน 30 ล้านตัน และส่งออกข้าวจำนวน 10 ล้านตัน อย่างไรก็ตามปริมาณการผลิตข้าวที่เพิ่มขึ้นตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมาโดยไม่มีแนวทางในการบริหารจัดการพื้นที่อย่างยั่งยืน ส่งผลให้มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพิ่มขึ้น การปลูกพืชเชิงเดี่ยว การรุกล้ำพื้นที่ป่าไม้ ทำให้ระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพเสื่อมโทรมต่อแหล่งที่อยู่อาศัยสัตว์ป่าและแนวเชื่อมต่อระหว่างพื้นที่คุ้มครองภายในภูมิประเทศ

...

โครงการระบบการผลิตข้าวยั่งยืนแบบองค์รวม ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาสิ่งแวดล้อมโลก (Global Environment Facility) ผ่านโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Environment Programme) โดยมีองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน หรือ GIZ เป็นผู้ดำเนินโครงการในพื้นที่นำร่องคืออุบลราชธานีและเชียงราย เพื่อสนับสนุนประเด็นด้านความหลากหลายทางชีวภาพ ลดความเสื่อมโทรมของที่ดิน และบรรเทาผลกระทบของสภาพภูมิอากาศ และเป็นการทำงานร่วมกันระหว่าง GIZ กรมการข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และบริษัทโอแลมอกริ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรเรียนรู้วิธีการจัดการระบบอาหาร ฟื้นฟูสภาพดิน และแนวทางการปรับเปลี่ยนภูมิทัศน์เพื่อปลูกข้าวอย่างยั่งยืน

...

นำมาสู่การปฏิบัติที่สามารถเพิ่มผลผลิตและรายได้อย่างมั่นคง พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภาคการเกษตรของไทยอย่างเป็นระบบ คาดว่าเกษตรกรกว่า 45,000 คน จะได้รับประโยชน์จากการเข้าร่วมโครงการ นำมาสู่การพัฒนาพื้นที่กว่า 652,500 ไร่ ให้เป็นพื้นที่การปลูกข้าวยั่งยืน และสามารถฟื้นพื้นที่สำหรับการปลูกป่า และพืชหมุนเวียน ได้มากกว่า 187,500 ไร่ และช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากภาคการเกษตรไทยได้มากถึง 3.2 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า และลดการใช้สารเคมีในกระบวนการเกษตรได้มากถึง 100 เมตริกตัน ภายในปีสิ้นสุดโครงการ พ.ศ.2570

...

จากนั้น ประธานาธิบดีแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี และภริยา พร้อมคณะ เดินทางไปศึกษาดูงาน ณ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทุ่นลอยน้ำไฮบริด ที่เขื่อนสิรินธร อ.สิรินธร จ.อุบลราชธานี ซึ่งดำเนินการโดย การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย โดยโรงงานดังกล่าวมีศักยภาพการผลิตกระแสไฟฟ้าแบบไฮบริดจากพลังงานแสงอาทิตย์ และพลังน้ำที่ใหญ่อันดับต้นของโลก ซึ่งช่วยส่งเสริมการบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนของไทยภายในปี ค.ศ.2050 อย่างเป็นรูปธรรม และเยี่ยมชมอุทยานแห่งชาติผาแต้ม อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี ต่อไป.