ดีเอสไอ ส่งสำนวนคดีพิเศษที่มี จนท.รัฐเอี่ยวกรณีหมูเถื่อน 161 ตู้ ไปยัง ป.ป.ช.ตามขั้นตอนกฎหมาย แยกคดีของชิปปิ้ง 9 สำนวนไปสอบสวนต่อ โดย 2 คดีเอี่ยว จนท.2 หน่วยงานกำลังสืบสวน ขณะที่ การค้นห้องเย็นนครปฐมพบมีหมูเข้าระบบรวม 253 ตันออกไปแล้ว 114 ตันเร่งขยายผลหาหมูที่เหลือ
เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 8 ธ.ค. 66 ที่ห้องรับรองกรมสอบสวนคดีพิเศษ ชั้น 2 อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ อาคารเอ ถนนแจ้งวัฒนะ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รักษาราชการในตำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วย พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ โฆษกดีเอสไอ พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ, พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ. และ นายวิทยา นีติธรรม โฆษกประจำสำนัก ปปง. ร่วมแถลงผลความคืบหน้าขบวนการนำเข้าสินค้าประเภทซากสัตว์ (สุกร) เข้ามาในราชอาณาจักรโดยมิชอบด้วยกฎหมาย (คดีพิเศษ 59/2566) จำนวน 161 ตู้ หนักประมาณ 4.5 ล้านกิโลกรัม
ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ กล่าวว่า ขณะนี้ ดีเอสไอ ส่งสำนวนคดีพิเศษที่ 59/2566 มีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องการกระทำผิดไปยังสำนักงาน ป.ป.ช. เพื่อดำเนินการตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 แล้ว อันเป็นการดำเนินการเฉพาะส่วนของเจ้าหน้าที่ของรัฐ จำนวน 1 สำนวนคดี และมีการแยกคดีพิเศษดำเนินคดีกับบริษัทชิปปิ้งเอกชน 9 คดี ที่เป็นบริษัทปรากฏหลักฐานว่านำเข้าสินค้าประเภทซากสัตว์ (สุกร) เข้ามาในราชอาณาจักร โดยมิชอบด้วยกฎหมายประกอบด้วยคดีพิเศษที่ 101-109/2566 ซึ่งมีการสืบสวนสอบสวนต่อเนื่องทุกคดี น่าเชื่อว่ามีการลักลอบนำเข้าซากสุกรอีกจำนวน 2,385 ตู้ ปริมาณ 59,625 ตัน โดยมี 2 คดีเกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่รัฐ 2 หน่วยงาน หลังพบหลักฐานเส้นทางการเงิน และ ขณะนี้ อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน ก่อนส่งสำนวน ป.ป.ช.ในขั้นตอนต่อไป
...

พ.ต.ต.ณฐพล กล่าวอีกว่า ส่วนการตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 3 แห่ง ในพื้นที่ จ.นครปฐม คดีพิเศษที่ 103/2566 วันที่ 7 ธ.ค. 2566 เนื่องจากพบเส้นทางการเงิน 259 ล้านบาท เชื่อมโยงการนำเข้าเนื้อหมูเถื่อนของบริษัท นายวิรัช และนายธนกฤต ภูริฉัตร กรรมการผู้มีอำนาจลงนามของบริษัท เว้ลท์ซี่ แอนด์ เฮ็ลธ์ซี ฟูดส์ จำกัด (WEALTY & HEALTHY FOODS CO.,LTD.) แต่ไม่มีการทำธุรกรรมซื้อขายแต่อย่างใด
เบื้องต้นมีการตรวจยึดพยานหลักฐาน รวมทั้งหมดพบการกระทำผิดซึ่งหน้า 1 จุด เป็นบริษัทประกอบธุรกิจห้องเย็น ตั้งอยู่ในพื้นที่ ต.ทุ่งน้อย อ.เมือง จ.นครปฐม ตรวจพบซากสุกร เป็นหมูสามชั้น จำนวน 11 ตัน ไม่มีใบอนุญาตเคลื่อนย้ายซากสัตว์ เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์จังหวัดนครปฐม ได้ดำเนินการตรวจยึดซากสุกรดังกล่าวเพื่อส่งพนักงานสอบสวน สภ.สามควายเผือก ดำเนินคดีต่อไป เนื่องจากพื้นที่ จ.นครปฐม เป็นพื้นที่ประกาศควบคุมโรคอหิวาตกโรคในสุกร (ห้ามไม่ให้ผู้ใดเคลื่อนย้ายสัตว์ในเขตห้ามเคลื่อนย้ายโดยไม่ได้รับอนุญาต) อันเป็นการป้องกันเหตุไม่ให้พี่น้องประชาชน ต้องบริโภคหมูที่ไม่ถูกสุขลักษณะด้วย คาดว่าลักลอบจำหน่ายในพื้นที่ ทั้งนี้ จากเอกสารของทางบริษัทห้องเย็นแห่งนี้ มีชิ้นส่วนสุกรเข้ามาแช่แข็งจำนวน 253 ตัน ถูกนำออกไปจากระบบแล้ว 114 ตัน ยังคงเหลืออยู่ที่โรงแช่เย็นจำนวน 84 ตัน ส่วนที่เหลืออีก 55 ตัน ไม่มีระบุในเอกสาร ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเร่งตรวจสอบว่าเนื้อส่วนนี้หายไปไหน
ล่าสุด ปศุสัตว์จังหวัดนครปฐม ร่วมกับดีเอสไอ เข้าตรวจสอบอีกครั้ง พบเนื้อหมูตกค้างในบริษัท 61 ตัน ซึ่งยังคงต้องตรวจสอบต่อไป หลังจากนี้ ดีเอสไอจะเรียก 4 กรรมการตัวแทนบริษัทกลุ่ม จ.นครปฐม มาสอบปากคำเพิ่มเติม เพราะพบว่ามีกลุ่มสุดท้ายที่จะขยายผลเป็นผู้โอนเงินมาให้ ก่อนกลุ่มบริษัท จ.นครปฐม โอนไปยังบริษัทสองพ่อลูก และโอนต่อ บริษัท มายเฮ้าส์ เทรดดิ้ง จำกัด ก่อนโอนเงินต่อไปต่างประเทศ รวมถึงพบความผิดปกติที่กลุ่มบริษัท จ.นครปฐม มีใบเคลื่อนย้ายจำนวน 3 ชุด ซึ่งมากกว่าผิดปกติ

กรณีนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ร้องต่อ บก.ปปป. ให้ตรวจสอบเจ้าหน้าที่ดีเอสไอและอดีตนักข่าว 2 คน เรียกรับผลประโยชน์จากบริษัทเดินเรือ จำนวน 12 ล้านบาท ดีเอสไอจะดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงเจ้าหน้าที่ที่ถูกพาดพิง สำหรับ ผู้แทนของบริษัท สยามแม็คโคร เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาได้ยื่นเอกสารจำนวนกว่า 50 รายการ ซึ่งเป็นจำนวนครึ่งนึงของเอกสารทั้งหมด ซึ่งตัวแทนเปิดเผยว่าจะทยอยนำเอกสารที่เหลือเข้ามามอบให้กับพนักงานสอบสวน โดยไม่กำหนดระยะเวลาเพราะเอกสารต้องรวบรวมจากหลายแห่ง
...
ด้าน ประเด็นข้อสงสัยว่าบริษัท สยามแม็คโคร ประวิงเวลายื่นหลักฐานจะทำให้มีการปลอมแปลงเอกสารหรือไม่ ยืนยันไม่สามารถทำได้เนื่องจากเป็นเอกสารเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ของหน่วยงานรัฐ เพราะเอกสารต้องตรงกันตั้งแต่บริษัทนำเข้า ห้องเย็นและ ปลายทางบริษัท สยามแม็คโคร นอกจากนี้ ในสัปดาห์หน้า นายบริบูรณ์ ลออปักษิณ กรรมการผู้มีอำนาจลงนาม บริษัท ศิขัณทิน เทรดดิ้ง จำกัด และ บริษัท สมายล์ ท็อป เค เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด จะรวบรวมเอกสารมายืนยันว่าทั้ง 2 บริษัทดังกล่าว ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเข้าหมูเถื่อนจากต่างประเทศ
กรมสอบสวนคดีพิเศษจะมีการขยายผลตรวจค้นและดำเนินคดีกับผู้ต้องหาเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นกลุ่มนายทุน ข้าราชการการเมือง และอดีตข้าราชการ ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองระดับสูง นอกจากนี้ มีการคุ้มครองพยานแก่พยานรายสำคัญเป็น เจ้าหน้าที่รัฐและบริษัทชิปปิ้ง รวม 2 ราย อย่างไรก็ตาม ยังมีมาตรการใช้กฎหมายฟอกเงินดำเนินการยึดอายัดทรัพย์สินของผู้กระทำความผิด ที่รับโอนหรือเปลี่ยนแปลงทรัพย์สินเพื่อหลบเลี่ยงภาษีเพิ่มเติม

ส่วน นายวิทยา กล่าวสั้นๆ ว่า สำหรับทรัพย์สินทาง ปปง. ดำเนินการยึดอายัดทรัพย์ในคดีหมูเถื่อน ความผิดมูลฐานฟอกเงินแล้ว 53 ล้านบาท โดยสัปดาห์หน้าจะมีผลการดำเนินการเพิ่มเติม.
...