ขึ้นเทือกเขาโต๊ะเจ๊ะนิ ที่บ้านซีโป อ.ระแงะ ดูต้นลองกองอายุกว่า 250 ปี ที่ยืนยาวที่สุดในโลกที่นราธิวาส หลังชาวบ้านนำไปปลูกขยายพันธุ์ทั่วไทย จนเป็นที่มาของตำนานอันลือชื่อของ "ลองกองซีโปตันหยงมัส"

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการเก็บตกในวงสนทนา งานของดี ต.เฉลิม อ.ระแงะ จ.นราธิวาส บริเวณหน้าลานสนามฟุตบอล อบต.เฉลิม บ้านลูโบะกาเยาะ ม.5 ซึ่งยิ่งใหญ่ตระการตา มีการนำผลไม้ต่างๆ อาทิ ทุเรียน เงาะ มังคุด และลองกอง ในพื้นถิ่นมาแสดง โดยเฉพาะผลไม้ลองกองซึ่งมีมากกว่า 1 ตัน ที่นำมาให้ชาวบ้านที่เดินทางมาร่วมงานกว่า 1,000 คน มาชิมรสชาติจนถูกปากในความหอมหวานของลองกองซีโปแท้ๆ ซึ่งชาวบ้านส่วนใหญ่เมื่อลิ้มรสชาติแล้ว จึงถือโอกาสหยิบลองกองใส่ถุงเพื่อเป็นของฝากให้สมาชิกในครัวเรือนที่ไม่ได้เดินทางมาร่วมงานได้รับประทาน 

จากนั้นมีการเชิญชวนกันเดินทางไปดู ต้นลองกองซีโป ที่ถือว่าเป็นต้นพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ที่มีอายุกว่า 250 ปี และมีการการันตีว่ามีอายุยืนยาวที่สุดในโลก ที่ชาวบ้านในอดีตและปัจจุบันทั่วประเทศได้นำเมล็ดลองกองของต้นนี้นำไปปลูกขยายพันธุ์เป็นทอดๆ จนปัจจุบันมีลองกองปลูกกันทั่วประเทศ แต่ต้องยอมรับว่าการปลูกในแต่ละพื้นที่ลองกองจะมีรสชาติแตกต่างกันออกไป โดยเฉพาะผลลองกองที่ชาวบ้านเก็บเกี่ยวผลผลิตออกมาจำหน่ายตามท้องตลาด โดยเฉพาะพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทุกพื้นที่มักจะการันตีว่าเป็น ลองกองตันหยงมัส ซึ่งถือว่าไม่ผิดเพี้ยน และไม่ได้มีการแอบอ้างชื่อของลองกองตันหยงมัส เพื่อเป็นการดึงดูดลูกค้า ซึ่งข้อเท็จจริงแล้วลองกองทุกพื้นที่ทั่วไทยเป็นการขยายพันธุ์เป็นทอดๆ จากต้นพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ต้นหนึ่งเดียวต้นนี้

...

สำหรับผู้ที่เป็นเจ้าของต้นลองกองต้นนี้ ซึ่งถือได้ว่ากลายเป็นตำนานแห่งลองกองซีโป คือ นายดอเลาะ โบสะอิ อายุ 82 ปี ปัจจุบันลองกองต้นนี้ยังให้ผลผลิตในทุกๆ ปีของช่วงฤดูกาล จะมีผู้หลักผู้ใหญ่สั่งจองเพื่อซื้อหาเป็นขอฝาก ทำให้ลองกองที่ปลูกขยายพันธุ์ในสวนที่มีต้นพ่อพันธุ์แม่พันธุ์อายุกว่า 250 ปีดังกล่าวเป็นผลพลอยได้จากการสั่งซื้อไปด้วย แม้ราคาลองกองตามท้องตลาดในเกือบทุกๆ ปีจะตกต่ำเหลือเพียงกิโลกรัมละไม่กี่บาท แต่ลองกองสวนของนายดอเลาะจะมีราคามาตรฐานจำหน่ายในราคากิโลกรัมละ 60 บาทขึ้นไป

สำหรับต้นลองกองพ่อพันธุ์ หรือแม่พันธุ์สายพันธุ์ซีโปตันหยงมัสแท้ๆ ที่สวนของนายดอเลาะ ตั้งอยู่บนเทือกเขาโต๊ะเจ๊ะนิ อันเป็นบริเวณของเทือกเขาเมาะแต บ้านซีโป ม.3 ต.เฉลิม เพื่อให้ทุกคนได้เห็นต้นลองกองอายุกว่า 250 ปี ที่ยืนยาวที่สุดในโลกในครั้งนี้ ด้วยความร่วมมือของ นายอับดุลฮาเล็ง มะรูดี กำนัน ต.เฉลิม นายฮัจซันบาซอรี ดอเลาะ ผู้ใหญ่บ้านซีโป พ.อ.ทวีรัตน์ เบญจาทิกุล ผบ.ฉก.ทพ.45 และชาวบ้านอีกจำนวนหนึ่ง 

โดยการเดินทางในครั้งนี้ค่อนข้างลำบากและทุลักทุเล ต้องใช้ยานพาหนะเป็นรถกระบะโฟร์วีลไดร์ฟ หรือรถขับเคลื่อน 4 ล้อยกสูงเท่านั้น ที่ต้องขับฝ่าหนามฝ่าดงไปตามถนนลูกรัง ระหว่างร่องสวนยางพาราของชาวบ้านไปประมาณ 4-5 กม. หลังจากนั้นต้องเดินเท้าลัดเลาะไปตามร่องสวนยางพาราที่มีทางลาดชันและคดเคี้ยว ผ่านเนินเขาสูงต่ำประมาณ 3-4 เนิน เราจะพบกันแอ่งน้ำเล็กๆ ทอดยาวที่อยู่บนเทือกเขา ได้นั่งพักผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่ทุกคนเริ่มจะมีอาการเมื่อยล้าแข้งขาที่เริ่มอ่อนแรง ก่อนที่ทุกคนจำใจต้องเดินต่อเพื่อให้ถึงจุดหมาย ซึ่งเป็นระยะทางยาวกว่า 500 เมตร ที่เป็นพื้นที่ลาดชันสูงกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 93 เมตร จนพบกับต้นลองกองที่กลายเป็นตำนานที่มีอายุกว่า 250 ปีต้นดังกล่าว เหมือนกับว่าความเหนื่อยล้าได้หายไปปลิดทิ้ง

...

สำหรับต้นลองกองในตำนานต้นดังกล่าว ทุกคนจะมโนและคิดว่าคงเป็นต้นลองกองที่ขึ้นตระหง่านอยู่กลางป่าบนเทือกเขาเพียงต้นเดียว แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่ มันจะมีต้นลองกองที่กลายเป็นตำนานขึ้น 2 ต้นเคียงคู่กัน ต้นใหญ่สุดจะมีขนาดลำต้นประมาณ 2 คนโอบ สูงประมาณ 25 เมตร มีกิ่งก้านใบแผ่เป็นเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 5 เมตร ส่วนต้นเล็กมีขนาดลำต้นความสูงและมีกิ่งก้านใบแผ่เป็นวงกว้างลดหลั่นลงมาเล็กน้อย และจากการสังเกตที่บริเวณใต้โคนของต้นลองกองที่กลายเป็นตำนานทั้ง 2 ต้น เราจะสังเกตพบเห็นว่าทั้ง 2 ต้นได้แตกแขนงออกมาจากรากของต้นลองกองต้นพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ ที่คาดว่าถ้าไม่ล้มตายจะมีอายุยืนยาวเกือบ 500 ปีเลยทีเดียว

...

ต่อมาทางคณะผู้ที่ได้ร่วมกันเดินทางขึ้นไปพิสูจน์ต้นลองกองที่กลายเป็นตำนานได้พบเห็นลูกลองกองจำนวนหนึ่งที่ยังหลงเหลืออยู่บนต้น จึงได้ขึ้นไปเก็บเกี่ยวลงมาในการพิสูจน์รสชาติว่า ต้นลองกองซีโปในตำนานจะมีรสชาติหอมหวานเป็นที่กล่าวขานหรือไม่ เมื่อลิ้มรสชาติต่างยกนิ้วให้ว่าอร่อยหอมหวาน ถือว่าครั้งหนึ่งในชีวิตได้ลิ้มรสชาติผลลองกองในตำนานจริงๆ สักครั้ง

...

ด้านนายดอเลาะ เจ้าของต้นลองกองในตำนาน นายฮ้จซันบาซอรี ผู้ใหญ่บ้านซีโป และ พ.อ.ทวีรัตน์ ผบ.ฉก.ทพ.45 ได้ร่วมกันเปิดเผยเกี่ยวกับต้นลองกองในต้นนาน ซึ่งนายดอเลาะ ได้เปิดเผยเป็นภาษายาวีท้องถิ่น ส่วนนายฮัจซันบาซอรี และ พ.อ.ทวีรัตน์ ได้ช่วยกันเป็นล่ามแปล มีใจความว่า คือสมัยก่อนมีเจ้าเมืองเขาระแงะให้ควาญช้างไปเลี้ยงช้างบนภูเขา ไปเจอกับลูกลองกอง เห็นเป็นลูกของผลไม้ที่แปลก จึงขึ้นไปตัดแล้วอุ้มไปถวายให้กับเจ้าเมือง ซึ่งคำว่าอุ้มภาษายาวีท้องถิ่น คือ คำว่าดูกง หลังจากนั้นดูกงก็ได้เพี้ยนจากคำพูดของชาวบ้านซึ่งเป็นมุสลิมในท้องถิ่น มักจะพูดภาษาไทยออกเป็นคำพูดทองแดง หรือไม่ชัด จึงเป็นคำว่า ลองกอง ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันนี้.