ย้อนอดีตขนมพื้นเมืองภาคใต้ มะม่วงหิมพานต์เคลือบน้ำตาล หรือ ท้องถิ่นเรียกว่า ยาร่วงเคลือบน้ำตาล ปัจจุบันมีให้เห็นไม่บ่อย โดยแม่ค้าที่สตูลทำขายตามตลาดนัด โดยเป็นสูตรดั้งเดิมวันละ 10 กิโลกรัม ช่วยสร้างอาชีพ และยังสืบทอดขนมโบราณอีกด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมล็ดมะม่วงหิมพานต์ หรือ ที่ภาคใต้เรียกแตกต่างกันไป เช่น ยาร่วง ยาโง้ย หัวครก เล็ดล่อ ฯลฯ สำหรับ จ.สตูล นั้นส่วนใหญ่จะเรียก "ยาร่วง" ซึ่งเป็นผลไม้ท้องถิ่นที่มีตั้งแต่โบราณดั้งเดิม โดยเฉพาะ "ยาร่วงเคลือบน้ำตาลโตนด" ผู้ใหญ่วัย 30 ขึ้นไปต้องเคยได้กิน และขนมชนิดนี้ถือว่าไม่ค่อยมีให้เห็นแล้วในยุคปัจจุบัน เนื่องจากต้นยาร่วงหรือมะม่วงหิมพานต์ถูกตัดโค่น เปลี่ยนไปปลูกพืชอย่างอื่นแทน และที่มีอยู่ส่วนใหญ่จะปลูกไว้เพื่อกินยอด ยาร่วงเคลือบน้ำตาลจึงไม่ค่อยมีให้เห็นบ่อยนัก ส่วนใหญ่จะเห็นมีขายตามงานแต่งงานหรืองานบุญตามชนบทเท่านั้น

นางเรณู โกบยาหยัง อายุ 57 ปี ชาวบ้าน ม.2 ต.ท่าแพ อ.ท่าแพ จ.สตูล กล่าวว่า ยาร่วงเคลือบน้ำตาลเป็นขนมที่ชอบตอนในวัยเด็ก เพราะสมัยเด็กที่บ้านมีต้นและแม่มักจะทำกินและขายบ่อย สูตรที่ทำขายก็เป็นสูตรดั้งเดิมของแม่แต่ตนมาเปลี่ยนเป็นน้ำตาลโตนด ซึ่งจะให้ความหวานที่ไม่มากและมีความหอมเด่นชัด โดยตนสั่งยาร่วงดิบมาจาก จ.ระนอง จากนั้นทำขายตามตลาดนัดและตามงานแต่งต่างๆ วันละประมาณ 10 กิโลกรัม

...

ชาวบ้านที่ทำขนมยาร่วงเคลือบน้ำตาล กล่าวอีกว่า สำหรับ ยาร่วงหรือหัวครกเคลือบน้ำตาล ที่แต่ละคนที่ทำขายจะมีสูตรไม่เหมือนกัน โดยของตนจะนำน้ำตาลตั้งไฟอ่อนๆ เมื่อน้ำตาลเดือดก็จะใส่ยาร่วงลงไป จากนั้นตั้งไว้จนน้ำตาลงวดถึงจะคนน้ำตาลกับยาร่วงให้เข้ากัน จะได้ขนมยาร่วงเคลือบน้ำตาลที่เหนียวแต่ไม่ติดฟัน และหวานไม่มากแต่จะมีความมันอร่อยรสชาติกลมกล่อม เมื่อสุกจะนำมาตักใส่ใบที่ตัดแต่งสวยงามขายแผ่นละ 10 บาท

นางเรณู กล่าวด้วยว่า ทุกวันนี้ทำขนมไปขายตลาดนัด ในตอนเย็นวันพุธที่ อ.ละงู วันเสาร์-อาทิตย์ที่ตลาดนัดดูสน อ.ควนโดน และขายตามงานแต่งต่างๆ ซึ่งปัจจุบันขนมชนิดนี้หากินยากมากแล้ว ส่วนตนที่สืบทอดขนมชนิดนี้เพราะนอกจากเป็นอาชีพที่สร้างรายได้ให้ตนแล้วยังเป็นการสืบทอดขนมโบราณหายากของท้องถิ่นจังหวัดสตูล อีกด้วย.