แม่ค้าในตลาดสดที่ชัยนาทและอ่างทอง ต่างโอดครวญเจอราคาพริกขี้หนูสวน ช่วงต้นฤดูฝนทะลุ กก.ละ 400 บาท รับแพงสุดในรอบ 10 ปี เหตุผลผลิตออกมาน้อย ขาดตลาด ประชาชนต้องเปลี่ยนมาซื้อทีละน้อยๆ หรือใช้พริกชนิดอื่น ขณะที่พริกจินดาราคาก็อยู่ที่ กก.ละ 70-80 บาท

เมื่อวันที่ 21 พ.ค. 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศที่ตลาดสดเทศบาลเมืองชัยนาท ประชาชนมาจับจ่ายใช้สอย หาซื้อของสด หมู เนื้อ ผัก กันตามปกติ แต่สิ่งที่ถือว่าแพงที่สุดในช่วงต้นฤดูฝนคือพริกขี้หนูสวน ที่มีผลผลิตออกมาน้อยและขาดตลาด ทำให้ราคาพุ่งไปถึงกิโลกรัมละ 400-500 บาท จนประชาชนต้องหันมาใช้พริกอื่นแทน หรือเปลี่ยนการซื้อจาก 1 กิโลกรัม ครึ่ง กิโลกรัม ซื้อทีละเยอะๆ มาซื้อเป็นถุงละ 20-40 บาท แทน

แม่ค้าขายผักสด กล่าวว่า ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนผ่าน จากร้อนไปฝน ทำให้พริกขี้หนูขาดตลาด ก่อนหน้านี้กิโลกรัมละ 200-300 บาท ตอนนี้ปาไปกิโลกรัมละ 400-500 บาท ถือว่าแพงที่สุดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จึงต้องมาแพ็กใส่ถุงขายถุงละ 20-40 บาท เอากำไรแค่นิดหน่อย ถือว่าแบ่งๆ กันไปใช้ แต่ก็เป็นแบบนี้ทุกปีในช่วงต้นฤดูฝน พริกขี้หนูสวนจะแพงและขาดตลาด

...

ด้านนางอ้อย แม่ค้าขายขนมไทย เปิดเผยว่า แต่ก่อนตนขายสาคู ก็แถมพริกขี้หนูสวนให้ลูกค้าไป พอมาช่วงนี้ราคากิโลกรัมละ 400 บาท ถึงกับจุก เลยเลิกแถม ให้แต่ผักชีใบเลื่อย ขนาดผักชียังขึ้นจากกิโลกรัมละ 40 บาท ไป 100 บาท เลยต้องรอให้พริกขี้หนูถูกลง จึงจะมาแถมให้ลูกค้าเหมือนเดิม

ด้านบรรยากาศที่บริเวณตลาดเกษตรสุวพันธุ์ ตำบลตลาดหลวง อำเภอเมือง จังหวัดอ่างทอง หลังภาวะอากาศที่ร้อนจัดบวกกับสภาวะที่แล้ง ส่งผลกระทบต่อพืชผลทางการเกษตร โดยเฉพาะพริกขี้หนูสวน มีราคาปรับตัวสูงขึ้น ตอนนี้ราคาพุ่งขึ้นไปอยู่ที่กิโลกรัมละ 400-450 บาท ส่วนพริกจินดาแดงอยู่ที่กิโลกรัมละ 70-80 บาท

นางพร แม่ค้าพริกในตลาด วัย 55 ปี กล่าวว่า ช่วงนี้พริกราคาแพง เกิดจากผลกระทบอากาศที่ร้อนและสภาวะแล้งขาดแคลนน้ำ ทำให้พริกแห้งเหี่ยว มีแต่ดอกออกผลผลิตน้อย ทำให้พริกขี้หนูสวน อยู่ที่ราคา 400-450 บาท ขณะที่พริกจินดา อยู่ที่ 70-80 บาทต่อ กก. ส่วนทางด้านคนซื้อบอกว่า ถึงพริกขี้หนูสวนราคาจะแพงแต่ก็ต้องซื้อ เนื่องจากต้องใช้ และหันมาใช้พริกแดงจินดาเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีราคาถูกว่าพริกขี้หนูสวน.