เกษตรกรสวนกล้วยหอมทองที่ อ.เสิงสาง ยิ้มร่ากล้วยเกรดเอ ราคาพุ่งสูงกิโลกรัมละ 22 บาท หลังตลาดญี่ปุ่นรุกคืบสั่งออเดอร์ 8,000 ตัน กลายเป็นพืชทางเลือกใหม่ให้กับเกษตรกรในพื้นที่ เพราะสร้างรายได้สูงถึง 2 แสนบาทต่อไร่

เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สมาชิกกลุ่มแปลงใหญ่กล้วยหอมทองสุขไพบูลย์ ต.สุขไพบูลย์ อ.เสิงสาง จ.นครราชสีมา ทยอยเก็บเกี่ยวกล้วยหอมเพื่อนำมาส่งให้กับทางกลุ่มแปลงใหญ่ เพื่อกระจายสินค้าออกสู่ท้องตลาดกันอย่างคึกคัก หลังจากที่ในช่วงนี้ราคากล้วยหอมทองปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดราคากล้วยหอมทองคุณภาพเกรดเอ มีราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 22 บาท เนื่องจากความต้องการของตลาดมีสูงและผลผลิตที่จะออกสู่ท้องตลาดมีน้อย อันเนื่องมาจากพื้นที่การเพาะปลูกลดลงเนื่องจากราคาพืชเกษตรหลักอย่างมันสำปะหลังในพื้นที่อำเภอเสิงสางราคาดี จึงทำให้เกษตรกรส่วนหนึ่งหันไปปลูกมันสำปะหลังเพิ่มขึ้น

นายสมศักดิ์ แสงรัมย์ อายุ 50 ปี ประธานกลุ่มเกษตรแปลงใหญ่กล้วยหอมทองสุขไพบูลย์ กล่าวว่า กล้วยหอมทองถือเป็นพืชทางเลือกใหม่ที่กำลังสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรได้เป็นอย่างดี ตัวเองเริ่มต้นสนใจปลูกหลังจากที่เกิดปัญหาเรื่องโรคใบด่างในมันสำปะหลังแพร่ระบาดที่เป็นพืชหลักเดิม ซึ่งปลูกกันมาช้านานรวมถึงปัญหาต่างๆ ทั้งในเรื่องของราคาที่ตกต่ำ สวนทางกับต้นทุนและค่าแรงงานที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจนทำให้ไม่คุ้มค่ากับการลงทุน จนมีหนี้สินพันตัวเป็นจำนวนมาก โดยได้ศึกษาหาพืชชนิดอื่นเพื่อมาปลูกทดแทนผ่านทางโลกออนไลน์ต่างๆ

...

ประธานกลุ่มเกษตรแปลงใหญ่กล้วยหอมทองสุขไพบูลย์ กล่าวต่อว่า ผลการศึกษาพบว่า กล้วยหอมทอง เป็นพืชที่เหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศและพื้นที่ จึงเดินทาไปศึกษาเรียนรู้จากแหล่งเพาะปลูกใหญ่ที่จังหวัดปทุมธานี และทดลองนำมาปลูกเมื่อประมาณปลายปี พ.ศ.2559 ที่ผ่านมา ปรากฏว่าได้ผลผลิตดี เป็นที่ต้องการของตลาด ก่อนที่จะกระจายความรู้ไปยังเพื่อนเกษตรกรและมีการรวมกลุ่มกันมากขึ้น และได้รับการสนับสนุนจากทางภาครัฐจนกลายมาเป็นกลุ่มเกษตรแปลงใหญ่ในที่สุด เฉพาะส่วนตัวตอนนี้ปลูกกล้วยหอมทองเอาไว้มากกว่า 100 ไร่แล้ว

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า เดิมทีกลุ่มผู้ปลูกกล้วยหอมทองในพื้นที่อำเภอเสิงสาง จ.นครราชสีมา นั้น มีมากกว่า 100 ราย แต่ปัจจุบันในกลุ่มเกษตรแปลงใหญ่ฯ เหลืออยู่เพียง 40 ราย ทั้งนี้สาเหตุมาจากราคามันสำปะหลังที่ปรับตัวสูงขึ้นจึงทำให้เกษตรกรบางส่วนหันกลับไปปลูกมันสำปะหลังกันมากขึ้น เพราะการดูแลไม่ยุ่งยากมากนัก โดยในตอนนี้ในพื้นที่มีการเพาะปลูกกล้วยหอมทองอยู่ประมาณ 800 ไร่ ให้ผลผลิตออกสู่ตลาดได้ประมาณ 250 ตันต่อเดือน หรือประมาณ 3,000 ตัน ต่อไป ในขณะที่ความต้องการของตลาดมีสูงถึง 8,000 ตันต่อปี ทำให้ตอนนี้ราคากล้วยหอมทองปรับตัวสูงขึ้นมากกว่า 20 บาทต่อกิโลกรัมเลยทีเดียว

...

"ล่าสุดราคากล้วยหอมทองเกรดเอ สูงถึงกิโลกรัมละ 22 บาทแล้ว ทำให้เกษตรกรผู้ปลูกกล้วยหอมมีรายได้ต่อการเก็บเกี่ยวผลผลิตมากกว่า 2 แสนบาทต่อไร่แล้ว ขณะเดียวกันนอกจากตลาดภายในประเทศที่ตอนนี้ มีความต้องการผลผลิตกล้วยหอมที่สูงอย่างมากแล้ว ทางภาครัฐโดยกระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ยังมีการช่วยผลักดันและหาตลาดทางเลือกใหม่เข้ามาให้แก่เกษตรกร เพื่อสร้างความมั่นคงให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกกล้วยหอมมากยิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง" ประธานกลุ่มเกษตรแปลงใหญ่กล้วยหอมทองสุขไพบูลย์ กล่าว

...

ล่าสุดตอนนี้ทางกลุ่มแปลงใหญ่กล้วยหอมทองสุขไพบูลย์ ได้ทำสัญญากับคู่ค้าจากประเทศญี่ปุ่นในการส่งออกผลผลิตกล้วยหอมทองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เนื่องจากกล้วยหอมมีคุณภาพรสชาติดี เหนียวนุ่ม เป็นที่ถูกใจของตลาดญี่ปุ่น โดยมีโควตาการส่งออกมากถึง 8,000 ตันต่อปี ในราคารับประกันที่ 19 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งเป็นราคาที่ค่อนข้างสูงหากเทียบกับต้นทุนการเพาะปลูก จึงยิ่งทำให้สถานการณ์ของเกษตรกรผู้ปลูกกล้วยหอมทองในพื้นที่มั่นคงมากยิ่งขึ้นไปอีก ล่าสุดตอนนี้ทางกลุ่มกำลังเริ่มดำเนินการก่อสร้าง ศูนย์ตรวจคัดแยกแพ็กสินค้าและโกดังเก็บผลผลิต เพื่อเตรียมส่งออกสินค้าแล้ว คาดว่าจะเสร็จสิ้นทันต่อการส่งออกผลผลิตในปลายปีนี้อย่างแน่นอน

ด้าน นายโยธิน มุละสีวะ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการ รักษาการตำแหน่งเกษตรอำเภอเสิงสาง เปิดเผยว่า ในพื้นที่อำเภอเสิงสางเป็นพื้นที่เพาะปลูกมันสำปะหลังเป็นส่วนใหญ่ โดยมีพื้นที่การเพาะปลูกประมาณ 66,000 ไร่เศษ รองลงมาก็คือข้าวประมาณ 36,000 ไร่ ส่วนพืชอื่นก็จะเป็นพืชสวนอีกประมาณ 3,000 ไร่ ในส่วนของกล้วยหอมทองนั้น เริ่มมีการเพาะปลูกเมื่อประมาณ 7 ปีที่ผ่านมา มีการขยายพื้นที่การเพาะปลูกแล้วประมาณ 4,000 ไร่ ที่ผ่านมากล้วยหอมทองของอำเภอเสิงสางเป็นสินค้าที่มีคุณภาพ เป็นที่ดึงดูดใจของท้องตลาด จนไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด ทั้งระดับบนและระดับล่าง รวมไปถึงตลาดต่างประเทศ

...

รักษาการตำแหน่งเกษตรอำเภอเสิงสาง กล่าวด้วยว่า ล่าสุดตอนนี้มีคู่ค้าจากประเทศญี่ปุ่นด้วยการส่งเสริมจากทางกระทรวงพาณิชย์ และภาคส่วนต่างๆ มาทำสัญญารับซื้อผลผลิตเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งคาดว่าจะเริ่มส่งออกผลผลิตได้ภายในเดือนธันวาคมนี้ ซึ่งข้อดีของการมีคู่ค้าระหว่างก็จะทำให้ปัญหาสินค้าล้นตลาดอันเป็นสาเหตุที่ทำให้ราคาผลผลิตตกต่ำนั้นลดน้อยลง มีการรับประกันราคาที่เป็นธรรม สร้างรายได้และความมั่นคงให้แก่เกษตรกรอย่างยั่งยืน อันจะนำไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดีของเกษตรกรในพื้นที่ต่อไปด้วย.