เจ้าของเขียงหมูในตลาดริมน้ำ เขตเทศบาลเมืองบ้านโป่ง จ.ราชบุรี เผย ขณะนี้ ราคาหมูหน้าฟาร์มขยับขึ้น กก.ละ 8 บาท แต่ยังขายปลีกราคาเดิม เพราะกลัวเสียลูกค้า อีกทั้งต้องสู้กับหมูเถื่อนตามบ้านที่แอบชำแหละขายอยู่ ฝากภาครัฐมาตรวจตลาดเช้าๆ
จากกรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ปราบปรามการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อนอย่างต่อเนื่อง จนสามารถจับกุมและขยายผลพบว่า มีการนำเข้าตู้คอนเทนเนอร์หมูเถื่อนมากกว่า 2,300 ตู้ มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 3 พันล้านบาท
ต่อมาผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ จ.ราชบุรี ซึ่งเป็นแหล่งที่มีการเลี้ยงหมูมากที่สุดของประเทศ เพื่อสำรวจราคาเนื้อหมู พบกับ น.ส.สุรีย์วัล รอดสุโข เจ้าของเขียงหมูในตลาดริมน้ำ เขตเทศบาลเมืองบ้านโป่ง ที่เปิดร้านขายมาแล้วกว่า 40 ปี เปิดเผยว่า ผลจากการกวาดล้างหมูเถื่อนของภาครัฐ ส่งผลให้ราคาขายเนื้อหมูขยับขึ้นมากิโลกรัมละ 8 บาท ลูกค้าที่มาซื้อกันอยู่ประจำ มีบ่นว่าหมูราคาแพง รวมไปถึงลูกค้าลดลงเพราะสู้ราคาไม่ไหว
...
เจ้าของเขียงหมูในตลาดริมน้ำ กล่าวต่อว่า ทางร้านจึงยังคงเลือกที่จะไม่ขยับราคาขึ้นตามไปด้วย เนื่องจากต้องแข่งขันราคากับหมูเถื่อน ค่าส่วนต่างที่ทางร้านควรจะได้รับ จึงลดลงเหลือเพียงหลักหน่วยต่อกิโลกรัมเท่านั้น โดยราคาหมูเนื้อแดงขายอยู่ที่กิโลกรัมละ 115 บาท สันคอหมู 150 บาท สามชั้น 170 บาท สันนอกและสันใน 130 บาท ขณะนี้ หมูเถื่อนที่รัฐบาลกวาดล้าง จะไม่ค่อยนำมาวางขายหน้าเขียงทั่วไป แต่จะโพสต์ขายในกลุ่มสื่อสังคมออนไลน์ เช่น เฟซบุ๊ก แล้วจะมีลูกค้าซึ่งเป็นผู้ประกอบการร้านอาหาร และแปรรูปอาหารติดต่อซื้อขายกันโดยตรง
น.ส.สุรีย์วัล กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยังมีหมูเถื่อนตามบ้าน โดยจะเป็นหมูที่เกษตรกรเลี้ยง ไม่ได้น้ำหนัก น้ำหนักเกิน หมูแก่ หมูป่วยเป็นโรค หมูตกเกรด และหมูถูกกดราคา เกษตรกรจึงเลือกที่จะนำไปชำแหละเอง ขายเอง หรือส่งขายให้พ่อค้าคนกลางไปขายอีกทอดหนึ่ง สำหรับหมูเถื่อนกลุ่มนี้จะนำมาขายในราคา 60-80 บาทต่อกิโลกรัม ในขณะที่ร้านตนขายหมูที่ถูกต้องตามกฎหมาย มีการขอใบอนุญาตและเสียภาษี ซึ่งคิดเป็นค่าใช้จ่ายถึงร้อยละ 20 ทำให้สู้ราคาไม่ไหว
“อยากฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบใบอนุญาต ที่มาที่ไปของหมู และราคาหมูหน้าเขียง โดยอย่าออกตรวจในช่วงสายหรือบ่าย เพราะจะไม่เจอเขียงหมูเถื่อน อยากให้มาในช่วงเช้า ที่ตลาดกำลังมีการซื้อขายกัน แล้วจะเจออย่างแน่นอน” เจ้าของเขียงหมูในตลาดริมน้ำ กล่าว.