ชาวไร่อ้อยโคราชไม่ได้รับผลกระทบ จากการที่รัฐบาลควบคุมราคาน้ำตาลทราย เพราะโรงงานยังคงรับซื้ออ้อยสดเข้าโรงงานเท่าเดิม ขณะที่การปลูกแต่ละรอบก็ยังมีกำไรดี และดีกว่าการปลูกข้าว แม้ปุ๋ยและยาจะแพง

จากกรณีที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ น้ำตาลทราย เป็นสินค้าควบคุมปี 2566 และมอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรมกำหนดมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อย ให้ได้รับผลตอบแทนอย่างเหมาะสมและเป็นธรรม สอดคล้องกับต้นทุนการผลิตอ้อยในแต่ละช่วงเวลา โดยไม่ส่งผลกระทบต่อผู้บริโภค ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ

เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการลงไปสอบถามกับเกษตรกรชาวไร่อ้อยในอำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา พบกับนายสมหมาย แจ้งกลาง อายุ 59 ปี เกษตรกรผู้ปลูกอ้อยรายหนึ่งในตำบลนิคมสร้างตนเอง อำเภอพิมาย

นายสมหมาย กล่าวว่า ตนเองมีอาชีพปลูกอ้อยมานานกว่า 25 ปีแล้ว โดยในปีนี้ได้ลงทุนปลูกอ้อยไว้จำนวน 50 ไร่ ซึ่งปัจจุบันนี้ทางโรงงานน้ำตาลพิมาย ยังคงรับซื้ออ้อยสดเข้าโรงงานในราคาตันละ 1,500 บาท ซึ่งในแต่ละปีตนเองจะมีรายได้จากการขายอ้อยปีละ 500-600 ตัน เป็นเงิน 800,000-900,000 บาท หักค่าใช้จ่ายต่างๆ แล้ว ก็ถือว่ายังคงมีกำไรดีอยู่

...

เกษตกรผู้ปลูกอ้อยชาวโคราช กล่าวด้วยว่า ถึงแม้ราคาปุ๋ยจะแพงขึ้นก็ตาม เพราะการปลูกอ้อยนับว่าดีกว่าการปลูกข้าว โดยทางภาครัฐได้มีนโยบายให้น้ำตาลทรายเป็นสินค้าควบคุมนั้น ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรแต่อย่างไร เพราะโรงงานยังคงรับซื้ออ้อยสดในราคาเท่าเดิม.