กระทรวงเกษตรฯ จัดงานคิกออฟงานไถกลบตอซัง สร้างดินยั่งยืน ฟื้นสิ่งแวดล้อมพร้อมกันทั่วประเทศ รณรงค์ให้เกษตรกร ลดเผา เพิ่มคุณภาพดินและลดฝุ่น PM 2.5 เดินหน้าสู่การทำเกษตรอย่างยั่งยืน
เมื่อวันที่ 3 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานเปิดงาน "ไถกลบตอซัง สร้างดินยั่งยืน ฟื้นสิ่งแวดล้อม" ประจำปีงบประมาณ 2568 ณ บ้านเตาไห หมู่ 6 ต.ทุ่งรวงทอง อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ พร้อมรับชมการถ่ายทอดสดไปยังอีก 72 จังหวัด ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดการเผา โดยมี นายอิทธิ ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ เป็นประธานพิธีเปิดงานเดียวกันนี้ ที่ จ.ฉะเชิงเทรา นายประยูร อินสกุล เป็นประธานพิธีเปิดงานเดียวกัน ที่ จ.สุพรรณบุรี
ทั้งนี้ งาน "ไถกลบตอซัง สร้างดินยั่งยืน ฟื้นสิ่งแวดล้อม" ซึ่งกระทรวงเกษตรฯ โดยกรมพัฒนาที่ดิน จัดขึ้น เพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนวิธีจากการเผาสู่การไถกลบเศษวัสดุทางการเกษตรเพื่อเตรียมดินและผลิตปุ๋ยอินทรีย์จากเศษวัสดุในท้องถิ่น เพื่อลดการใช้ปุ๋ยเคมี ลดต้นทุนการผลิต เพิ่มปริมาณอินทรียวัตถุในดิน ช่วยให้ดินมีสมบัติเหมาะสมต่อการปลูกพืชอย่างยั่งยืน อีกทั้งยังช่วยลดปัญหาหมอกควันและฝุ่นละออง ส่งผลดีต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมการท่องเที่ยวในระยะยาวและยังช่วยลดผลกระทบต่อการเกิดภาวะโลกร้อนด้วย

...
อย่างไรก็ตาม กระทรวงเกษตรฯ พร้อมขับเคลื่อนและป้องกันปัญหาการเผาในพื้นที่เกษตรกรรมให้บรรลุตามเป้าหมายการลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิให้เป็นศูนย์ภายในปี พ.ศ. 2613 ตามที่ได้ให้คำมั่นไว้ในเวทีโลก โดยวางแนวทางการป้องกันและแก้ปัญหาการเผาในพื้นที่เกษตรกรรมปี 2567/68 คือ 1. การเฝ้าระวัง สร้างการรับรู้และป้องปรามการเผาในพื้นที่เกษตรกรรม รวมถึงตัดสิทธิการได้ความช่วยเหลือชดเชยต่างๆ จากภาครัฐ และ 2. การส่งเสริมการเกษตร เพื่อแก้ไขปัญหาการเผาในพื้นที่เกษตรกรรม นอกจากนี้ ยังมีมาตรการเชิงรุกตามนโยบายของรัฐบาลในการรณรงค์ให้ประชาชนลดและเลิกการเผาวัสดุทางการเกษตร โดยได้กำชับหน่วยงานในระดับพื้นที่สร้างแรงจูงใจเกษตรกรให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทำเกษตร พร้อมเสนอทางเลือกและข้อเสนอที่จะสามารถให้เกษตรกรยอมรับแนวทางปฏิบัติการทำเกษตรที่ไม่เผาได้ โดยกรมพัฒนาที่ดินรณรงค์ผ่านเครือข่ายหมอดินอาสาที่มีอยู่ทั่วประเทศร่วมให้ความรู้ ความเข้าใจ เพื่อประโยชน์ในการทำการเกษตรอย่างยั่งยืน
นายอัครา กล่าวว่า ปัญหาจากการเผาวัสดุทางการเกษตรและพื้นที่ป่าไม้ นอกจากจะมีผลกระทบต่อทรัพยากรดินและสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังก่อให้เกิดผลกระทบกับสุขภาพของประชาชน รวมทั้งยังสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของประเทศเป็นอย่างมาก หน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงภาคประชาชน ได้ตระหนักถึงปัญหาและผลกระทบที่เกิดขึ้น จึงได้ร่วมกันรณรงค์และประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรไถกลบเศษวัสดุซากพืชในพื้นที่เกษตร งดเผาฟางและตอซังพืช ซึ่งจะช่วยให้ดินมีคุณภาพดีขึ้น ทั้งด้านกายภาพ ด้านเคมีและชีวภาพของดิน ทำให้เกษตรกรทำการเพาะปลูกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผลผลิตมากขึ้น เกษตรกรมีรายได้สูงขึ้น อีกทั้งยังเป็นการช่วยแก้ปัญหาหมอกควันและฝุ่นละออง PM 2.5 ช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยว เพิ่มรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่ ถือเป็นการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศต่อไป