รมช.อรรถกร ลงพื้นที่ย่านแสมดำ ดีเดย์ปฏิบัติการ “กำจัดปลาหมอคางดำในพื้นที่ กทม.” พร้อมเปิดจุดรับซื้อ 75 แห่ง ใน 17 จังหวัดนาน 1 เดือน เดินหน้า 7 มาตรการ แก้ปัญหาปลาหมอคางดำเร่งด่วน โดยพบพื้นที่สีแดงใน กทม.รวม 3 เขต

นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดปฏิบัติการ “การกำจัดปลาหมอคางดำในพื้นที่กรุงเทพมหานคร” พร้อมด้วย นายสุวัฐน์ วงศ์สุวัฒน์ รองอธิบดีกรมประมง และผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ณ บริเวณคลองเกาะโพธิ์ แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร ว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำที่ขยายพันธุ์อย่างรวดเร็วลงสู่แหล่งน้ำเป็นวงกว้าง ในพื้นที่ภาคกลาง 5 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ สมุทรสาคร สมุทรสงคราม และเพชรบุรี โดยนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มีข้อสั่งการที่กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน

รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวต่อว่า ล่าสุด เมื่อวันที่ 30 ก.ค. 67 ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรีเห็นชอบแผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดปลาหมอคางดำ 2567-2570 ประกอบด้วย 7 มาตรการ ตามที่กระทรวงเกษตรฯ เสนอเพื่อแก้ปัญหาปลาหมอคางดำ โดยใช้กรอบงบประมาณ 450 ล้านบาท ประกอบด้วย

...

1. ควบคุมและกำจัดปลาหมอคางดำในแหล่งน้ำทุกแห่งที่พบการแพร่ระบาด โดยการจับออกจากแหล่งน้ำธรรมชาติด้วยเครื่องมือประมงที่มีประสิทธิภาพ และกำจัดจากบ่อเพาะเลี้ยงด้วยกากชา
2. กำจัดปลาหมอคางดำในแหล่งน้ำธรรมชาติ โดยการปล่อยปลาผู้ล่าอย่างต่อเนื่อง และปล่อยปลาผู้ล่าตามความเหมาะสมของแหล่งน้ำ ไม่น้อยกว่า 5 ล้านตัว ในพื้นที่เป้าหมาย 16 จังหวัด มุ่งเน้นการจัดหาพันธุ์ปลาผู้ล่าที่มีความเหมาะสมกับบริบทพื้นที่
3. การนำปลาหมอคางดำที่กำจัดออกจากระบบนิเวศไปใช้ประโยชน์ เช่น การแปรรูป (น้ำหมัก)
4. สำรวจและเฝ้าระวังการแพร่กระจายประชากรปลาหมอคางดำในพื้นที่เขตกันชน
5. สร้างความรู้ ความตระหนัก และการมีส่วนร่วมในการกำจัด จัดทำคู่มือประชาชนและเจ้าหน้าที่เพื่อรับมือการแพร่ระบาด
6. พัฒนางานวิจัยและนวัตกรรมด้านประมง ด้วยการเหนี่ยวนำโครโมโซม/ใช้ฟีโรโมน แสงสี ให้ปลาหมอคางดำรวมตัวกัน เพื่อการจับที่ง่ายขึ้น 
7. ฟื้นฟูระบบนิเวศ ทำการสำรวจแหล่งน้ำต่างๆ ว่าเคยมีสัตว์น้ำประจำถิ่นอะไรบ้าง จากนั้นเพาะพันธุ์เพื่อนำไปปล่อยคืนฟื้นฟูระบบนิเวศ

นายอรรถกร กล่าวอีกว่า กิจกรรมในวันนี้ ถือเป็น 1 ในมาตรการเร่งด่วน คือ การควบคุมและกำจัดปลาหมอคางดำในแหล่งน้ำทุกแห่งที่พบการแพร่ระบาด โดยร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและชาวประมงในพื้นที่เร่งกำจัดออก โดยเฉพาะในแหล่งน้ำธรรมชาติ เพื่อลดปริมาณของปลาหมอคางดำที่ระบาดให้ได้มากที่สุด คาดว่าใช้เวลาประมาณ 3 เดือนในการกำจัด และจะดำเนินมาตรการอื่นๆ ตามลำดับ อีกทั้งกรมประมงยังได้บูรณาการทำงานร่วมกับกรมพัฒนาที่ดินในการนำปลาหมอคางดำที่จับขึ้นมาได้ไปผลิตเป็นน้ำหมักชีวภาพ และการยางแห่งประเทศไทย สนับสนุนงบประมาณ 50 ล้านบาท ในการรับซื้อปลาหมอคางดำในพื้นที่ที่พบการระบาดทุกแห่ง 17 จังหวัด รวม 75 จุด

...

“ยืนยันว่างบดังกล่าวของ กยท.นั้น ไม่เกี่ยวข้องกับเงินกองทุนในการช่วยเหลือสมาชิกชาวสวนยาง จึงไม่ส่งผลกระทบอย่างแน่นอน และงบ 450 ล้านบาทที่ ครม.อนุมัติ จะดำเนินการใน 7 มาตรการกำจัดปลาหมอคางดำต่อไป โดยในวันนี้เป็นวันแรกที่เริ่มเปิดจุดรับซื้อปลาหมอคางดำทั้งหมด ระยะเวลาการรับซื้อ ตั้งแต่วันที่ 1-30 ส.ค. 67 จากนั้น กยท.จะประเมินโครงการ หากพบว่ายังมีการแพร่ระบาดหนักก็จะขยายระยะเวลาเพิ่มเติม ในส่วนของการเยียวยาเกษตรกรผู้ได้รับผลกระทบ ได้มอบหมายให้กรมประมงเร่งสำรวจเกษตรกรที่ขึ้นทะเบีทียน” รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าว

...

สำหรับพื้นที่กรุงเทพมหานครที่พบการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ 3 เขต ได้แก่ เขตบางขุนเทียน เขตทุ่งครุ และเขตบางบอน มีจุดรับซื้อปลาหมอคางดำทั้งหมด 3 แห่ง ได้แก่ 1. บริษัท วรนิชนันท์ จำกัด แขวงบางบอนเหนือ เขตบางบอน 2. นายสุวัฒน์ ไชยยันต์บูรณ์ แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน และ 3. นายอภิสิทธิ์ ช้างเจริญ ถนนเลียบคลองพิทยาลงกรณ์ แขวงท่าข้าม เขตบางขุนเทียน

โดยในวันนี้ รมช.เกษตรฯ ได้มอบเครื่องมือประมงให้แก่ผู้เข้าร่วมกิจกรรมเพื่อใช้ในการจับปลาหมอคางดำ จากนั้นร่วมกิจกรรมกำจัดปลาหมอคางดำ ณ คลองเกาะโพธิ์ โดยปลาหมอคางดำที่จับได้ในวันนี้ มีน้ำหนักรวมกว่า 300 กิโลกรัม พร้อมกันนี้ รมช.เกษตรฯ และคณะผู้บริหาร ยังได้เยี่ยมชมการสาธิต การแปรรูปเมนูอาหารจากปลาหมอคางดำ อาทิ ปลาแดดเดียว ปลาบดแผ่น ไส้อั่ว และชมสาธิตการทำน้ำหนักชีวภาพคุณภาพสูงจากปลาหมอคางดำ อีกด้วย

...

ทั้งนี้ สถานการณ์การระบาดในกรุงเทพมหานคร เขตพื้นที่บางขุนเทียน มีเกษตรกรขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ (ทบ.1) จำนวนทั้งสิ้น 859 ราย พื้นที่เลี้ยง 16,957 ไร่ แบ่งตามชนิดสัตว์น้ำ ดังนี้ กุ้งทะเล จำนวน 614 ราย หอยแครง 165 ราย หอยแมลงภู่ 36 ราย ปูทะเล 4 ราย ปลาทะเล 10 ราย ปลาน้ำจืด 30 ราย มีคลองสาธารณะทั้งสิ้น จำนวน 39 คลอง.