เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้ง ตั้งข้อสงสัยการระบาดปลาหมอคางดำในพื้นที่ อ.หัวไทร และ อ.ปากพนัง เกิดจากการถ่ายเทปลาของฟาร์มเอกชนในพื้นที่หรือไม่ ด้าน ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 ตำบลท่าพญา กังวลฤดูน้ำหลากทำกระจายทั้งพื้นที่ลุ่มน้ำ
สถานการณ์การระบาดแพร่กระจายของปลาหมอสีคางดำ ในพื้นลุ่มน้ำปากพนัง โดยเฉพาะพื้นที่พบหนาแน่นในอำเภอหัวไทร อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช กำลังทวีความรุนแรงมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่บ้านท่าพญา ท่าเข็น ตำบลท่าพญา อำเภอปากพนัง พื้นที่ระบาดอย่างหนาแน่นเก็บข้อมูลข้อสงสัยของผู้นำท้องที่ และเกษตรกร พบข้อมูลการตั้งข้อสังเกตของผู้นำท้องที่ และเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งว่าพื้นที่การระบาดในแถบชายฝั่งของอำเภอปากพนัง และหัวไทร จุดที่มีความหนาแน่นล้วนแต่มีฟาร์มของบริษัทเอกชนอยู่ใจกลางพื้นที่การระบาดทั้งสิ้น ขณะที่ ชาวประมงและเกษตรกรในพื้นที่ ตั้งข้อสงสัยต่างเกิดคำถามว่ามีการถ่ายเทปลาจากฟาร์มเพาะเลี้ยงของเอกชนที่สมุทรสงคราม ลงมาสู่ฟาร์มจุดอื่นๆ ด้วยหรือไม่ แต่ยังไม่พบคำตอบ
...
นายประทีป น้ำขาว ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 ตำบลท่าพญา ระบุว่าพบการระบาดเกิดขึ้นเมื่อช่วงตอนปลายของช่วงโควิดระบาดประมาณ 2 ปีที่ผ่านมา ก่อนหน้านั้นยังไม่เคยพบปลาหมอคางดำในแหล่งน้ำ มาพบการระบาดในแหล่งน้ำใกล้กับฟาร์มเอกชนที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ปากพนัง หัวไทร เป็นพื้นที่แรกๆ และค่อยๆ ระบาดขยายวงออกมาสู่แหล่งน้ำที่เชื่อมต่อไม่ทราบว่า จะเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ไม่มีใครรู้ ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจน
ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 ตำบลท่าพญา กล่าวอีกว่า ส่วนตัวมีความกังวลอย่างมากเนื่องจากอีก 2 เดือนข้างหน้าจะเข้าสู่หน้ามรสุม ทะเลตะวันออกจะมีน้ำหลาก น้ำทะเลหนุนสูง ระดับน้ำจะสูงทุกแหล่งน้ำโดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำในพื้นที่เกษตรกรรมการเลี้ยงสัตว์น้ำตลอดแนวชายฝั่ง เชื่อว่าจะเป็นช่วงการหนุนให้การแพร่กระจายเกิดขึ้นได้หลายเท่าตัว จากขณะนี้พบในน้ำทะเลที่ค่าเค็มสูงถึง 30-35 PPT ในน้ำกร่อยชายฝั่ง แม้กระทั่งน้ำจืดชั้นใน ดังนั้นพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังในหลายอำเภอ จะเกิดการระบาดทวีความรุนแรงขึ้นไปอีก ช่วงน้ำหลากจะเป็นโอกาสการขยายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็วกระจายไปทุกที่ ผลกระทบที่ตามมา คือ ระบบนิเวศสัตว์น้ำพื้นถิ่นจะอยู่ในภาวะความเสี่ยงสูงมาก.