สส.เล็ก ญาณธิชา นำทีมชาวบ้านจันทบุรีตามล่าจับตาย "ปลาหมอคางดำ" ในพื้นที่บ้านหมูดุด หมู่ที่ 4 ตำบลคลองขุด อำเภอท่าใหม่ หลับพบแพร่กระจายในบ่อเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ทำให้คนเลี้ยงกุ้งกระทบหนัก ย้ำใครเลี้ยงผิดกฎหมาย มีโทษถูกปรับสูงสุด 1 ล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 20 ก.ค. 2567 ที่ผ่านมา สส.จันทบุรี น.ส.ญาณธิชา บัวเผื่อน นายมานะ ชนะสิทธิ์ นายกสมาคมพัฒนาการเมืองไทย และ นายนิวัติ ธัญชาติ กรรมการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำระดับชาติ ตัวแทนจังหวัดจันทบุรี ลงพื้นที่ติดตามการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำในพื้นที่ของชาวบ้านผู้ได้รับความเดือดร้อนที่บ้านหมูดุด หมู่ที่ 4 ตำบลคลองขุด อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี โดยมีชาวบ้านเจ้าของพื้นที่ คือ นายกิมเหล็ง คุมคณะ และ นายจตุพร คุมคณะ สองพ่อลูกเจ้าของบ่อเลี้ยงกุ้งและปลากะพง มีเนื้อที่ในการเพาะเลี้ยงที่ประมาณ 4 ไร่ครึ่ง จำนวน 2 บ่อ

...

นายจตุพร คุมคณะ ลูกชายเจ้าของบ่อกุ้ง กล่าวว่า ตัวเองและครอบครัวประกอบอาชีพเลี้ยงกุ้ง ก็เพียงพอที่จะเลี้ยงชีพอยู่ได้ต่อปี พอมีปัญหาปลาหมอคางดำแพร่ระบาดเข้ามาในบ่อเพาะเลี้ยง ลูกกุ้งขนาดเล็กที่ปล่อยลงไป ก็โดนปลาหมอคางดำกินหมด เมื่อถึงเวลาที่ต้องจับเก็บผลผลิต กลับพบแต่ปลาหมอคางดำ ไม่มีกุ้ง เลี้ยงกุ้งกลับได้ผลผลิตเป็นปลาหมอคางดำ จนตนเองต้องเลิกเลี้ยงกุ้ง

ปัจจุบันเปลี่ยนมาเลี้ยงปลากระพง ก็พบปัญหาเดียวกันคือ เมื่อปล่อยลูกพันธุ์ปลาขนาดเล็กลงไป ก็จะเจอปลาหมอคางดำกินไปจนหมด จากปีหนึ่งที่ต้องมีรายได้ ปีละ 2-3 แสนบาท แต่ปัจจุบันมูลค่าเป็นศูนย์ ซึ่งตนเองและครอบครัวได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก อยากให้ภาครัฐช่วยมาเยียวยาผลกระทบจากปลาหมอคางดำอย่างเร่งด่วน ก่อนที่จะแพร่ระบาดไปมากกว่า

ด้าน นายมานะ ชนะสิทธิ์ นายกสมาคมพัฒนาการเมืองไทย กล่าวว่า ตนได้รับร้องเรียนเรื่องปลาหมอคางดำมาตั้งแต่ เดือนกุมภาพันธ์ 2566 หลังจากนั้นก็ได้ลงพื้นที่ติดตามปัญหาเรื่องนี้มาโดยตลอด จากการลงพื้นที่ก็พบว่ามีการแพร่ระบาดไปทั่ว ตามบ่อเพาะเลี้ยงกุ้ง ปู ปลา ของชาวประมงเพาะเลี้ยงในพื้นที่ ทั้งในอำเภอท่าใหม่และอำเภอนายายอาม ซึ่งในช่วงนั้นภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังไม่ได้ให้ความใส่ใจในเรื่องนี้มากนัก

ปัจจุบันจึงอยากให้ภาครัฐและหน่วยงานในจังหวัดจันทบุรี ใส่ใจเรื่องนี้อย่างจริงจัง อยากให้รัฐบาลสืบหาเอาผิดผู้นำเข้ามารับผิดชอบ และเยียวยาต่อชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบ ส่วนมาตรการการรับซื้อปลาหมอคางดำ อยากให้มีการตรวจสอบ การซื้อ-ขาย ให้โปร่งใส ซึ่งตนเกรงว่าจะซ้ำรอยเช่นเดียวกับการรับซื้อมังคุด ที่มีการซื้อผลผลิต และนำผลผลิตที่ซื้อแล้วมาเวียนขายใหม่

...

ขณะที่ นายนิวัติ ธัญชาติ ในฐานะ หนึ่งในคณะกรรมการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ ระดับชาติ ตัวแทนจังหวัดจันทบุรี ซึ่งวันนี้ได้ทำการลงแหจับปลาหมอคางดำด้วยตนเอง กล่าวว่า จากการลงแหจับแค่เพียง 6 รอบ ได้ปลาหมอคางดำมา 10 กว่ากิโลกรัม! และพบว่าการลงแหจับแต่ละครั้ง 99% ของปลาที่ติดแหมา พบแต่ปลาหมอคางดำโดยเฉลี่ยนำหนักปลาจะอยู่ที่ 1 ขีดต่อ 1 ตัว หรือ 10-12 ตัว ต่อ 1 กิโลกรัม ติดปลาชนิดอื่น เพียง 1-2 ตัวเท่านั้น โดยปลาหมอคางดำที่พบส่วนใหญ่เป็นวัยเจริญพันธุ์ทั้งสิ้น ปลาหมอคางดำกว่า 10 กิโลกรัม ถูกซื้อหมดในเวลาอันรวดเร็ว โดยคุณเดือนเต็มให้ราคากิโลกรัมละ 20 บาท ทั้งหมดถูกเหมาไปในราคาเพียง 200 บาท

คณะกรรมการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ จ.จันทบุรี กล่าวต่อว่า ล่าสุด จ.จันทบุรี มีการระบาดในพื้นที่ ต.ช้างข้าม ต.กระแจะ ต.สนามไชย อ.นายายอาม และใน อ่าวคุ้งกระเบน ซึ่งเป็นรอยต่อระหว่าง อ.ท่าใหม่ กับ อ.นายายอาม เริ่มระบาดไปถึงปากน้ำวังตโนด ปากน้ำแขมหนูครอบคลุมพื้นที่ 2 อำเภอ 4 ตำบลโดยวิธีที่จะลดการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำได้ดีที่สุด คือการสร้างแรงจูงใจให้ชาวบ้านมาช่วยกำจัดลดประชากรของปลาหมอคางดำ ปัจจุบันกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ฯ ได้กำหนดมาตรการการรับซื้อ คือ กิโลกรัมละ 15 บาท เบื้องต้นตนคิดว่าเพียงพอที่จะขับเคลื่อนนโยบายการควบคุมการแพร่ระบาดนี้ไปได้

...

นายนิวัติ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม ต้องมีการประเมินทุกๆ 3 เดือน หากพบมีการลักลอบเลี้ยงเพื่อจำหน่าย จะถูกดำเนินคดีตามมาตรา 114 แห่งพระราชกำหนดการประมง ปี 2558 จำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 1 ล้านบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ และอีกส่วนหนึ่ง อยากให้หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องของจังหวัดจันทบุรี ให้ความใส่ใจและร่วมมือกับการแก้ปัญหามากกว่านี้ หากปล่อยให้มีการแพร่ระบาดเป็นวงกว้าง จะลุกลามไปถึงแหล่งน้ำสาธารณะ โดยเฉพาะแม่น้ำจันทบุรี คลองสาธารณะทุกคลองใน จ.จันทบุรี และจังหวัดตราด และอาจจะลามไปถึงประเทศเพื่อนบ้าน อย่างกัมพูชาได้ ซึ่งถ้าถึงตอนนั้นแล้วการควบคุมจะทำได้ลำบากมากกว่านี้อีกหลายเท่าตัว

...

ส่วน นางสาวญาณธิชา บัวเผื่อน สส.จังหวัดจันทบุรี กล่าวว่า อยากให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสืบหาสาเหตุ ต้นตอผู้ปล่อยให้มีการแพร่ระบาดที่สร้างผลกระทบมาลงโทษ และเยียวยาต่อชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบ โดยตนเองเป็น สส. จังหวัดจันทบุรี และในฐานะเลขานุการ คณะกรรมมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้โดยตรงก็จะผลักดันในเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด

รายงานข่าวแจ้งต่อว่า จากนั้น คณะ สส.และชาวบ้านทั้งหมดได้นำปลาหมอคางดำที่จับได้ไปยังร้าน เดือนเต็มซีฟู้ด สี่แยก คุ้งวิมาน อ.นายายอาม จ.จันทบุรี เพื่อนำปลาหมอคางดำนำไปปรุงเป็นอาหารเพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่า ปลาหมอคางดำที่จับมาจากแหล่งน้ำที่สะอาดสามารถรับประทานได้ เริ่มต้นตั้งแต่เอาเกล็ดปลารอบตัวออก เมื่อผ่าท้องบางตัวมีไข่เยอะมาก บางตัวก็ไม่มีไข่ แต่ที่มีเหมือนกันคือทุกตัวมีลำไส้ยาว ปลาชนิดอื่นๆ จะมีลำไส้ยาว เท่าความยาวของลำตัว แต่ปลา หมอคางดำ จะมีลำไส้ยาวกว่าลำตัวถึง 3 เท่า เป็นเหตุให้ปลาชนิดนี้กินจุ กินเร็ว กินได้ทั้งพืช และสัตว์ อาศัยอยู่ได้ทั้งน้ำจืด น้ำเค็ม นำ้สกปรก ที่ที่ปลาชนิดนี้ชอบอาศัยอยู่คือน้ำกร่อย

โดยเมนูที่แม่ครัว ร้านเดือนเต็มซีฟู้ด เลือกทำ มีปลาหมอคางดำผัดฉ่า ซึ่งรสชาติจัดจ้าน แซ่บซ่าด้วยเครื่องปรุง สมุนไพรในพื้นที่ เมนูที่ 2 ปลาหมอคางดำทอดกระเทียม อันนี้กรอบนอกนุ่มใน จิ้มน้ำจิ๊มซีฟู้ดเพื่อเพิ่มรสชาติ เมนูที่ 3 แกงเผ็ดปลาหมอคางดำ รสจัดจ้าน แซ่บนัวตามสไตล์แกงป่า และสุดท้าย ยำปลาหมอคางดำทอดกรอบ อันนี้ทุกคนให้คะแนนเต็มสิบ อร่อย ครบรส ซึ่งทุกเมนู ทานได้ อร่อยจริง ซึ่งถ้าไม่มีใครบอกก็จะไม่รู้ว่าทุกเมนู ทำมาจากปลาหมอคางดำ ทั้งนี้ ทางร้านเดือนเต็มซีฟู้ด ได้เชิญชวนให้มาชิมปลาหมอคางดำได้ที่ร้าน เพียงโทรศัพท์มาที่เบอร์ 0622646159 เดือนเต็มซีฟู้ด ยินดีให้บริการ.