หนุ่มนากุ้งเมืองคอนครวญภัยปลาหมอคางดำกินอาหารและลูกกุ้งเกลี้ยงบ่อขาดทุนย่อยยับ-วิงวอนภาครัฐช่วยเหลือพันธุ์ลูกกุ้งเพื่อเลี้ยงในรอบต่อไป

หนุ่มนากุ้งเมืองคอน เผย ภัยปลาหมอคางดำ กินอาหารและลูกกุ้งเกลี้ยงบ่อขาดทุนย่อยยับ วิงวอนภาครัฐช่วยเหลือ พันธุ์ลูกกุ้งเพื่อเลี้ยงในรอบต่อไป สมาชิกสภาเกษตรฯ เผย กิจกรรมจับและรับซื้อปลาหมอคางดำ 14  ก.ค.พร้อมแล้ว ผู้ที่ต้องการร่วมแจ้งประสานโดยด่วน

ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า การแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของ ปลาหมอสีคางดำ ที่ในปัจจุบันกลายเป็นปัญหา “เอเลี่ยนสปีชีส์” หรือสิ่งมีชีวิตต่างถิ่นที่แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว และทำลายสัตว์น้ำประจำถิ่น ตามแหล่งน้ำธรรมชาติหรือบ่อเลี้ยงสัตว์น้ำของเกษตรกร สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวประมงอย่างหนัก โดยในส่วนของจังหวัดนครศรีธรรมราช ทางสหกรณ์ผู้เสียงกุ้งปากพนัง ชมรมผู้เลี้ยงกู้สงขลา-นครศรี ได้จัดงบประมาณสนับสนุนในการกำจัดปลาหมอคางดำในการกำหนดจัดกิจกรรมปฏิบัติการไล่ล่าจับปลาหมอคางดำ ในบ่อบำบัดน้ำเสีย บริเวณบ่อบำบัดน้ำเสียเนื้อที่ 184 ไร่ ของโครงการชลประทานเพื่อการเลี้ยงกุ้งทะเลบ้านหน้าโกฐิ หมู่ 10 ต.ขนาบนาก อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ในวันที่ 14 ก.ค. 2567 ตั้งแต่เวลา 13.00 น.เป็นต้นไป

...

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายไพโรจน์ รัตนรัตน์ สมาชิกสภาเกษตร เขต อ.ปากพนัง แกนนำในการเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาปลาหมอคางดำในพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง 2 อำเภอ ประกอบด้วย อ.ปากพนังและ อ.หัวไทร ได้นำสื่อมวลชนลงพื้นที่ตรวจสอบบ่อบำบัดน้ำเสียเนื้อที่ 184 ไร่ที่จะดำเนินการระดมจับปลาหมอคางดำในวันที่ 14 ก.ค. นั้นพบว่าในพื้นที่มีการเลี้ยงปลา กุ้ง และปู ทั้งการเลี้ยงแบบธรรมชาติและแบบมาตรฐานตามหลักวิชาการรวมกว่า 200 บ่อ พบว่าบ่อที่เลี้ยงแบบมาตรฐาน จะได้รับผลน้อยกว่าบ่อที่เลี้ยงแบบธรรมชาติ 

เนื่องจากการเลี้ยงแบบมาตรฐาน จะมีการสูบน้ำจากบ่อน้ำดีเข้ามาพัก ตากแดดฆ่าเชื้อ และไข่ปลาหมอสีคางดำจะถูกกรองออกตอนสูบน้ำเข้าบ่อ เพราะผ่านตัวกรองถึง 2 ชั้น ทำให้ไข่หรือลูกปลาหมอคางดำหลุดเข้าไปในบ่อเลี้ยงยาก ในขณะที่การเลี้ยงแบบธรรมชาติ จะสูบน้ำเข้าบ่อเลี้ยงโดยตรง ไม่มีการกรองน้ำทำให้ไข่หรือลูกปลาหมอคางดำมีโอกาสหลุดเข้าไปในบ่อเลี้ยงได้มากกว่าบ่อเลี้ยงมาตรฐาน

นายเอกชัย ทรัพย์นวล อายุ 50 ปี กล่าวว่า ตนมีอาชีพเลี้ยงกุ้งกุลาดำ ในโครงการชลประทานเพื่อการเลี้ยงกุ้งทะเลบ้านหน้าโกฐิ หมู่ 10 ต.ขนาบนาก อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช โดยบ่อเลี้ยงขนาด 2.6 ไร่ และปล่อยพันธุ์กุ้งกุลาดำเลี้ยงในบ่อจำนวน 50,000 ตัว เมื่อต้นเดทอนเมษายน 2567 ที่ผ่านมา ในช่วงแรกๆ กุ้งกินอาหารและเจริญเติบโตดีมาก ๆ แต่เมื่อปลายเดือน มิถุนายน 2567 ตรวจพบว่ามีปลาหมอคางดำเข้าไปในบ่อเลี้ยง ในขณะที่กุ้งที่พบในบ่อจะผอมผิดปกติไม่มีเนื้อหรือที่เรียกว่า “กุ้งกรอบแกรบ” เพราะถูกปลาหมอคางดำแย่งกินอาหาร และปลาหมอคางดำยังกินลูกกุ้งอีกด้วย ทำให้ลูกกุ้งกุลาดำเหลือในบ่อเลี้ยงน้อยมาก

ผู้เลี้ยงกุ้งกุลาดำ อ.ปากพนัง กล่าวต่อว่า ตัวเองจึงตัดสินใจใช้กากชาโปรยในบ่อเลี้ยง ทำให้ปลาหมอคางดำลอยตายเต็มบ่อ ตนได้ใช้สวิงตักซากปลาหมอคางดำ ขึ้นจากบ่อกว่า 500 ตัว ในขณะนี้ไม่แน่ใจว่ากุ้งที่เหลือในบ่อมีจำนวนเท่าไหร่ เพราะเมื่อให้อาหารและตักสุ่มขึ้นมาดูติดกุ้งน้อยมาก อีกประมาณ 1 เดือนเศษถึงวันจับกุ้งขายตามกำหนดเชื่อว่าเหลือกุ้งในบ่อน้อยมาก ทำให้ขาดทุนย่อยยับแน่นอน ทั้งเสียเวลาฟรี ๆ และค่าพันธุ์กุ้ง ค่าอาหาร และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ

...

"ตนไม่รู้ว่าจะหาเงินทุนจากไหนมาต่อยอดในการเลี้ยงกุ้งรุ่นต่อไป อยากให้ทางกรมประมง หรือหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ จ่ายเงินชดเชยค่าเสียหาย หรืออย่างน้อยก็ช่วยเหลือเรื่องพันธุ์ลูกกุ้ง ในการเลี้ยงรอบใหม่ก็ได้ นอกจากนี้พบว่าเพื่อนเกษตรกรรายอื่น ๆ ที่ประสบปัญหาการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ ก็อยู่ในสภาพที่ไม่แตกต่างจากตนมากนัก และต่อไปหากไม่เร่งกำจัดปลาหมอคางดำให้หมดไปจากพื้นที่ จะกลายเป็นมหัตภัยที่ทำให้อาชีพการเลี้ยงสัตว์น้ำ ไม่ว่ากุ้ง ปลาหรือปูดำ ปูม้า ในเขตลุ่มน้ำปากพนังล่มสลายยอย่างแน่นอน" นายเอกชัย กล่าว

ด้าน นายไพโรจน์ กล่าวว่า ในการเตรียมความพร้อมในการจัดกิจกรรมกำจัดปลาหมอคางดำในวันที่ 14 ก.ค.นี้ทุกอย่างพร้อมแล้วทั้งเรือ และเครื่องมือสำหรับจับปลาหมอคางดำ อย่างไรก็ตามประชาชนที่จะร่วมกิจกรรมสามารถนำเรือ หรือเครื่องมือส่วนตัวมาร่วมจับปลาหมอคางดำได้ตามความสะดวก ซึ่งจะเริ่มดีเดย์จับปลาหมอคางดำ ในเวลา 13.00 น.หากผู้ใดสนใจที่จะร่วมกิจกรรมติดต่อสอบถามและแจ้งความประสงค์ที่ตน โทร. 066-1233319 ส่วนผู้ที่จะเข้ามาเปิดจุดรับซื้อปลาหมอคางดำในวันดังกล่าวก็ประสานติดต่อมาที่ตนได้เช่นเดียวกัน.

...