หน่วยเฉพาะกิจพญานาคราช เปิดหลักฐานใหม่เชื่อมโยงขบวนการหมูเถื่อน ชี้ ใช้สาวไปถึงต้นตอใหญ่ โดยมีการปลอมแปลงเอกสารรับรองสุขอนามัยสัตว์ จำนวน 20 ฉบับ จากผู้นำเข้า 3 ราย โดยเตรียมนำข้อมูลทั้งหมดส่งให้กับตำรวจ บช.ก. บ่ายวันนี้
เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจพญานาคราช และโฆษกหน่วยเฉพาะกิจพญานาคราช ร่วมกับนายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง นายสมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ นายชัยวัฒน์ โยธคล ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจพญานาคราช และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้รายถึงความก้าวหน้าการดำเนินงานของหน่วยเฉพาะกิจพญานาคราช ในการติดตามเอาผิดกับกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับคดีหมูเถื่อน

นายธนดล กล่าวว่า ตามนโยบายของร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ได้ประกาศสงครามปราบปรามสินค้าเกษตรผิดกฎหมาย ซึ่งส่งผลกระทบต่อเกษตรกรและเศรษฐกิจของประเทศไทยในภาพรวมอย่างมาก จึงมีการตั้ง "หน่วยเฉพาะกิจพญานาคราช" ที่บูรณาการหลายหน่วยงาน ประกอบด้วย กระทรวงเกษตรฯ โดยกรมวิชาการเกษตร กรมประมง และกรมปศุสัตว์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อขับเคลื่อนนโยบายปราบปรามการลักลอบนำเข้าสินค้าเกษตรผิดกฎหมาย ทั้งสินค้าพืช ประมง และปศุสัตว์ ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
...

รองผู้บังคับหน่วย ฉก.พญานาคราช กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาทางหน่วยฯ ได้ดำเนินการอย่างจริงจังและเห็นผลเป็นรูปธรรม ทั้งการสุ่มตรวจห้องเย็น การเร่งรัดติดตาม การตรวจสอบเอกสารที่เกี่ยวข้อง ฯลฯ โดยเจ้าหน้าที่ผู้ชำนาญการโดยเฉพาะ เพื่อขยายผลนำไปสู่การดำเนินคดี โดยมุ่งเป้าถอนรากถอนโคนขบวนการดังกล่าวให้สิ้นซาก โดย รมว.เกษตรฯ ได้มีบัญชาว่าหากพบเจ้าหน้าที่ในสังกัดกระทรวงเกษตรฯ มีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำความผิด ให้คณะกรรมการระดับกระทรวงและระดับกรมที่ได้รับการแต่งตั้งดำเนินการตรวจสอบทันที ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบเอกสารและเตรียมเรียกเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมาสอบสวนต่อไป

ด้าน นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง กล่าวว่า หลังจากมีการดำเนินคดีกับผู้ประกอบการที่ลักลอบนำเข้าเนื้อสุกรเถื่อน จำนวน 161 ตู้คอนเทนเนอร์ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ ได้ลงพื้นที่สุ่มตรวจตู้คอนเทนเนอร์จำนวน 21 ตู้ ที่เป็นสินค้าตกค้าง ณ สำนักงานศุลกากรแหมฉบัง พบว่า 1 ใน 21 ตู้ที่สุ่มตรวจมีสินค้าภายในตู้ไม่ตรงตามที่ผู้นำเข้าได้ขออนุญาตไว้ตอนนำเข้า เป็นชิ้นส่วนหมูปะปนมากับสินค้าประมงภายในตู้คอนเทนเนอร์เดียวกัน ทำให้เกิดข้อสงสัยกรณีการขออนุญาตนำเข้าสินค้าประมงในลักษณะเดียวกัน

อธิบดีกรมประมง กล่าวต่อว่า หน่วยเฉพาะกิจพญานาคจึงได้มอบหมายให้กรมประมงตั้ง War Room ซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญในการตรวจสอบเอกสารจากกรมประมง และกรมปศุสัตว์ ร่วมกันดำเนินการตรวจสอบหาข้อเท็จจริงในเชิงลึก กว่า 1 สัปดาห์ ในการสุ่มตรวจสอบเอกสารประกอบการยื่นขออนุญาตนำเข้าสินค้าประมง ในช่วงปี 2564-2566 โดยเริ่มสุ่มตรวจสอบเอกสารขออนุญาตนำเข้าสินค้าประมง ของผู้นำเข้าที่ถูกดำเนินคดี ผลปรากฏว่าพบการยื่นเอกสารประกอบการขออนุญาตนำเข้าสัตว์น้ำ มีการใช้เอกสารรับรองสุขอนามัยสัตว์ โดยมีข้อความไม่ตรงตามข้อเท็จจริง ทำให้เชื่อได้ว่าเป็นเอกสารที่มีการปลอมแปลงเพื่อหลบเลี่ยงเจ้าหน้าที่ในการขออนุญาตนำเข้า
...
นายธนดล กล่าวว่า จากการดำเนินงานของหน่วยเฉพาะกิจพญานาคราช ได้พบการกระทำความผิดที่เชื่อมโยงกับขบวนการหมูเถื่อน ขณะนี้พบมีการปลอมแปลงในลักษณะดังกล่าวแล้วจำนวน 20 ฉบับ จากผู้นำเข้า 3 ราย และอยู่ระหว่างการดำเนินการเพิ่มเติม ซึ่งมีความผิดตามกฎหมายเกี่ยวกับการแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ตามมาตรา 137 แห่งประมวลกฎหมายอาญา และการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือโครงสร้างพื้นฐานอันเป็นประโยชน์สาธารณะของประเทศ หรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน มาตรา 14 (2) แห่งพระราชบัญญัติ ว่าด้วย การกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และมาตรา 264 ผู้ใดทำเอกสารปลอมขึ้นทั้งฉบับหรือแต่ส่วนหนึ่งส่วนใด เติมหรือ ตัดทอนข้อความ หรือแก้ไขด้วยประการใดๆ ในเอกสารที่แท้จริง หรือประทับตราปลอม หรือลงลายมือชื่อปลอมในเอกสาร

โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ถ้าได้กระทำเพื่อให้ผู้หนึ่งผู้ใดหลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริง ผู้นั้นกระทำความผิดฐานปลอมเอกสาร ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ผู้ใดกรอกข้อความลงในแผ่นกระดาษหรือวัตถุอื่นใด ซึ่งมีลายมือชื่อของผู้อื่นโดยไม่ได้รับความยินยอม หรือโดยฝ่าฝืนคำสั่งของผู้อื่นนั้น ถ้าได้กระทำเพื่อนำเอาเอกสารนั้นไปใช้ในกิจการที่อาจเกิดเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือประชาชน ให้ถือว่าผู้นั้นปลอมเอกสาร ต้องระวางโทษเช่นเดียวกัน
...

สำหรับ มาตรา 268 ผู้ใดใช้หรืออ้างเอกสารอันเกิดจากการกระทำความผิดตามมาตรา 264 มาตรา 265 มาตรา 266 หรือมาตรา 267 ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ต้องระวางโทษดังที่บัญญัติไว้ในมาตรานั้นๆ ถ้าผู้กระทำความผิดตามวรรคแรกเป็นผู้ปลอมเอกสารนั้น หรือเป็นผู้แจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความนั้นเองให้ลงโทษตามมาตรานี้แต่กระทงเดียว โดยในช่วงบ่ายวันนี้ (1 ก.พ. 2567) หน่วยเฉพาะกิจพญานาคราชเตรียมเดินทางไปยื่นหนังสือกับผู้แทนผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางต่อไป

...
ล่าสุดเมื่อเวลา 14.00 น. วันเดียวกัน นายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจพญานาคราช และโฆษกหน่วยเฉพาะกิจพญานาคราช นำทีมหน่วยเฉพาะกิจพญานาคราชเดินทางไปยื่นหนังสือกับ พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ผบก.ปคบ.) ผู้แทนผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ณ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ถนนพหลโยธิน เขตจตุจักร กรุงเทพฯ.