DSI ยืนยันไม่ได้คว้าน้ำเหลว เข้าตรวจค้นไม่พบหมูเถื่อน แต่ได้เอกสารพยานหลักฐานสำคัญที่จะใช้ดำเนินคดีกับกลุ่มเครือข่าย เลี่ยงตอบจะทำงานได้ทันตามเส้นตายของนายกรัฐมนตรีหรือไม่ แต่ยืนยันจะทำงานตามระเบียบและข้อกฎหมายที่มี

พันตำรวจตรีสุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI กล่าวถึงกรณีที่ DSI นำกำลังเข้าตรวจค้นจับกุมขบวนการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อนเข้ามาในประเทศหลายครั้งแต่ไม่พบหมูเถื่อน ซึ่งเกิดกระแสจากประชาชนว่าเหตุใดจึงไม่ได้ของกลางดังกล่าว เรื่องนี้อธิบดีชี้แจงว่าการเข้าตรวจสอบจับกุมเมื่อวานนี้ไม่ได้ถือว่าเป็นการคว้าน้ำเหลวแต่เป็นการเข้าไปตรวจค้นจับกุมตามคำให้การของผู้ต้องหาและการสืบสวนสอบสวนของทาง DSI ซึ่งมีข้อมูลว่าที่โกดังรับฝากแช่เย็นดังกล่าว มีการสำแดงข้อมูลใบรับฝากหัวปลาแซลมอนของกลุ่มนายทุนผู้ต้องหา 2 พ่อลูกที่ DSI เพิ่งจับกุมตัวได้ และนำไปยื่นไว้ที่กรมประมง จึงทำการสืบสวนสอบสวนจากเอกสารดังกล่าวมาที่โกดังรับฝากแช่เย็นดังกล่าว

อธิบดีดีเอสไอ กล่าวต่อว่า ดีเอสไอไม่ได้คาดหวังว่าจะเข้าไปพบเนื้อหมูเถื่อน แต่ตั้งใจจะไปรวบรวมพยานหลักฐานที่ทางบริษัทเก็บไว้ และพิสูจน์ให้ได้ว่าทางกลุ่มผู้ต้องหาเก็บของกลางที่แท้จริงไว้ที่ใด และถูกกระจายไปยังพื้นที่ใดบ้าง รวมถึงติดตามร่องรอยเส้นทางการเงินและเอกสารต่างๆ ซึ่งจากข้อมูลและเอกสารที่ได้เมื่อวานนี้ทำให้ DSI สามารถนำไปขยายผล และแจ้งข้อหาเพิ่มเติมกับกลุ่มเครือข่ายดังกล่าวได้มากยิ่งขึ้น จึงไม่ถือว่าเป็นการคว้าน้ำเหลว อีกทั้งในการเข้าตรวจค้นปฏิบัติการหลายครั้ง ก็สามารถตรวจยึดเนื้อหมูเถื่อนไปทำการตรวจสอบได้

"ยอมรับว่าคดีดังกล่าวมีความยาก เพราะการที่จะเจอเนื้อหมูที่ถูกนำเข้ามาตั้งแต่ปี 2564 ได้เป็นเรื่องยาก เนื่องจากมีการกระจายเนื้อหมูจำนวนดังกล่าวออกไปจำหน่ายยังพื้นที่ต่างๆ จึงต้องไล่ติดตามทั้งของกลางและเส้นทางการเงินที่ถูกกระจัดกระจายไปในแต่ละพื้นที่" พันตำรวจตรีสุริยา กล่าว

...

อธิบดีดีเอสไอ กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่นายกรัฐมนตรีได้เร่งกำชับว่าคดีดังกล่าวทางกรมสอบสวนคดีพิเศษจะต้องดำเนินการกับตัวผู้บงการให้ได้ภายในสัปดาห์หน้า เรื่องนี้อธิบดีเปิดเผยว่าเมื่อได้รับคำสั่งตามข้อสั่งการดังกล่าวก็ต้องดำเนินการให้ถึงที่สุด แต่พรุ่งนี้ DSI มีกลุ่มผู้ต้องหาจำนวนมากหลายกลุ่มที่ต้องดำเนินการ และไม่ได้นิ่งนอนใจในการสืบสวนสอบสวนเรื่องดังกล่าว ทั้งนี้ยืนยันว่าจะเน้นทำตามระเบียบและข้อกฎหมายตามขอบเขตที่ DSI มีอำนาจดำเนินการได้

พันตำรวจตรีสุริยา กล่าวด้วยว่า ในด้านการดำเนินการกับเจ้าหน้าที่รัฐ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการดังกล่าว วันนี้ทาง DSI จะมีการประชุมสรุปสำนวนคดีดังกล่าว เพื่อรวบรวมข้อมูลพยานหลักฐานทำสำนวนส่งให้ทาง ป.ป.ช.พิจารณาชี้มูลความผิดภายในวันนี้ ซึ่งมีทั้งเจ้าหน้าที่รัฐและผู้บริหารที่เข้าไปเกี่ยวข้องในสำนวนที่จะส่งให้ป.ป.ช. มากกว่า 10 คน

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้สอบถามว่ากลุ่มเจ้าหน้าที่รัฐและผู้บริหารมีบุคคลที่เป็นข้าราชการระดับอธิบดีกรมเลยหรือไม่ เรื่องนี้อธิบดีให้ข้อมูลว่า ข้อมูลการสืบสวนสอบสวนของ DSI พบว่ามีพยานหลักฐานที่ทาง DSI สามารถสืบสวนสอบสวนได้ ที่แสดงให้เห็นว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐไปเชื่อมโยงถึงขบวนการนี้ทั้งหมด.