กลุ่มชาวบ้านลุ่มน้ำชีใน จ.ร้อยเอ็ดและยโสธรราวร้อยคนรวมตัว จัดเวทีรับฟังความเห็นปมน้ำท่วมพื้นที่เกษตรเสียหาย อ้างรัฐสร้างเขื่อนบริหารจัดการน้ำพลาด ยื่นเรื่องให้กรมชลประทานสอบข้อเท็จจริง จี้กระจายอำนาจจัดการน้ำให้อยู่ในมือชุมชน พร้อมข้อเสนอ 6 ข้อ
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 8 พ.ย. 66 ที่บริเวณลานสาธารณะหนองคำ บ้านคำม่วง หมู่ 7 ต.ย่อ อ.คำเขื่อนแก้ว จ.ยโสธร เครือข่ายชาวบ้านลุ่มน้ำชีจังหวัดร้อยเอ็ด และจังหวัดยโสธร ประมาณ 100 คน ได้จัดเวทีรับฟังความคิดเห็นถึงสาเหตุของปัญหาและข้อเสนอต่อการจัดการน้ำในระดับนโยบายและระดับพื้นที่ ซึ่งได้จัดเวทีรับฟังความคิดเห็นขึ้นในพื้นที่อำเภอคำเขื่อนแก้ว และอำเภอเมืองยโสธร จังหวัดยโสธร รวมทั้งหมด 4 เวที
ในวันนี้เป็นเวทีสุดท้ายได้มีเสียงสะท้อนไปในทิศทางเดียวกันว่า สาเหตุของปัญหาที่เกิดขึ้น คือ หนึ่งโครงการพัฒนาแหล่งน้ำขนาดใหญ่ โดยเฉพาะโครงการโขง ชี มูล เดิม ที่มีการสร้างเขื่อนกั้นแม่น้ำชี เช่น เขื่อนร้อยเอ็ด เขื่อนยโสธร-พนมไพร และเขื่อนธาตุน้อย ที่สร้างขวางกั้นแม่น้ำชีทำให้เกิดปัญหาน้ำท่วมพื้นที่การเกษตรซ้ำซากและกินระยะเวลายาวนานผิดปกติ 1-4 เดือน ตลอดจนการบริหารจัดการน้ำไม่ได้สอดคล้องตามฤดูกาล
...
ประเด็นต่อมา คือ การบริหารจัดการน้ำที่ผิดพลาดของเขื่อนฯ ในแม่น้ำชีทำให้พื้นที่การเกษตรถูกน้ำท่วมขังนานกว่าปกติ เพราะชลประทานได้ควบคุมการเปิด-ปิดเขื่อนฯ ไม่พร่องน้ำออกเพื่อเตรียมรองรับน้ำใหม่ที่จะมา ซึ่งต้องเข้าใจว่าแม่น้ำชีเดิมก่อนที่จะมีเขื่อนฯ แม่น้ำสายนี้ในช่วงฤดูน้ำหลากจะทำหน้าที่เป็นทางน้ำเพื่อพร่องน้ำตามธรรมชาติ
รายงานข่าวแจ้งว่า ข้อสรุปจากเวทีรับฟังความเห็น ยังได้ทำข้อเสนอต่อการจัดการน้ำในระดับนโยบายและระดับพื้นที่ โดยทางเครือข่ายชาวบ้านลุ่มน้ำชี จังหวัดยโสธร จังหวัดร้อยเอ็ด จะติดตามข้อเรียกร้องอย่างใกล้ชิดเพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรมและชัดเจนต่อไป ดังนี้
1. ให้นายกฯ เศรษฐา ทวีสิน เร่งดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาเขื่อนร้อยเอ็ด เขื่อนยโสธร-พนมไพร และเขื่อนธาตุน้อย ในแม่น้ำชี จังหวัดยโสธร จังหวัดร้อยเอ็ด ซึ่งชาวบ้านได้เสนอกับกรมชลประทานและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไปเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ถ้ายังไม่เร่งดำเนินการแต่งตั้งชาวบ้านจะเดินทางไปพบนายกรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาล
2. เขื่อนร้อยเอ็ด เขื่อนยโสธร-พนมไพร เขื่อนธาตุน้อย จะต้องบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับฤดูกาล โดยการพร่องน้ำออกก่อนเพื่อเตรียมรองรับน้ำใหม่ และไม่ก่อให้เกิดปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก
3. ให้ชาวบ้านเข้าไปมีส่วนร่วมในการเปิด-ปิดเขื่อนฯ
4. ฤดูปลาวางไข่จะต้องเปิดเขื่อนเพื่อให้ปลาขึ้นมาวางไข่
5. ให้ยุติการก่อสร้างสิ่งกีดขวางในแม่น้ำชี
6. รัฐจะต้องสนับสนุนรูปแบบการจัดการน้ำขนาดเล็ก ในระดับชุมชนที่ชาวบ้านเข้าถึง และจัดการได้จริง เช่น การใช้แผงโซลาร์เซลล์ดึงน้ำมาทำการเกษตร การใช้เครื่องสูบจากใต้ดินขึ้นมาใช้เพื่อการเกษตร เป็นต้น
ต่อมา 11.30 น. เครือข่ายชาวบ้านลุ่มน้ำชีจังหวัดร้อยเอ็ด จังหวัดยโสธร ได้เดินทางไปที่บริเวณเขื่อนยโสธร-พนมไพร พร้อมกับได้อ่านแถลงการณ์เสียงสะท้อนคนลุ่มน้ำชี ถึงการจัดการน้ำที่ผิดพลาดของกรมชลประทาน จากนั้นได้ยื่นหนังสือให้กับนายพงษ์พิศ ไชยศรี หัวหน้าฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ 1 เขื่อนยโสธร-พนมไพร และนายภพธรรม สุนันธรรม นักวิชาการสิทธิมนุษยชนชำนาญการ รักษาการหัวหน้ากลุ่มงานคุ้มครองสิทธิมนุษยชนสำนักงานภูมิภาคจังหวัดขอนแก่น เพื่อให้ตรวจสอบการบริหารจัดการน้ำที่ผิดพลาดของเขื่อนร้อยเอ็ด เขื่อนยโสธร-พนมไพร และเขื่อนธาตุน้อย
...
นายนิมิตร หาระพันธ์ กรรมการเครือข่ายชาวบ้านน้ำชี จังหวัดยโสธร กล่าวว่า ด้วยทางเครือข่ายชาวบ้านลุ่มน้ำชี จังหวัดยโสธร เป็นอีกเครือข่ายที่ได้ติดตามสถานการณ์ปัญหาน้ำท่วมพื้นที่การเกษตร และได้ประชุมหารือในส่วนของคณะกรรมการเครือข่ายชาวบ้านลุ่มน้ำชี จังหวัดยโสธร จึงได้มีการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นถึงสภาพปัญหาและผลกระทบตลอดจนข้อเสนอในการจัดการน้ำของชาวบ้านในพื้นที่อำเภอคำเขื่อนแก้วและอำเภอเมืองยโสธร ทั้งหมด 4 เวที ชาวบ้านได้สะท้อนถึงสาเหตุของปัญหา และผลกระทบจากการสร้างเขื่อนในแม่น้ำชี โดยเฉพาะเขื่อนร้อยเอ็ด เขื่อนยโสธร-พนมไพร และเขื่อนธาตุน้อยที่ถูกสร้างขวางกั้นแม่น้ำชี
กรรมการเครือข่ายชาวบ้านน้ำชี จังหวัดยโสธร กล่าวด้วยว่า ทำให้เกิดปัญหาน้ำท่วมพื้นที่การเกษตรซ้ำซาก และกินระยะเวลายาวนานผิดปกติ 1-4 เดือน ตลอดจนการบริหารจัดการน้ำไม่ได้สอดคล้องตามฤดูกาล ดังนั้นเครือข่ายชาวบ้านลุ่มน้ำชี จังหวัดยโสธร จะทำการติดตามข้อเสนออย่างใกล้ชิดเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อพื้นที่การเกษตร ชุมชนตลอดจนระบบนิเวศเหมือนที่ผ่านมา เพราะเขื่อนในแม่น้ำชีถูกควบคุมโดยกรมชลประทานและมีการบริหารจัดการน้ำผิดพลาดมาโดยตลอด หวังว่าข้อเสนอในครั้งนี้ทางกรมชลประทานจะนำไปปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม.
...