นายกฯ นำทีมตรวจน้ำท่วมอุบลราชธานี แนะคิดนอกกรอบหาทางเร่งระบาย อย่ากลัวแล้งตอนนี้ ด้าน รมช.ไชยา เผยโดยแนวโน้มน้ำยังทรงตัว ชลประทานวางเครื่องผลักดันน้ำในแม่น้ำมูล ที่ อ.พิบูลมังสาหาร เพื่อเร่งระบายลงแม่น้ำโขง พร้อมรับฟังความเดือดร้อนของชาวบ้าน
เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 6 ต.ค.66 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อมนายไชยา พรหมา รมช.เกษตรและสหกรณ์ นายเกรียง กัลป์ตินันท์ รมช.มหาดไทย พร้อมคณะลงพื้นที่ตรวจราชจังหวัดอุบลราชธานี เพื่อติดตามสถานการณ์อุทกภัยและหาแนวทางการแก้ปัญหาให้พี่น่องประชาชน โดยเดินทางด้วยรถยนต์อัลพาร์ดสีขาว ทะเบียน กฉ 5454 อุบลราชธานี มายังสถานีวัดระดับน้ำแม่น้ำมูลM7 สะพานเสรีประชาธิปไตยเทศบาลนครอุบลราชธานี มีนายศุภศิษย์ กอเจริญยศ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี และน.ส.พิศทยา ไชยสงคราม นายกเทศมนตรีนครอุบลราชธานีให้การต้อนรับ
...
จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้ดูระดับน้ำแม่น้ำมูล รับทราบแนวโน้มสถานการณ์น้ำ และเยี่ยมชมรถโมบายติดตามสถานการณ์น้ำของ สนทช. ก่อนเดินเข้าบริเวณงานที่เยี่ยมให้กำลังใจประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมบ้านเรือนในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีซึ่ง นายเศรษฐาได้ทักทายพูดคุยให้กำลังใจกับประชาชนอย่างใกล้ชิด ก่อนจะมอบถุงยังชีพให้ประชาชนผู้เดือดร้อน
นายเศรษฐา กล่าวว่า จังหวัดอุบลราชธานีประสบปัญหาน้ำท่วมทุกปี ปีที่ผ่านมาน้ำท่วมเกือบ 2 เมตร แต่ปีนี้ตนมั่นใจว่าไม่หนัก แต่ควรวางแผนในการบริหารจัดการเรื่องน้ำท่วม โดยอาจจะต้องมีการลองวิธิใหม่ๆ กันบ้าง ซึ่งเป็นที่แน่นอนว่าปริมาณน้ำที่ไหลลงมาจังหวัดอุบลราชธานี จะอยู่ในช่วงเดือน ต.ค. ซึ่งนโยบายคิดนอกกรอบ คือ การบริหารจัดการน้ำที่ต้องปล่อยน้ำออกไปบ้างในช่วงหน้าฝน อย่ากลัวว่ามันจะแล้งแต่ต้องดูเรื่องความเสี่ยงด้วย นอกจากนี้ยังมีโครงการระยะยาวที่จะแก้ไขปัญหาน้ำท่วม ที่ต้องดูความคุ้มค่าที่สุดต้องไปศึกษาให้รอบคอบและต้องทำให้ทันในรัฐบาลชุดนี้
ด้าน นายไชยา พรหมา รมช.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า จากสถานการณ์อุทกภัยบริเวณพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำ สายหลักเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มน้ำชี-มูล (ข้อมูล ณ วันที่ 6 ต.ค. 66) ที่สถานีวัดน้ำ (แม่น้ำมูล) M.7 อ.เมืองอุบลราชธานี มีระดับน้ำเพิ่มขึ้นจากเมื่อวานเล็กน้อย มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 2,686 ลบ.ม./วินาที โดยแนวโน้มสถานการณ์น้ำยังทรงตัว
รมช.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวด้วยว่า ทาง กระทรวงเกษตรฯ โดย สำนักงานชลประทานที่ 7 กรมชลประทาน ได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำขนาด 8 นิ้ว บริเวณประตูระบายน้ำวัดเสนาวงศ์ ชุมชนท่าบ่งมั่ง อ.วารินชำราบ จำนวน 2 เครื่อง และบริเวณประตูระบายน้ำท่ากอไผ่ ชุมชนท่ากอไผ่ อ.วารินชำราบ จำนวน 2 เครื่อง รวมทั้งร่วมบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งเสริมแนวกระสอบทรายกว่า 10,000 ใบ และยังได้จัดเตรียมเครื่องผลักดันน้ำจำนวน 100 เครื่อง ไว้ที่บริเวณสะพานข้ามแม่น้ำมูล อ.พิบูลมังสาหาร เพื่อเร่งการระบายน้ำลงสู่แม่น้ำโขงให้เร็วยิ่งขึ้น
...
ในโอกาสนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้รับฟังปัญหาความเดือดร้อนจากพี่น้องชาวอุบลราชธานี พร้อมฟังรายงานสถานการณ์น้ำ ณ แก่งสะพือ ต.พิบูล อ.พิบูลมังสาหาร ด้วย.