ศาลรธน.รับคำร้อง ปูกระอัก ย้ายถวิลผิดม.268

เจออีกดอก-ต้องแก้ต่างใน15วัน ‘เหนาะ’ขู่บิดกม.บ้านเมืองพินาศ ปปช.สอบ3พยานก่อนสงกรานต์
ศาลรธน.มติเอกฉันท์รับคำร้องวินิจฉัย “ปู” พ้นเก้าอี้เซ่นเด้ง “ถวิล” ใช้ตำแหน่งแทรกแซงช่วยเครือญาติเข้าข่ายต้องห้ามม.268 ขีดเส้นให้ส่งคำชี้แจงแก้ต่างใน 15 วัน “ยิ่งลักษณ์” เครียดเรียกถกรมต.-ทีมทนายสู้ 2 คดีฉกรรจ์ “เพื่อไทย” ข้องใจรวบรัดพลิกก.ม.ตั้งแท่นจ่อเชือดนายกฯ “ป๋าเหนาะ” เตือนระวังน้ำผึ้งหยดเดียวคนถือก.ม.บิดเบือนบ้านเมืองพังพินาศทนาย “ปู” ตื๊อร้องสอบเพิ่มพยาน 4 ปากหักล้างปล่อยโกงข้าว “เรืองไกร” ขู่ตัดสินผิดนำไปสู่กลียุคป.ป.ช.เหยียบคันเร่งรีดสอบ 3 พยานเอกก่อนสงกรานต์รัฐบาลวาง 4 แนวทางกำหนดวันเลือกตั้งใหม่พท.ฉะกกต.เตะถ่วงดองเค็ม 5 เดือนปชป.สาปส่งเลิกเสียทีพฤติกรรมคุกคามกดดัน
กรณีนายไพบูลย์นิติตะวันส.ว.สรรหาและคณะยื่นเรื่องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีของน.ส.ยิ่งลักษณ์ชินวัตรนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมหลังจากศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งให้คืนตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) แก่นายถวิลเปลี่ยนศรีล่าสุดศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์รับคำร้องไว้พิจารณาโดยกำหนดให้นายกรัฐมนตรีส่งคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาภายใน 15 วัน
ศาลรธน.ถกคำร้องฟัน “ปู” เด้ง “ถวิล”
เมื่อเวลา 09.30 น. เมื่อวันที่ 2 เม.ย. คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีการประชุมเพื่อพิจารณากรณีที่ประธานวุฒิสภาส่งความเห็นของนายไพบูลย์นิติตะวันส.ว.สรรหาขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีของน.ส.ยิ่งลักษณ์ชินวัตรนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 182 (7) ประกอบมาตรา 268 หรือไม่จากกรณีการโยกย้ายตำแหน่งนายถวิลเปลี่ยนศรี อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)
มติเอกฉันท์รับไว้วินิจฉัย
ต่อมาเวลา 14.00 น. นายเชาวนะไตรมาศเลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญเปิดเผยว่าศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์รับคำร้องที่ประธานวุฒิสภาส่งความเห็นของสมาชิกวุฒิสภาขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 91 ว่าความเป็นรัฐมนตรีของน.ส.ยิ่งลักษณ์ชินวัตรนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 182 (7) ประกอบรัฐธรรมนูญมาตรา 268 หรือไม่จากกรณีศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาให้คืนตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) แก่นายถวิลเปลี่ยนศรีอดีตที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ
ให้นายกฯยื่นแก้ต่างภายใน 15 วัน
นายเชาวนะกล่าวว่าทั้งนี้นายไพบูลย์นิติ– ตะวันส.ว.สรรหาและคณะรวม 28 คนเห็นว่าการที่นายกรัฐมนตรีโยกย้ายนายถวิลพ้นจากการเป็นเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาตินั้นไม่ใช่เป็นการกระทำตามอำนาจหน้าที่การบริหารราชการตามนโยบายที่ได้แถลงไว้ต่อสภาแต่เป็นการใช้ตำแหน่งการเป็นนายกรัฐมนตรีเข้าไปแทรกแซงเพื่อประโยชน์ของตนเองเครือญาติพรรคเพื่อไทยที่นายกรัฐมนตรีสังกัดเข้าข่ายต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา 268 ประกอบมาตรา 266 (2) และ (3) ไว้พิจารณาวินิจฉัยเนื่องจากเห็นว่ากรณีตามคำร้องเป็นการยื่นตามรัฐธรรมนูญมาตรา 91 ประกอบมาตรา 182 วรรคสามที่ให้ส.ว.จำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่มีสิทธิเข้าชื่อยื่นคำร้องต่อประธานวุฒิสภาเพื่อยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีที่มีการกระทำอันต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญสิ้นสุดลงจึงอยู่ในอำนาจที่ศาลรัฐธรรมนูญจะรับไว้วินิจฉัยโดยให้นายกรัฐมนตรียื่นคำชี้แจ้งแก้ข้อกล่าวหากลับมาภายใน 15 วันนับแต่วันได้รับสำเนาหนังสือ
“ปู” ถกเครียดทีมก.ม.สู้ 2 คดีเด็ด
ขณะที่เวลา 10.00 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ชินวัตรนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมเดินทางเข้าสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม (สป.กห.) เมืองทอง– ธานีโดยยังคงใส่เฝือกอ่อนและนั่งวีลแชร์เข้ารับฟังรายงานสถานการณ์การชุมนุมทางการเมืองจากฝ่ายความมั่นคงจากนั้นได้เรียกนายกิตติรัตน์ณระนองรองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลังนายนิวัฒน์– ธำรงบุญทรงไพศาลรองนายกฯและรมว.พาณิชย์นายวราเทพรัตนากรรมต.ประจำสำนักนายกฯและรมช.เกษตรฯนายธงทองจันทรางศุปลัดสำนักนายกฯนายอำพนกิตติอำพนเลขาธิการสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีพร้อมทีมทนายความนำโดยนายพิชิตชื่นบานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทยนายนรวิชญ์หล้าแหล่งและนายบัญชาปรมีศณาภรณ์เตรียมข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อต่อสู้คดีละเลยปล่อยให้มีการทุจริตโครงการรับจำนำข้าวหลังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามหารทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) อนุญาตให้สอบเพิ่มเติมพยานได้เพียง 3 ปากพร้อมหารือกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับคำร้องขอให้วินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีของน.ส.ยิ่งลักษณ์จากกรณีการโยกย้ายนายถวิลเปลี่ยนศรีอดีตเลขาธิการสมช. โดยนายกฯได้สอบถามทีมทนายว่าต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯทันทีเลยหรือไม่ซึ่งนายพิชิตบอกว่าไม่จำเป็นต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่เลยทันทีต้องให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยถึงที่สุดก่อนและนายกฯสามารถส่งเอกสารชี้แจงได้โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางไปด้วยตัวเอง
พท.ข้องใจพลิกตำราจ่อเชือด “ปู”
นายอนุสรณ์เอี่ยมสะอาดรองโฆษกพรรคเพื่อไทยแถลงกรณีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องวินิจฉัยสถานภาพของน.ส.ยิ่งลักษณ์ชินวัตรนายกฯและรมว.กลาโหมว่าถ้าพิจารณาตามหลักกฎหมายที่ยุติธรรมเป็นการโยกย้ายแต่งตั้งข้าราชการปกติครม.มีหน้าที่เพียงรับทราบที่แปลกประหลาดคือครม.ชุดนี้เป็นครม.รักษาการเพื่อส่งมอบหน้าที่ให้ครม.ชุดใหม่เท่านั้นจะต้องพ้นจากการปฏิบัติหน้าที่ไปไหนถ้าว่ากันตามทฤษฎีสมคบคิดอะไรก็เกิดขึ้นได้ตอนนายอภิสิทธิ์เวชชาชีวะเป็นนายกฯย้ายพล.ท.สุรพลเผื่อนอัยกาเลขาธิการสมช. ไปเป็นที่ปรึกษานายกฯฝ่ายข้าราชการประจำใช้กฎหมายคนละฉบับกับน.ส.ยิ่งลักษณ์หรืออย่างไร
ขู่ป.ป.ช.ตัดสินผิดเปิดประตูกลียุค
นายเรืองไกรลีกิจวัฒนะที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทยเปิดเผยว่าตนได้รับข้อร้องเรียนจากประชาชนจำนวนมากที่ห่วงการทำงานของป.ป.ช.อาจเข้าข่ายสองมาตรฐานได้รับธงจากใครหรือไม่ป.ป.ช.เตรียมจะชี้มูลความผิดกรณีรับจำนำข้าวหากไม่ยุติธรรมจะเกิดปัญหาอาจส่งผลให้บ้านเมืองเกิดกลียุคเชื่อว่าคำวินิจฉัยชี้มูลความผิดนายกฯจะออกมาเร็วๆนี้จะสอดรับกับการเปิดประชุมวุฒิสภาเพื่อถอดถอนนายกฯเมื่อป.ป.ช.ชี้มูลความผิดนายกฯก็ต้องระบุให้ชัดเจนว่าวินิจฉัยความผิดนายกฯในสถานะใดอย่ากำกวมเพราะนายกฯพ้นจากความเป็นนายกฯไปแล้วตั้งแต่วันที่ 9 ธ.ค.56 ที่ยุบสภาแล้วจึงไม่มีหน้าที่ให้ปฏิบัติเหมือนสถานะนายกฯก่อนยุบสภาแต่ยังต้องปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 181 ถ้าหากยุติการปฏิบัติหน้าที่อาจถูกตีความว่าไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญได้
“เสนาะ” เตือนผู้ถือก.ม.อย่าบิดเบือน
ที่บ้านพักเมืองทองธานีนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณรมว.มหาดไทยในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทยพร้อมด้วยนายภูมิธรรมเวชยชัยเลขาธิการพรรคเพื่อไทยและนายพร้อมพงศ์นพฤทธิ์โฆษกพรรคเพื่อไทยนำกระเช้าดอกไม้เข้าอวยพรวันเกิดครบ 81 ปีของนายเสนาะเทียนทองที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทยโดยนายเสนาะกล่าวว่าสิ่งที่จะทำให้เกิดความปรองดองในชาติคือทุกฝ่ายต้องหันมาคุยกันแบบพี่น้องอาสาหาทางออกให้บ้านเมืองสำคัญอยู่ที่คนกลางและสถาบันหลักของบ้านเมืององค์กรอิสระและศาลต้องเป็นกลางขอเตือนสติว่าคนถือกฎหมายอย่าบิดเบือนเหตุการณ์บ้านเมืองครั้งนี้ถือเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวหากผู้ใหญ่ไม่รักษาคุณธรรมประเทศจะแตกแยกกว่าเดิมการตั้งรัฐบาลคนกลางไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ถ้ากระบวนการยุติธรรมยังไม่เปลี่ยนแปลงจะทำให้ประเทศพินาศส่วนข้อเสนอให้คนตระกูลชินวัตรเว้นวรรคทางการเมือง 1 ปีเป็นสิทธิส่วนบุคคลแต่ส่วนตัวเห็นด้วยว่าควรถอยแต่ไม่ใช่หนีปัญหาเป็นการถอยเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อบ้านเมือง
ป.ป.ช. สอบ 3 พยานก่อนสงกรานต์
ที่สำนักงานป.ป.ช. ถนนสนามบินน้ำจ.นนทบุรีนายปานเทพกล้าณรงค์ราญประธานป.ป.ช. กล่าวถึงมติป.ป.ช.ให้ไต่สวนพยานคดีรับจำนำข้าวเพียง 3 รายจาก 11 รายตามที่นายกฯขอมาว่าป.ป.ช.ขอให้นายกฯประสานงานให้พยานทั้ง 3 รายได้แก่นายนิวัฒน์ธำรงบุญทรงไพศาลรองนายกฯและรมว.พาณิชย์นายกิตติรัตน์ณระนองรองนายกฯและรมว.คลังและนายยรรยงพวงราชรมช.พาณิชย์มาให้ถ้อยคำต่อป.ป.ช. ซึ่งพร้อมให้ความเป็นธรรมสามารถเพิ่มเติมหลักฐานเอกสารได้ตลอดโดยเจ้าหน้าที่ป.ป.ช.จะติดต่อให้พยานทั้ง 3 รายมาให้ถ้อยคำก่อนจะหยุดยาวช่วงเทศกาลสงกรานต์ยืนยันว่าป.ป.ช.ไม่หนักใจว่ากันไปตามรูปคดี
โต้ครหาเป็นปรปักษ์รัฐบาล
นายวิชามหาคุณกรรมการป.ป.ช. กล่าวว่ายืนยันว่าคณะกรรมการป.ป.ช.ทุกคนได้ไต่สวนคดีรับจำนำข้าวด้วยความรอบคอบหลังจากนี้ต้องขอฟังพยานทั้ง 3 ปากซึ่งเป็นรัฐมนตรีในบังคับบัญชาของนายกฯจึงไม่น่ายากในการติดต่อให้มาชี้แจงแต่ยังไม่สามารถกำหนดได้ว่าจะลงมติชี้มูลความผิดเรื่องนี้ได้เมื่อใดเพราะอาจถูกมองว่าตั้งธงล่วงหน้าขณะนี้คณะทำงานกำลังตรวจสอบเอกสารหลักฐานที่นายกฯนำมาประกอบการชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาอยู่เมื่อถามว่ารู้สึกอย่างไรที่ป.ป.ช.ถูกวิจารณ์ว่าเป็นฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลนายวิชาตอบว่าไม่ได้คิดว่าใครเป็นปรปักษ์กับป.ป.ช. ไม่ใช่ว่าใครถูกกล่าวหาแล้วเป็นปรปักษ์กับป.ป.ช. มีหลายคดีที่ป.ป.ช.ให้ข้อกล่าวหาตกไปหรือไม่รับคำร้องไว้พิจารณาป.ป.ช.ไม่ได้คิดว่าเป็นปรปักษ์กับรัฐบาลส่วนที่ระบุว่าคนที่พิจารณาต้องเป็นกลางไม่พูดไม่ทำอะไรคงไม่ใช่ระบบไต่สวนที่แท้จริงองค์กรผู้ไต่สวนต้องลงไปหาความจริงเองเหมือนหนังเรื่องเปาบุ้นจิ้นมีหรือที่เปาบุ้นจิ้นนั่งเฉยๆต้องลงไปหาข้อมูลจริงมีทีมทำงานลงพื้นที่เมื่อถามว่าหากพยานทั้ง 3 ปากพาดพิงบุคคลอื่นและขอให้สอบเป็นพยานเพิ่มเติมได้หรือไม่นายวิชาตอบว่าก็ต้องพิจารณากันก่อน
ทนายตื๊อขอสอบเพิ่มอีก 4 ปาก
วันเดียวกันนายบัญชาปรมีศณาภรณ์ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากน.ส.ยิ่งลักษณ์ชินวัตรนายกรัฐมนตรีให้รับผิดชอบคดีรับจำนำข้าวกล่าวถึงกรณีป.ป.ช.อนุญาตให้นายกฯนำพยานมาชี้แจงคดีรับจำนำข้าวเพียง 3 ปากจาก 11 ปากว่าถือว่าน้อยเกินไปเพราะยังมีพยานสำคัญอีกหลายปาก ที่ป.ป.ช.ไม่อนุญาตให้มาชี้แจงตามที่ร้องขอไปจึงจะยื่นคำร้องขอให้ป.ป.ช.เรียกสอบพยานเพิ่มอีก 4 ปากได้แก่ 1. ร.ต.อ.เฉลิมอยู่บำรุงรมว.แรงงานพยานปากสำคัญที่จะช่วยหักล้างข้อกล่าวหาเพราะมีเอกสารหลักฐานว่านายกฯสั่งการให้ดูแลการทุจริตอย่างไรบ้างแสดงให้เห็นว่าไม่ได้ละเลยการปราบปรามทุจริตในโครงการนี้ 2.พล.ต.อ.วรพงษ์ซิวปรีชารองผบ.ตร. 3.พล.ต.ต.ธวัชบุญเฟื่องรองเลขาธิการนายกฯที่ได้รับมอบหมายให้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้าวในโกดังพบว่าอยู่ครบไม่ได้สูญหายเพื่อหักล้างข้อมูลน.ส.สุภาปิยะจิตติประธานคณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวที่ระบุว่าโครงการจำนำข้าวขาดทุนกว่า 2 แสนล้านบาทเมื่อข้าวในโกดังยังอยู่ครบก็ไม่สามารถนำมาใช้คำนวณได้ว่าโครงการขาดทุนถือว่าข้อมูลของอนุกรรมการฯคลาดเคลื่อน 4.นายพิชัยชุณหวชิรนายกสภาวิชาชีพบัญชีแห่งประเทศไทยจะนำมาหักล้างข้อมูลของคณะอนุกรรมการปิดบัญชีเช่นกัน
ข้องใจไม่ตั้งองค์คณะสอบ “มาร์ค”
นายบัญชากล่าวว่าส่วนที่ป.ป.ช.ระบุว่าการใช้วิธีตั้งกรรมการป.ป.ช.ชุดใหญ่เป็นองค์คณะไต่สวนนายกฯแทนการตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนเพื่อให้เกียรตินายกฯเพราะมีสถานะเป็นนายกรัฐมนตรีนั้นขอถามกลับว่ากรณีนายอภิสิทธิ์เวชชาชีวะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ที่ถูกป.ป.ช.ไต่สวนเรื่องโครงการรับประกันราคาข้าวคดีสลายการชุมนุมเสื้อแดง 91 ศพและคดีการก่อสร้างโรงพักทดแทนนายอภิสิทธิ์ก็มีสถานะเป็นนายกรัฐมนตรีเช่นกันเหตุใดป.ป.ช.จึงไม่ตั้งองค์คณะไต่สวนนายอภิสิทธิ์เหมือนกับกรณีน.ส.ยิ่งลักษณ์กลับใช้วิธีตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนตามปกติเท่านั้นอยากให้ป.ป.ช.ชี้แจงมาตรฐานการทำงานด้วย
โวยลั่นตัดสิทธิผู้ถูกกล่าวหา
ด้านนายพร้อมพงศ์นพฤทธิ์โฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าวว่าการที่ป.ป.ช.ตัดพยานตามที่นายกฯร้องขอออกไปถึง 8 ปากว่าฝ่ายกฎหมายแปลกใจและกังวลเพราะตัดพยานออกไปมากเกินครึ่งในทางคดีจะทำให้ผู้ถูกกล่าวหาเสียเปรียบถูกตัดโอกาสการชี้แจงให้ครอบคลุมการตรวจสอบของป.ป.ช.เป็นการไต่สวนต้องรับฟังข้อเท็จจริงทั้งจากเอกสารหลักฐานและพยานทุกภาคส่วนที่สำคัญเป็นคดีใหญ่กระทบทั้งตัวบุคคลและรัฐบาลดังนั้น ป.ป.ช.ควรให้โอกาสนายกฯได้ใช้พยานทั้ง 11 ปากป.ป.ช.น่าจะเร่งรีบรวบรัดหรือไม่เพราะตัดพยานเกินครึ่งและบอกว่าจะให้พยานเข้าชี้แจงก่อนช่วงสงกรานต์ฝ่ายกฎหมายกังวลสิ่งที่ป.ป.ช.อ้างว่าไม่มีการตั้งธงแต่สุดท้ายน่าจะมีนัยมีความไม่ชอบมาพากลอะไรหรือไม่อยากให้ป.ป.ช.ทบทวนเรื่องนี้เชื่อว่าจะใช้เวลาไม่นาน
รบ.วาง 4 แนวทางจัดลต.ใหม่
อีกเรื่องหนึ่งนายวราเทพรัตนากรรมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและรมช.เกษตรฯกล่าวถึงการกำหนดวันเลือกตั้งใหม่หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยการเลือกตั้งส.ส.วันที่ 2 ก.พ.ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญว่าเบื้องต้นจากการศึกษาคณะกรรมการกฤษฎีกาพบว่าคำวินิจฉัยกลางไม่ได้กำหนดแนวทางเหมือนการเลือกตั้งปี 49 คงต้องรอดูท่าทีกกต.ก่อนและรัฐบาลพร้อมจะไปหารือด้วยการกำหนดวันเลือกตั้งมีความเป็นไปได้ 4 แนวทางคือ 1.นับตั้งแต่มีคำวินิจฉัย 2.นับตั้งแต่กกต.รับคำวินิจฉัยจากศาลรัฐธรรมนูญ 3.นับตั้งแต่วันที่ประกาศคำวินิจฉัยลงในราชกิจจานุเบกษาและ 4.วันอื่นๆที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับกกต.ที่สำคัญสุดเจตนารมณ์กฎหมายรัฐธรรมนูญต้องมีการกำหนดวันเลือกตั้งโดยเร็วที่สุดเพื่อให้มีรัฐบาลใหม่มาบริหารประเทศรัฐบาลชุดนี้ไม่ได้ต้องการเป็นรัฐบาลรักษาการไปนานๆก็ไม่ทราบเหตุผลลึกๆของกกต.ว่าทำไมต้องมากำหนดหารือฝ่ายต่างๆเป็นช่วงแบบนี้ทั้งที่กกต.สามารถหารือระหว่างทางดำเนินการเลือกตั้งได้ซึ่งตรงนี้กกต.ต้องอธิบายสังคมให้ได้ด้วย
สับกกต.เตะถ่วงดองเค็ม 5 เดือน
ที่พรรคเพื่อไทยนายพร้อมพงศ์นพฤทธิ์โฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าวถึงกรณีที่กกต.มีมติจะเชิญกองทัพและฝ่ายความมั่นคงหารือประเมินการเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 8 เม.ย.ก่อนนัดรัฐบาลและพรรคการเมืองหารือในวันที่ 22 เม.ย.ว่ากกต.กำลังทำในเรื่องที่ไม่ให้ความสำคัญกับการเลือกตั้งการพูดคุยกับผบ.เหล่าทัพน่าจะเป็นหลังจากหารือกับนายกฯรัฐบาลและพรรคการเมืองทำให้ประเทศเสียหายมากเมื่อไม่มีรัฐบาลและสภาฯชุดใหม่การจัดทำนโยบายด้านงบประมาณต้องล่าช้าไปอีกศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยเรื่องการเลือกตั้งมายังกกต.ร่วม 2 สัปดาห์แล้วกกต.ยังนิ่งเฉยเพราะต้องการเตะถ่วงเวลาออกไปอีกหรือไม่จึงขอให้ดำเนินการตามมติ 53 พรรคการเมืองเร่งเชิญประชุมตัวแทนรัฐบาลและพรรคการเมืองคราวเดียวก่อนเทศกาลสงกรานต์เพื่อกำหนดวันเลือกตั้งใหม่โดยเร็วไม่อย่างนั้นจะถือว่ากกต.ยื้อเวลาหรือมีนัยพิเศษหรือไม่เพราะทราบว่ากกต.จะจัดการเลือกตั้งใหม่โดยใช้ห้วงเวลานานประมาณ 160 วันหรือนานเกือบ 5 เดือนหากเป็นเรื่องจริงจะเกิดความเสียหายกับประเทศทั้งการลงทุนการท่องเที่ยวและโครงการต่างๆที่ค้างรอรัฐบาลชุดใหม่มาดำเนินการรวมถึงเรื่องงบประมาณแผ่นดิน
ซัดสมคบคิดอัปเปหิพ้นหน้าที่
นายอนุสรณ์เอี่ยมสะอาดรองโฆษกพรรคเพื่อไทยแถลงกรณีกกต.จะเชิญผู้นำเหล่าทัพหารือจัดเลือกตั้งใหม่วันที่ 8 เม.ย. เชิญ 73 พรรคการเมืองหารือในวันที่ 22 เม.ย.ว่าชัดแล้วว่ากรอบเวลาที่ต้องจัดการเลือกตั้งใหม่ภายใน 45-60 วันนับตั้งแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญประกาศคำวินิจฉัยลงในราชกิจจานุเบกษาเป็นไปไม่ได้ประชาชนจำนวนมากถึงได้ฟ้องดำเนินคดีกกต.และศาลรัฐธรรมนูญกกต.ต้องแสดงความจริงใจให้มากกว่านี้ถ้าไม่ได้รับใบสั่งมาว่าจะต้องทำทุกวิถีทางให้ไม่มีการเลือกตั้งถ้าทำไม่ได้ก็ให้ลาออกไปคนไทยอีกหลายสิบล้านคนพร้อมทำหน้าที่แทนกกต.ร่วมในทฤษฎีสมคบคิดทำลายระบอบประชาธิปไตยล้มรัฐบาลเลือกตั้งตามธง “ไม่เป็นกลางเอียงข้าง งานใหญ่ให้ต้องเอียง” ตามที่นายสมชัยศรีสุทธิยากรระบุหรือไม่
ปชป.ไล่ส่งพท.เลิกกดดัน
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวนนท์ อินทรโก–มาลย์สุตโฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวถึงกรณีที่กกต.จะเชิญพรรคการเมืองหารือวันที่ 22 เม.ย. ว่าพรรคพร้อมให้ความร่วมมือแต่จะไม่ยอมตกเป็นเครื่องมือให้พรรคเพื่อไทยอ้างความชอบธรรมกลับเข้ามาแสวงหาอำนาจ หาก กกต.เป็นเจ้าภาพหารือต้องชัดเจนว่าพรรคเพื่อไทยต้องเริ่มสำนึกเปิดทางเจรจาหาทางออกให้ประเทศแท้จริงโดยต้องไม่มีสิทธิกดดันให้เลือกตั้งโดยไม่คำนึงถึงความขัดแย้งต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของนายกฯและผู้สนับสนุนรัฐบาลถ้ายังเป็นแบบนี้อยู่ไม่เชื่อว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นโดยสงบและขอประณามนายสุรพงษ์โตวิจักษณ์ชัยกุลรองนายกฯและรมว.การต่างประเทศที่กระทำการไม่สุจริตวิจารณ์คำตัดสินศาลอาญายกฟ้องพล.ต.ท.สมคิดบุญถนอมอดีตจเรตำรวจแห่งชาติคดีนายโมฮัมเหม็ดอัลรูไวลีนักธุรกิจชาวซาอุดีอาระเบียที่หายตัวไปจงใจเอาการเมืองในประเทศไปผูกติดกับคำพิพากษาศาลโยงการเมืองระหว่างประเทศสื่อไปต่างประเทศว่าพรรคเพื่อไทยต้องการการเลือกตั้งเพื่อให้เข้ามาปฏิรูปกระบวนการศาล เป็นการทำลายขายชาติเพื่อผลประโยชน์ตนเอง
53 พรรคบี้จัดลต.-คืนค่าสมัคร
เมื่อเวลา 10.30 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายสุรทินพิจารณ์หัวหน้าพรรคประชาธิปไตยใหม่พร้อมสมาชิกพรรคการเมืองขนาดเล็กที่ลงสมัครรับเลือกตั้งส.ส. เมื่อวันที่ 2 ก.พ. เป็นตัวแทนเข้ายื่นหนังสือต่อกกต.ผ่านน.ส.สุรณีผลทวีผอ.สำนักเลขานุการกกต.ขอให้กกต.เร่งรัดจัดการเลือกตั้งส.ส.ใหม่ภายใน 45-60 วันนับแต่คำสั่งให้การเลือกตั้ง 2 ก.พ. ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญประกาศในราชกิจจานุเบกษาขอให้กกต.คืนค่าสมัครให้พรรคที่ส่งผู้สมัครระบบบัญชีรายชื่อและผู้สมัครระบบแบ่งเขตเลือกตั้งรวมทั้งให้หาผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายจัดการเลือกตั้ง 3,800 ล้านบาทที่เสียไปโดยกกต.ควรเชิญ 73 พรรคการเมืองมาหารือกำหนดวันเลือกตั้งใหม่โดยเร็วก่อนช่วงเทศกาลสงกรานต์ไม่ใช่วันที่ 22 เม.ย. ซึ่งช้าเกินไปและอยากให้กกต.เชิญแกนนำกปปส.และนปช.มาพูดคุยเพื่อให้การเลือกตั้งเกิดขึ้นโดยสงบเรียบร้อย
กกต.ยันจะเร่งกำหนดวันเข้าคูหา
ช่วงบ่ายนายภุชงค์นุตราวงศ์เลขาธิการกกต. กล่าวภายหลังการประชุมกกต.ถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้การเลือกตั้งส.ส. วันที่ 2 ก.พ. ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญกกต. คณะที่ปรึกษากฎหมายและผู้ทรงคุณวุฒิของสำนักงานกกต.ได้พิจารณาแล้วเห็นว่ากกต.ต้องดำเนินการตามที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยทุกประการและจำเป็นจะต้องมีการตราพ.ร.ฎ.กำหนดให้มีการจัดการเลือกตั้งขึ้นใหม่โดยการดำเนินการทางอาญาและกรณีค่าใช้จ่ายดำเนินการไปแล้ว ถือว่ายังคงดำเนินการต่อไปอยู่ไม่ถือเป็นนิติกรรมสูญเปล่าและการเลือกตั้งดังกล่าวไม่ได้เป็นโมฆะ มีปัญหาเพียงบางประเด็นเท่านั้นกกต.ยืนยันว่าจะเร่งรัดกำหนดให้มีการจัดเลือกตั้งขึ้นใหม่โดยเร็วและจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์นำไปสู่การเลือกตั้งที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญอีกต่อไป
ยกฟ้อง “เจ๊แดง” ขนคนกาบัตร
นายภุชงค์กล่าวว่าที่ประชุมกกต.ยังได้พิจารณาคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งซ่อมส.ส.เชียงใหม่เขต 3 เมื่อวันที่ 21 เม.ย. ที่มีการร้องเรียนว่านางเยาวภาวงศ์สวัสดิ์ผู้สมัครพรรคเพื่อไทยจัดหารถยนต์ 20 คันอำนวยความสะดวกให้ประชาชนเดินทางไปใช้สิทธิลงคะแนนล่วงหน้าเมื่อวันที่ 12 เม.ย.56 มีการจูงใจเอื้อประโยชน์ให้ลงคะแนนกกต.พิจารณาหลายครั้งด้วยความรอบคอบแล้วมีมติเสียงข้างมากให้ยกคำร้องดังกล่าวเนื่องจากเห็นว่าไม่สามารถหาความเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างผู้ดำเนินการหรือเจ้าของรถยนต์กับนางเยาวภาได้
8 เม.ย.ประกาศรับรองส.ว.
นายภุชงค์กล่าวต่อว่าส่วนการประกาศรับรองผลการเลือกตั้งส.ว. กกต.จะพิจารณาประกาศรับรองผลให้ผู้ได้รับการเลือกตั้งและไม่มีเรื่องร้องคัดค้านการเลือกตั้งในวันที่ 8 เม.ย. นอกจากนี้ที่ประชุมมีมติเสียงข้างมากให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง (ใบแดง) นายธนาวัติเขียวรุ้งเพชรผู้สมัครส.ว.นครปฐมกรณีเขียนข้อความในป้ายโปสเตอร์หาเสียงด้วยถ้อยคำไม่สุภาพรุนแรงไม่เกี่ยวข้องกับอำนาจหน้าที่ส.ว. แต่นายธนาวัติไม่ใช่ผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งจึงไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายการเลือกตั้งทั้งนี้นับตั้งแต่มีพ.ร.ฎ.เลือกตั้งส.ว.มีเรื่องร้องคัดค้านการเลือกตั้งเข้าสู่การพิจารณาของกกต. 22 เรื่องแบ่งเป็นจ.อุบลราชธานี 5 คำร้องกทม. เลยชัยภูมิศรีสะเกษอำนาจเจริญจังหวัดละ 2 คำร้องส่วนจ.เชียงใหม่แม่ฮ่องสอนนครปฐมลำปางสมุทรสาครสิงห์บุรีและหนองบัวลำภูจังหวัดละ 1 คำร้อง
“สิงห์ชัย” เชื่อก๊กสรรหายึดปธ.วุฒิฯ
ที่รัฐสภานายสิงห์ชัยทุ่งทองส.ว.อุทัยธานีกล่าวถึงกระแสข่าวพรรคการเมืองใหญ่วางตัวนายศรีเมืองเจริญศิริว่าที่ส.ว.มหาสารคามลงชิงตำแหน่งประธานวุฒิสภาว่าสภาพการณ์ภายในวุฒิสภาขณะนี้ไม่น่าเป็นไปได้เพราะหากดูจากฐานคะแนนสนับสนุนฝ่ายตรงข้ามพรรคเพื่อไทยกุมเสียงได้เกินครึ่งโดยเฉพาะกลุ่มส.ว.สรรหาที่ยังเป็นเอกภาพประกอบกับส.ว.เลือกตั้งชุดใหม่กลุ่มที่มีสายสัมพันธ์กับพรรคประชาธิปัตย์อีกราว 15-20 คนเป็นไปไม่ได้ที่จะยอมให้ฝ่ายตรงข้ามได้ขึ้นมาเชื่อว่าประธานวุฒิสภาคนใหม่จะต้องมาจากสายสรรหาและยังมองต่อไปอีกว่ารองประธานวุฒิสภาอีก 2 ตำแหน่งจะเป็นสายสรรหาและสายเลือกตั้งอย่างละ 1 เพื่อไม่ให้ถูกมองว่ากินรวบโดยสายเลือกตั้งที่จะขึ้นมาเป็นน่าจะเลือกคนที่มีจุดยืนเดียวกันอาทิคุณหญิงจารุวรรณเมณฑกาว่าที่ส.ว. กทม. หรือนางนิพัทธาอมรรัตนเมธาว่าที่ส.ว.ปทุมธานี
สภาฯหวั่นมติป.ป.ช.ก่อปัญหา
วันเดียวกันนายสมชาติธรรมศิริที่ปรึกษากฎหมายในฐานะโฆษกสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรกล่าวถึงกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดนายสมศักดิ์เกียรติสุรนนท์อดีตประธานรัฐสภากรณีใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญกรณีเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญว่าด้วยที่มาส.ว.ว่าได้เห็นรายละเอียดการชี้มูลของป.ป.ช.แล้วส่วนตัวเห็นว่าเป็นการตัดสินที่ไม่เป็นธรรมกับนายสมศักดิ์ที่ยึดตามแนวปฏิบัติเหมือนที่ผ่านมาในอดีตและกังวลว่าจะเป็นบรรทัดฐานแนวทางปฏิบัติในอนาคตตั้งแต่สมัยรัฐบาลพล.อ.ชาติชายชุณหะวัณพ.ต.ท.ทักษิณชินวัตรหรือรัฐบาลนายอภิสิทธิ์เวชชาชีวะก็ปฏิบัติลักษณะนี้โดยไม่มีปัญหา