
"พระเด็จ" เผยของดีพารอด หลังหลงป่านานเกือบเดือน โชคดีพกไฟแช็กกับมีด
พระเด็จ เผยช่วงหลงป่าอาศัยข้าวสารของชาวบ้าน กินหยวกกล้วย ปลีกล้วย และยอดหวายประทังชีวิต โชคดีมีมีดกับไฟแช็ก ด้านผู้การพิษณุโลกเข้าเยี่ยมพระเด็จ ที่ รพ.สมเด็จพระยุพราชนครไทย...
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 19 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานมาว่า หลังจากเมื่อเวลา 03.00 น. วันนี้ นายโพธิ์ศรี แสงวิทย์ นายเยี่ยม มีศรี นายเนตร ทิมแห้ว และนายอำพร สุทธิหล่อ ชาวบ้านหมู่ 4 บ้านฟากน้ำ ต.บ้านพร้าว อ.นครไทย จ.พิษณุโลก เดินทางเข้าไปบนเทือกเขาผาขี่ควาย หลังได้รับมอบหมายจากนายสุภาพ รอดแก้ว ผู้ใหญ่บ้านฟากน้ำ ให้เดินทางไปตรวจสอบบริเวณห้างที่ชาวบ้านสร้างไว้สำหรับพัก ขณะนำวัวขึ้นไปเลี้ยงหรือเข้าไปหาของป่า จุดที่มีชาวบ้านพบเบาะแสว่ามีคนนำข้าวสารที่ใส่ขวดโค้กขนาดใหญ่ไว้ไปกินจนหมด และต้นกล้วยบริเวณรอบห้างก็ถูกตัดโค่นจำนวนหลายต้น นอกจากนี้ในหม้อหุงข้าวยังมีร่องรอยการต้มหยวกกล้วยไว้อยู่ จนทำให้พบพระเด็จ เปสโล (คงกระพันธุ์) อายุ 56 ปี พระลูกวัดของวัดบ้านพร้าวนอนพักผ่อนอยู่ในถ้ำห้วยน้ำไซ ห่างจากจุดที่แยกทางกับนายอำนาจ อดีตพระลูกวัดที่เดินขึ้นเขาไปด้วยกันเมื่อวันที่ 17 ธ.ค.2561 ถึง 5 กม. จึงได้โทรศัพท์แจ้งให้ผู้ใหญ่บ้านทราบและจัดส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารและกำลังอาสาสมัครประจำหมู่บ้านขึ้นไปรับตัวลงมาจากเทือกเขาดังกล่าว
ต่อมา เจ้าหน้าที่และชาวบ้านรวมทั้งเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิมิตรภาพมงคลธรรม ได้พาตัวพระเด็จไปส่งที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชนครไทย เพื่อตรวจเช็กร่างกายและพักฟื้น เบื้องต้นพระเด็จมีสภาพร่างกายที่แข็งแรงดี มีสติดี สามารถพูดจาตอบโต้ได้ดี มีแต่เพียงน้ำหนักตัวที่ลดลงไปมาก

จากนั้น พล.ต.ต.ถาวร แสงฤทธิ์ ผบก.ภ.จ.พิษณุโลก พ.อ.นพดล วัชรจิตบวร รอง เสธ.ม.ทบ.39 พิษณุโลก ได้เดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์จากพิษณุโลก มาลงที่โรงเรียนบ้านป่าซ่าน ต.บ้านพร้าว ตามแผนที่ได้กำหนดไว้ว่า จะมีการใช้เฮลิคอปเตอร์บินค้นหาพระเด็จบนเทือกเขาผาขี่ควาย เพื่อให้นางบุญศรี ขำมี ภรรยาพระเด็จร่วมบินและกำหนดจุดค้นหาด้วย GPS เพื่อให้ชุดค้นหาภาคพื้นที่ดินเดินเท้าเข้าไปค้นที่จุดต้องสงสัย จึงได้รับรายงานจากตำรวจ สภ.นครไทย ว่าชาวบ้านพบตัวพระเด็จแล้ว และนำตัวไปตรวจร่างกายอยู่ที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชนครไทย
พล.ต.ต.ถาวร และ พ.อ.นพดล พร้อมคณะจึงเดินทางไปที่โรงพยาบาลทันที พร้อมนำกระเช้าสุขภาพของผบช.ภ.6 และ ผบ.มณฑลทหารบกที่ 39 พิษณุโลก ไปถวายให้พระเด็จ พร้อมกล่าวให้กำลังใจ และซักถามถึงเหตุการณ์การหายตัวที่ผ่านมาถึง 1 เดือน 2 วัน โดยบอกว่า วันนี้ ตำรวจตั้งใจนำเฮลิคอปเตอร์มาร่วมกับญาติเพื่อเตรียมบินค้นหาพระเด็จอยู่แล้ว แต่ทีมค้นหาของชาวบ้านมีความชำนาญกว่ามาก และพบตัวพระเด็จก่อน จนสามารถช่วยกลับมาได้อย่างปลอดภัย ขอแสดงความยินดีกับพระเด็จและครอบครัวด้วย และขอบคุณชาวบ้านทุกคน เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่ร่วมด้วยช่วยกันปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้

ด้าน พระเด็จ เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟังว่า วันที่ 17 ธ.ค.2561 ได้รับกิจนิมนต์จากญาติโยมให้ขึ้นไปสวดมนต์ในการทำพิธีตั้งเสาปักธงชัยใหม่ หลังจากเสาหักเพราะแรงลม ซึ่งอยู่บนยอดเขาผาขี่ควาย โดยมากับพระอำนาจ แต่ด้วยสุขภาพของตนไม่แข็งแรงเลยเดินช้า พระอำนาจจึงเดินขึ้นไปบนยอดเขาก่อน พอหายเหนื่อยก็เดินไปตามทางเรื่อยๆ จนไม่เห็นร่องรอย มองไปตรงไหนก็เป็นป่าไปหมด เลยตัดใจจะกลับวัดบ้านพร้าวโดยการเดินไปทางซ้ายมือตลอด แต่ก็กลายเป็นว่าเดินเข้าไปลึกไปเรื่อย กระทั่งพบชาย 2 คนหน้าตาเหมือนกันคาดว่าจะเป็นฝาแฝด ใส่เสื้อและกางเกงสีดำผมยาว ได้พาตนเดินไปในป่าจนถึงถ้ำห้วยน้ำไซ ซึ่งใช้เวลาเดินไปประมาณ 3 วัน ผู้ชายทั้งสองคนบอกว่า "ให้อยู่ในถ้ำ เดี๋ยวจะมีคนมารับ"
พระเด็จ ผู้หลงป่าร่วม 1 เดือน กล่าวต่อว่า ระหว่างหลงทางอยู่ในป่าไปเรื่อย อาศัยกินกล้วยดิบ ปลีกล้วย หยวกกล้วย และยอดหวาย ที่ห้างซึ่งอยู่ใกล้กับถ้ำที่พักอาศัยอยู่ โชคดีที่ตนมีมีด 1 เล่ม ไฟแช็กติดย่ามไป 5 อัน จึงใช้จุดก่อไฟหุงข้าวกิน พอข้าวสารหมดก็ต้มหยวกกล้วย ยอดหวาย ประทังชีวิตไปวันๆ
"ทุกวันก็จะตะโกนไปเรื่อยว่า “พระเด็จอยู่ตรงนี้ๆ นะ” เพราะหวังว่าจะมีชาวบ้านมาเจอ เพราะเชื่อว่าชาวบ้านฟากน้ำจะไม่ทิ้งกัน ต้องช่วยกันออกตามหาตนอย่างแน่นอน พระเด็จ กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือด้วยความดีใจ ขอบคุณทุกคน และขอโทษที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้ทุกคนต้องเดือดร้อนในการค้นหาตนครั้งนี้ โดยเฉพาะนายโพธิ์ศรี แสงวิทย์ นายเยี่ยม มีศรี นายเนตร ทิมแห้ว และนายอำพร สุทธิหล่อ ที่ไปพบตนอยู่ในถ้ำ จากนี้ก็จะกลับไปจำวัดที่วัดบ้านพร้าวเช่นเดิม" พระเด็จ กล่าว.