
เปิดตำนานชู้รักสุดอื้อฉาว ระหว่าง ท้าวศรีจุฬาลักษณ์ (แจ่ม) พระสนมเอกของพระนารายณ์มหาราช กับ เจ้าฟ้าน้อย พระอนุชาต่างมารดารูปงาม ถูกลงทัณฑ์อย่างโหดเหี้ยม...
จากกระแสละคร บุพเพสันนิวาส ทำให้คนไทยกลับมาสนใจประวัติศาสตร์อีกครั้งนั้น โดยเฉพาะเหตุการณ์สำคัญในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ที่ยังมีอีกหลายเหตุการณ์ที่ไม่ได้ถูกกล่าวถึงในละคร อย่างเช่นตำนานชู้รักอื้อฉาวระหว่างพระสนมเอก และพระอนุชาต่างมารดาของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
โดยมีเรื่องเล่าว่า "แจ่ม" เป็นบุตรีของพระนมเปรม ผู้บริบาลถวายการเลี้ยงดูสมเด็จพระนารายณ์มหาราชมาแต่เยาว์วัย และยังเป็นน้องสาวของพระเพทราชา ต่อมาได้ถวายตัวเป็นบาทบริจาริกาในสมเด็จพระนารายณ์มหาราช จึงโปรดเกล้าฯ สถาปนาเป็น "ท้าวศรีจุฬาลักษณ์" ซึ่งเป็นชื่อเรียกตำแหน่งพระสนมเอก แต่พระองค์กลับเกิดความพึงพอใจในตัวของ "เจ้าฟ้าน้อย" ซึ่งเป็นพระอนุชาต่างมารดาของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
และเป็นที่รู้กันว่า เจ้าฟ้าน้อย มีพระจริยวัตรงดงาม รูปงาม มีน้ำพระทัยโอบอ้อมอารี จึงเป็นที่นิยมในราชสำนักและประชาชนทั่วไป ท้าวศรีจุฬาลักษณ์ จึงใช้เล่ห์เพทุบายล่อลวงจนเจ้าฟ้าน้อยเสพสังวาสด้วย โดยที่สมเด็จพระนารายณ์มหาราชไม่รับรู้ แต่กลับความแตกด้วยตัวของท้าวศรีจุฬาลักษณ์เอง เนื่องจากนางได้ผ่านไปเห็นฉลองพระองค์ตัวนอกของเจ้าฟ้าน้อยถูกถอดวางไว้ก่อนเข้าเฝ้า จึงให้นางทาสีหยิบฉลองพระองค์ไปไว้ในตำหนัก ด้วยคิดว่าเจ้าฟ้าน้อยจะตามไปที่ตำหนักของนาง แต่เจ้าฟ้าน้อยกลับไม่เฉลียวใจ เมื่อเสร็จจากการเข้าเฝ้าแล้วไม่พบฉลองพระองค์ ประกอบโขลนทวารก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนเอาไป เรื่องจึงเข้าหูสมเด็จพระนารายณ์มหาราช

ทั้งนี้สมเด็จพระนารายณ์มหาราชจึงรับสั่งให้ค้นให้ทั่ว โดยค้นจากตำหนักของพระสนมเอกก่อน และพบฉลองพระองค์ของเจ้าฟ้าน้อย ซึ่งสร้างความพิโรธแก่พระองค์เป็นอย่างมาก จึงได้โปรดเกล้าฯ ตั้งให้คณะที่ปรึกษาแผ่นดินเป็นผู้วินิจฉัยความผิดของคนทั้งสอง โดยขณะนั้นพระเพทราชาซึ่งดำรงตำแหน่งสำคัญของแผ่นดินจากการสนับสนุนของท้าวศรีจุฬาลักษณ์ผู้เป็นน้องสาว ก็มิได้คัดค้านการพิพากษา และยังเป็นผู้เสนอให้พิจารณาลงโทษประหาร คณะที่ปรึกษาจึงพิจารณาลงโทษด้วยการนำพระสนมเอกโยนให้เสือกิน
ส่วนเจ้าฟ้าน้อยให้สำเร็จโทษด้วยการใช้ไม้จันทน์สองท่อนบีบอัดเสียให้สิ้นพระชนม์ โดยอย่าให้โลหิตตกต้องแผ่นดิน แต่สมเด็จพระนารายณ์มหาราชได้พระราชทานผ่อนโทษให้ เนื่องจากพระเชษฐภคินีองค์ (พี่สาว) องค์หนึ่งเคยทูลขอให้พระองค์ปฏิบัติกับเจ้าฟ้าน้อยเหมือนพ่อดูแลบุตร ด้วยการส่งโบยด้วยหวาย โดยให้พระเพทราชากับพระปีย์เป็นผู้สำเร็จโทษจนเจ้าฟ้าสลบ เมื่อฟื้นขึ้นมาก็พบว่าพระวรกายบวมผิดปกติ มีอาการอ่อนเปลี้ยที่พระเพลา (ขา) และเป็นใบ้ แต่มีคนกล่าวว่า พระองค์แกล้งเป็นใบ้เพื่อไม่ให้สมเด็จพระนารายณ์มหาราชแคลงพระทัย
ทั้งนี้ ก่อนจะโดนโทษโยนให้เสือกินเป็นช่วงที่ ท้าวศรีจุฬาลักษณ์ กำลังจะให้ประสูติพระโอรสของเจ้าฟ้าน้อย และด้วยความเป็นลูกชู้ทำให้พระองค์ไม่ได้รับยกย่องในฐานะพระนัดดา (หลาน) จึงมีพระยศเป็น "หม่อมแก้ว" จนกระทั่งสมัยพระเพทราชาขึ้นครองราชจึงโปรดเกล้าฯ สถาปนาให้หม่อมแก้วไว้ในตำแหน่ง "กรมขุนเสนาบริรักษ์" เจ้าต่างกรม.

ภาพจาก IG @lakorn_online